อย่าตกเป็นเหยื่อ นปช.ทักษิณ! ‘มัลลิกา’เตือน‘แม่น้องเกด’ ย้อนเจ็บ12ปีใครกันแน่ทำระยำกับชาติ
20 ก.ย.61 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า คำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ข้อมูลไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับอดีตรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนDSI คือ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ , พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ, ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล
โดยคำพิพากษาลงมาเมื่อ 20 มีนาคม 2560 เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ยืนยันประกอบได้ว่าทหารไม่ได้ยิงประชาชน แต่ทหารและประชาชนถูกกระทำจนตาย เนื่องจากกลุ่มชายจำนวนหนึ่งในชุดดำแฝงอยู่กับประชาชนชุดแดงเมื่อปี 2553 ตั้งแต่เหตุการณ์สี่แยกคอกวัวจนถึงเหตุการณ์วัดปทุมวนารามล้วนมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ใช้อาวุธในการชุมนุมที่คนเรียกกันว่า “ชายชุดดำ”
นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วตามทางไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความว่า นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชนที่บริเวณรัฐสภา เพื่อต่อต้านนายอภิสิทธิ์ไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ต่อมา นปช. บางส่วนได้เคลื่อนขบวนไปตามพื้นที่ในกรุงเทพปิดล้อมอาคารสถานที่ราชการปิดเส้นทางการจราจรบางแห่งนำเลือดไปทีที่ทำเนียบรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนั้นมีเหตุการณ์คนร้ายยิงจรวดอาร์พีจีและปาระเบิดใส่สถานที่ราชการหลายแห่ง
จากนั้นต้นเดือนเมษายน 2553 กลุ่ม นปช. เริ่มขยายพื้นที่การชุมนุมเคลื่อนขบวนไปตั้งบริเวณสี่แยกราชประสงค์และกลุ่ม นปช. ก็เคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสถานีดาวเทียมไทยคมเพราะรัฐบาลตัดสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีพีทีวีแล้วนปช.เดินทางไปปิดล้อมรัฐสภาบุกเข้าไปในอาคารมีการยึดอาวุธและทำร้ายสารวัตรทหารจนบาดเจ็บ และต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารโดยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงเคลื่อนกำลังขอพื้นที่คืนเกิดการปะทะกับกลุ่มนปช.ติดอาวุธ แล้วก็ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์และสะพานชมัยฯและอีกหลายจุดจนถึงบริเวณสี่แยกคอกวัว
จากนั้นในตอนค่ำมีชายชุดดำแฝงในกลุ่มชุดแดงเอาใช้อาวุธปะปนอยู่ในกลุ่ม นปช. และซุ่มอยู่ตามอาคารบริเวณดังกล่าวมีการยิงด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 จากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมีเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากจากนั้นกลุ่มนปช. นี้ก็ย้ายไปราชประสงค์จนถึงตอนยุติการชุมนุมแต่กลับมีสถานการณ์จลาจลจะมีผู้ก่อเหตุกราดยิงในวัดปทุมวนาราม
ช่วงหนึ่งของการไต่สวนมูลฟ้องฉบับนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะเกิดเหตุปี 2553 การชุมนุมทำการปิดกั้นกีดขวางการจราจรบนถนนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนการชุมนุมมีการใช้อาวุธและมีกองกำลังติดอาวุธเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้เข้ามากระชับพื้นที่หรือขอคืนพื้นที่ชุมนุมเป็นเหตุให้ควบคุมสถานการณ์ด้วยคำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายทั้งนี้เพื่อแก้ไขให้เกิดความสงบเรียบร้อย
ในตอนท้ายสรุปว่าจากหลักฐานพยานเข้าไต่สวนมานั้นมีเหตุผลให้เชื่อว่าจำเลยคือนายธาริต เพ็งดิษฐ์และคณะ 4 คนมิได้ปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทางราชการอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 200 ตามฟ้องได้
“ดิฉันสรุปเรื่องนี้ให้พวกคณะของแม่น้องเกดและประชาชนเสื้อแดงอื่นๆ เพื่อให้ได้สติว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่ม นปช.ทักษิณอีก อย่าเป็นเครื่องมือลุกขึ้นมาปลุกปั่นอีกรอบ เพราะการจะเรียกร้องหาข้อเท็จจริงต้องปราศจากอคติ และควรปรารถนาดีต่อลูกหลานของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ตั้งแง่แต่ว่าต้องใส่ร้ายทหาร หลักฐานพยานอีกประการหนึ่งคือวิถีกระสุนที่มีการพิสูจน์หลักฐานของที่นิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมในปี 2553 นั้นก็ชัดเจนดีว่าเป็นวิถีกระสุนที่ไม่ได้มาจากมุมสูง แต่เป็นมุมราบ แล้วใครที่อยู่ในมุมราบ ใช่ชายชุดดำหรือไม่ แล้วชายชุดดำมาจากใครคงต้องถาม นปช.และทักษิณ”
“นี่ต่างหาก 12 ปีของการครบรอบผู้ที่กระทำระยำตำบอนกับประเทศชาติบ้านเมือง และเจตนาจะใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองโดยที่ไม่ชะโงกดูพฤติกรรมตัวเองว่าครอบครองอาวุธกัน ทำไมติดอาวุธเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตามที่แกนนำนปช.อย่างนายอริสมันต์ประกาศบนเวทีเพื่ออะไร” นางมัลลิกา ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี