วันที่ 25สิงหาคม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้เฟซบุ๊กไลฟ์ชี้แจงต่อเนื่องถึงกรณีถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างเฟลตตำรวจและโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ข้อกล่าวหาที่คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. กล่าวหาตน คือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. สมัยนั้น ทำบันทึกข้อความถึงนายกรัฐมนตรี ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างโครงการก่อสร้างโรงพักตำรวจ จากเดิมสร้างแบบแยกเสนอราคาเป็นรายภาค ภาค 1-9 จำนวนหลายสัญญา เป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างครั้งเดียว สัญญาเดียว โดยไม่ขอให้นายกฯนำเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้าง ขอชี้แจงว่าที่ไม่นำเสนอ ครม. ให้พิจารณาอนุมัติ เพราะครม.มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาวิธีการจัดจ้าง แต่เป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน หรือหัวหน้าส่วนราชการ
“ผมได้นำหลักฐานไปเสนอต่อ ป.ป.ช. ว่าเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง มีระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ออกมา ในสมัยที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ระเบียบนี้ชัดเจนเลยว่า การจัดซื้อจัดจ้างทั้งหลาย ทุกส่วนราชการต้องปฏิบัติตามนี้ และบอกไว้เสร็จเลยว่า หัวหน้าส่วนราชการ คือ อธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นนิติบุคคล ผบ.ตร.มีฐานะเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ตามระเบียบสำนักนายกดังกล่าว และมีข้อกำหนดในระเบียบสำนักนายกฯข้อ 34 ว่า ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแต่ละครั้ง ให้หัวหน้าราชการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติตามระเบียบนี้ เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการทั้งสิ้น เห็นชัดเจนว่า อำนาจในการพิจารณาว่าจะจัดจ้างอย่างไร ที่จะต้องเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ใช่อำนาจของครม.”
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา เคยมีคำวินิจฉัยกรณีที่คล้ายคลึงกัน คือ เรื่องที่ 873/2551 โดยเรื่องมีอยู่ว่ากระทรวงหนึ่งเสนอไปยัง ครม. ขอให้ช่วยอนุมัติยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯและคิดว่าคนมีอำนาจ คือ ครม. ก็ทำเรื่องเสนอไปที่ ครม. โดยครม.ได้มีมติให้ส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนมีการชี้ว่า ครม. ไม่มีอำนาจที่จะยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯ แต่ถ้าครม.ต้องการกำหนดให้เป็นอำนาจของ ครม. เสียในเรื่องวิธีการจัดจ้าง ก็ต้องแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกฯ เพราะฉะนั้นจึงต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ ดังนั้นเมื่อ พล.ต.อ.ปทีป ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการที่มีอำนาจกำหนดวิธีการจัดจ้างทำหนังสือลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 ตนจึงวินิจฉัยสั่งการได้ ฉะนั้น ถือว่าตนไม่ได้ทำความผิดตามที่อนุกรรมการไต่สวนฯป.ป.ช.ตั้งข้อกล่าวหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี