“องอาจ” แจงกระบวนการของพรรคฯ หลัง คสช. มีคำสั่งคลายล็อค วอนหารือร่วมกับ กกต. ทบทวนห้ามใช้ โซเซียลมีเดียหาเสียง ชี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ช่วงเดือน พ.ย.
16 ก.ย. 61 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค แถลงข่าวถึงกรณีที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 13 /2561 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ภายหลังที่มีคำสั่งดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญคือ การคลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้บางส่วน พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยในเบื้องต้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคทันที โดยจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) เวลา 11.30 น. ซึ่งในที่ประชุมกรรมการบริการพรรคจะมีการพิจารณาร่างข้อบังคับพรรคใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกฎหมายพรรคการเมือง และข้อกำหนดตามกติกาใหม่ โดยจะเป็นการกำหนดการดำเนินการของพรรคในหลายเรื่อง ทั้งการหาสมาชิก การเลือกหัวหน้าพรรค
นายองอาจ กล่าวว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคประชุมและเห็นชอบข้อบังคับพรรคแล้ว ในวันที่ 24 กันยายนนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีการจัดประชุมของพรรคใหม่เพื่อพิจารณาข้อบังคับพรรค และหากที่ประชุมใหญ่เห็นชอบข้อบังคับพรรคก็จะมีการดำเนินการตามข้อบังคับพรรคต่อไป อาทิ การรับสมัครสมาชิกพรรค การจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงการเลือกหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคในครั้งนี้จะมีการเลือกแบบหยั่งเสียงเลือกโดยตรงจากสมาชิกพรรค ผ่านแอพพลิเคชั่นที่พรรคจัดทำขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม และเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ทั้งยังเป็นการสืบสานเจตนารมย์ตามครรลองประชาธิปไตยของพรรค ส่งเสริมประชาธิปไตยภายในพรรค เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง และยังเป็นการสนองตอบการปฏิรูปการเมืองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้เวลาในการดำเนินการเลือกหัวหน้าพรรคประมาณ 1 เดือน ซึ่งประเมินว่าจะได้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ประมาณเดือน พฤศจิกายน.ที่จะถึงนี้
นายองอาจ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าว ระบุให้พรรคสามารถติดต่อสมาชิกผ่านโปรแกรมโซเชียลมีเดีย แต่ห้ามหาเสียงเลือกตั้งว่า ตนอยากให้ คสช. หารือร่วมกับ กกต.ในการใช้โซเชียลเมีเดียในการสื่อสารของพรรคการเมือง สมาชิก และผู้สมัคร เพราะการกำหนดกว้างๆ นั้น เป็นการไม่เอื้อต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ไม่เป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นประเทศไทย 4.0 เพราะขณะนี้สังคมก้าวหน้าไปมาก มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารกว่างขวาง แต่กลับมาห้ามใช้ช่องทางดังกล่าวสื่อสารระหว่างพรรคการเมือง สมาชิก และผู้สมัคร ทั้งที่เรื่องการใช้โซเชียลมีเดียในเรื่องนี้ไม่เป็นการกระทบความมั่นคงประเทศแต่อย่างใด และหากพบว่ามีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดกระทำผิดก็สามารถดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายได้
“อยากฝากให้ คสช.พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ โดยคสช.อาจหารือกับ กกต. เพราะเป็นคนกำหนดกติกาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะมองว่าตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญทางการเมืองใน และหัวใจสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตย สร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะหลังจากนี้การดำเนินการทางการเมืองใดๆ ควรเป็นไปอย่างโปร่งใส เท่าเทียม เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าเราจะเดินไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังกล่าวกรณีที่ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น ว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดาของทางพรรค เพราะ เมื่อมีการเลือกตั้งหัวหน้า ก็จะมีผู้เสนอตัว หรือสมาชิกในพรรคให้การสนับสนุนบุคคลขึ้นมาชิงตำแหน่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเกิดขึ้นในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่แค่น.พ.วรงค์ แต่คนอื่นก็สามารถเสนอตัวเข้าเป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ได้ อย่างไรก็ตามการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ และเชื่อว่าทุกคนจะเคารพมติของสมาชิกพรรคซึ่งเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี