18 ก.ย.61 ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มผู้พิพากษาเข้าชื่อเพื่อขอถอดถอน นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา และกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ในศาลฎีกา พ้นจากตำแหน่ง ก.ต.ว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย.เป็นวันครบกำหนดให้ผู้พิพากษาเข้าชื่อซึ่งมีจำนวน ทั้งหมด 1,734 ราย ครบเกณฑ์ 1 ใน 5 ของจำนวนผู้พิพากษาทั่วประเทศ 4,493 ราย ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 42 , 43 ประกอบระเบียบ ก.ต.ว่าด้วยการเข้าชื่อและการลงมติถอดถอนฯ ข้อ 5
สำหรับขั้นตอนต่อไปสำนักงานศาลฯ จะส่งเรื่องให้นายชำนาญ ผู้ถูกยื่นถอดถอนทำคำชี้แจงภายใน 7 วัน นับจากวันนี้ (18 ก.ย.) โดยให้ส่งคำชี้แจงภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ แล้วปิดประกาศคำชี้แจงของนายชำนาญที่ศาลทั่วประเทศไว้ 7 วัน ระหว่างนี้ทางสำนักงานศาลฯ จะทยอยจัดส่งบัตรลงคะแนนการถอดถอนทางไปรษณีย์ให้ผู้พิพากษาทั่วประเทศ จำนวน 4,493 ราย เพื่อลงมติ แล้วให้ส่งบัตรกลับมายังสำนักงานศาลฯ ภายในวันที่ 25 ต.ค.นี้ เวลา 16.30 น.และจะเริ่มดำเนินการนับคะแนนตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.นี้ ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งผลคะแนนของการถอดถอนนั้น ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ในระเบียบจะต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้พิพากษาทั่วประเทศที่มีสิทธิลงคะแนน คือ จำนวน 2,243 ราย เมื่อได้ผลแล้วจะประกาศเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นไลน์ของสำนักงานศาลยุติธรรม (COJ) ต่อไป
นายสราวุธ กล่าวต่อไปว่า กระบวนการถอดถอนได้ตั้ง "คณะกรรมการดำเนินการเพื่อลงมติถอดถอน ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิ" เพื่อดูแลความเรียบน้อยทั้งหมด โดยมีตนเป็นประธาน และผู้พิพากษาระดับศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ศาลละ 2 คน ร่วมเป็นกรรมการรวม 7 คน ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ก็ได้มีการประชุมกันแล้ว และมีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนรวม 11 คน
สำหรับบัตรลงคะแนนที่จะต้องส่งให้กับผู้พิพากษานั้น ในบัตรจะไม่มีการให้ระบุชื่อ เพราะต้องเป็นการลงคะแนนลับ โดยมีตัวเลือก 2 ช่อง "ถอดถอน" และ "ไม่ถอดถอน" เพื่อให้ทำเครื่องหมายส่งกลับมา อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้นายชำนาญก็จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะ ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในศาลฎีกาเป็นการชั่วคราว จนถึงวันนับคะแนนวันที่ 26 ต.ค.นี้ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้พิพากษาพิจารณาอรรถคดีต่างๆ ในตำแหน่งประธานแผนกคดีล้มละลายฯนั้นก็คงดำเนินต่อไป เพราะเป็นคนละส่วนกัน
ทั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการถอดถอน ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ที่นายชำนาญได้ชี้แจงว่าในการประชุม ก.ต.ชั้นพิจารณาความเหมาะสมการโยกย้ายตำแหน่งของนายชำนาญระดับรองประธานศาลฎีกานั้น นายชำนาญได้ขอให้ประธานศาลฎีกาโอนคดีมรดกของครอบครัวที่มีปัญหาตามที่เครือญาติซึ่งเป็นโจทก์ได้ร้องขอไปพิจารณายังศาลอื่น โดยเรื่องนี้เป็นประเด็นในการยื่นถอดถอน และบอกว่าโดยตกลงจะไม่ดำเนินคดีกับ ก.ต.ที่ดำเนินการพิจารณาวาระการโยกย้ายไม่ชอบนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสราวุธ ระบุเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องใดๆ ในการประชุมก็จะบันทึกไว้เป็นรายงานการประชุม ซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ท่านให้ข้อมูลอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชำนาญได้แจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อคณะผู้แทนที่ยื่นหนังสือขอถอดถอนนั้น จะกระทบต่อกระบวนการเสนอถอดถอนและคณะผู้ลงชื่อหรือไม่ นายสราวุธ ชี้แจงว่า ไม่กระทบกระบวนการ ทั้งนี้ ตามกฎหมายไม่ได้ระบุความคุ้มครองต่อผู้ยื่นถอดถอนไว้เหมือนกับการคุ้มครองเอกสิทธิ์ ส.ส.ในสภา โดยระบบการถอดถอนไม่ว่าจะเรื่องใด ตามหลักสากลต้องมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ถอดถอนเพื่อให้สามารถตรวจสอบที่มาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ตามกระบวนการของศาลไม่ได้ระบุความคุ้มครองไว้ แต่ถ้าเป็นการดำเนินที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ย่อมได้รับความคุ้มครอง ส่วนสิทธิ์ของการฟ้องคดีทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฟ้องได้ หากเห็นว่ามีเรื่องที่กระทบส่วนตัว เรื่องคดีแต่ละคนก็ต้องว่ากันไป
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับนายชำนาญว่า ในการประชุม ก.ต.เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 68 กำหนดให้ประธานศาลฎีกามีอำนาจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามระเบียบวิธีการที่ ก.ต.กำหนด โดยคณะกรรมการที่แต่งตั้งมีทั้งหมด 3 คน ซึ่งจะมีตำแหน่งจะสูงกว่าระดับประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ที่นายชำนาญดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน ระยะเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นจะอยู่ในช่วง 30 - 45 วัน ซึ่งมีการสอบสวนทันทีเมื่อประธานศาลฎีกาได้แต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว โดยในชั้นนี้นายชำนาญยังมีโอกาสที่จะได้เข้าชี้แจง ด้วยการเชิญตัวมาสอบถามหรือยื่นเอกสาร
ส่วนการดำเนินการถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง ก.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิในศาลฎีกานั้น ก็จะดำเนินไปตามกรอบเวลา ไม่จำเป็นต้องรอผลการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้นนี้ เนื่องจากเป็นคนละประเด็นกัน โดยการสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้นเป็นเรื่องการรักษาวินัยของผู้พิพากษา ส่วนการยื่นถอดถอนเป็นกรณีที่รวบรวมรายชื่อผู้พิพากษาตามระเบียบ ก.ต. ว่าด้วยการเข้าชื่อและการลงมติถอดถอนฯ ข้อ 5
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี