19 ก.ย. 61 เพจเฟชบุ๊ก Peace News ได้อ้างคำกล่าวของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ หัวข้อ “12 ปี 19 กันยายน 2549” ว่า วันนี้ครบรอบการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ดูเสมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาถึง 12 ปี
ถ้าถอยย้อนไปยังแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ซึ่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้นำยึดอำนาจช่วงนั้น อ่านในเวลา 23.50 น. ของวันที่ 19 กันยายน 2549 มีถ้อยคำเบื้องต้นอย่างนี้ว่า ด้วยเป็นที่ปรากฏความแน่ชัดว่า การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการณ์ปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของชนในชาติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีหลากหลายทุกรูปแบบ มีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
นายจตุพร กล่าวว่า ต่อมาหัวหน้าคณะรัฐประหารชุดนั้นได้อธิบายต่อตัวแทน 7 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนถึง 5 เหตุผลของการยึดอำนาจ หัวข้อแรก ไม่ต้องการเห็นชาติบ้านเมืองแบ่งแยกเป็นภาค ประเทศไทยเคยเสียดินแดนมาแล้ว 14 ครั้ง ทุกคนต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีแทนการแตกแยก
สอง ที่ผ่านมามีการทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นภัยต่อความมั่นคง ข้าราชการประจำต้องสร้างทัศนคติ อุดมการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สาม ที่ผ่านมามีการแทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง สี่ ไม่มีความเป็นธรรมในสังคม และห้า รัฐธรรมนูญมีหลายเรื่องควรแก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์มากขึ้น
“จากแถลงการณ์ฉบับที่หนึ่ง จนกระทั่งเหตุผลที่มีการอธิบายในเวลาต่อมาของหัวหน้าคณะรัฐประหารในขณะนั้น เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า เหตุผลหลักที่ได้อธิบายเหมือนกันทุกครั้งนั่นคือความแตกแยก ความวุ่นวายที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรง ถ้านึกถอยย้อนไปเวลานั้นก็มีการอธิบายกันว่า ถ้าไม่ยึดอำนาจในวันที่ 19 กันยายน ปี 2549 นั้น คนไทยจะต้องฆ่ากัน เพราะฉะนั้น เรื่องความไม่สงบนั้น จะถูกหยิบยกขึ้นมาทุกครั้งในสถานการณ์ของการยึดอำนาจ”
ประธาน นปช. กล่าวว่า ตนเห็นว่าความหายนะของประเทศไทยเรา ได้เริ่มต้นในวันนี้เมื่อ 12 ปี ที่แล้ว เราเองก็ไม่เคยข้ามพ้นกับดักเหล่านี้ได้มาแม้แต่เพียงครั้งเดียว แม้ว่าในห้วงระยะเวลา 12 ปี เราอาจจะมีคณะรัฐบาลมาจากคณะรัฐประหาร 2 ครั้ง มีนายกรัฐมนตรีซึ่งมาจากการเลือกตั้งอีก 4 คนก็ตาม แต่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ลุ่มๆดอนๆกันมาโดยตลอด ไม่ได้มีอะไรที่จะปรากฏความมั่นคงทางการเมือง
“ผมเองได้เห็นถึงสถานการณ์อันนี้ แล้วก็เป็นบทเรียนที่เราจะต้องเดินกันต่อไปว่า เหตุผลต่างๆที่ถูกหยิบยกกันขึ้นมานั้น ท้ายที่สุดก็ยังอธิบายความกันไม่ได้เลยว่า ความแตกแยกที่จะทำให้คนไทยถึงขนาดจะต้องฆ่ากันนั้นเกิดมาจริงหรือไม่ ถ้าไม่ยึดอำนาจวันที่ 19 กันยายน ปี 49”
รวมทั้ง การแทรกแซง การทุจริต หรือความไม่เป็นธรรม ปัจจุบันนี้นับมาถึง 12 ปีนั้น เรายังมีปัญหาเดิมอยู่อีกหรือไม่ แต่ว่าเรื่องใหญ่ที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ถ้าเราลองถอยย้อนไปอ่านเหตุผลของการยึดอำนาจแต่ละครั้ง ไม่มีความแตกต่างกัน
“วันนี้เรากำลังเดินเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ดูหน้าข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านก็บอกชัดเจนว่าพรรคที่ชนะจะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละครับ ว่าภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น ให้วุฒิสภา 250 เป็นผู้เลือกร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน ซึ่งเป็นระบบบัตรใบเดียว ซึ่งจะต้องใช้เสียง 376”
ดังนั้น 12 ปีที่ผ่านมา เรามีเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมามากมาย วันนี้เราก็ต้องตั้งคำถามทบทวนตัวเองว่า เราจะให้ประเทศไทยอยู่กับความล้มเหลว อยู่กับกับดักสิ่งเหล่านี้ต่อไปกันอีกหรือไม่ เหตุผลที่หยิบยกขึ้นมาอ่านให้ฟังนั้น ก็ยังเป็นเหตุผลอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกหยิบยกมาใช้เป็นเหตุผลของการยึดอำนาจ หรือจะไม่มีการเลือกตั้งก็ตาม ก็จะถูกหยิบยกเหตุผลเหล่านี้
“ในฐานะประชาชน ในฐานะคนที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียใดๆทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ก็ต้องบอกกล่าวกับทุกฝ่ายว่า เมื่อเห็นเหตุผลต่างๆในเวลาที่อำนาจนอกระบบจะเข้ามานั้น เราทุกฝ่ายจะต้องไม่สร้างตัวเองให้เป็นเงื่อนไข มิฉะนั้นเราก็เดินเข้าสู่กับดักเช่นเดิมอีก”นายจตุพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี