1.ในการปฏิบัติราชการ หัวหน้าส่วนราชการไม่ว่าจะเป็นระดับ นายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี หรือผู้ว่าราชการจังหวัด หากมีภาระกิจตามอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการมากหรือหลากหลายก็สามารถมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในส่วนราชการเดียวกันหรือส่วนราชการอื่น หรือผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทนได้ เว้นแต่กฎหมาย กฎระเบียบหรือมติค.ร.ม.มิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจในการสั่ง อนุญาต อนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่นใดที่ผู้ดำรงตำแหน่งจะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอำนาจไว้ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา (มาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
2.เมื่อมีการมอบอำนาจแล้ว ผู้รับมอบอำนาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอำนาจนั้นโดยผู้มอบอำนาจจะกำหนดให้ผู้รับมอบอำนาจ มอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนต่อไปก็ได้(มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
3.ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการทางวินัยโดยการมอบให้ผู้บังคับบัญชาระดับต่ำไปปฏิบัติราชการแทนตามหลักเกณฑ์ที่ก.พ.กำหนดก็ได้ (มาตรา 90 วรรคสาม) โดยก.พ.กำหนดหลักเกณฑ์ประการสำคัญไว้ว่า ผู้มอบหมายอำนาจหน้าที่ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้รับมอบหมาย เว้นแต่เป็นการดำเนินการทางวินัยกับผู้ดำรงตำแหน่งในต่างประเทศ (หนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่นร 1011/ว 35 ลงวันที่ 28 กันยายน 2551)
4.ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้นในราชการส่วนภูมิภาค จะเป็นภาระของอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะต้องดำเนินการ ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญเพราะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด และอธิบดีต่างก็เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงเหมือนกัน
5.เรื่องนี้ได้นำเสนอ ก.พ.พิจารณาและได้ข้อยุติว่า การที่จะพิจารณาว่าผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอำนวยการระดับต้นในสังกัดจังหวัดนั้น ให้พิจารณาว่าอธิบดีได้มอบอำนาจการดำเนินการทางวินัยให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ ถ้าหากมีการมอบอำนาจไว้ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็สามารถดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอำนวยการระดับต้นได้ แต่ถ้าหากไม่มีการมอบอำนาจไว้ ก็ตกเป็นหน้าที่ของอธิบดี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจดำเนินการทางวินัยตามมาตรา 90 ได้ (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่ นร 1011/541 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2554)
6.หารือมาในประเด็นเฉพาะตำแหน่งอธิบดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้น คำตอบก็เลยออกมาแบบนี้ แต่โดยปกติแล้วอาจจะมีผู้ได้รับมอบหมายตามมาตรา 90 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 หรือผู้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ.2550 มาตรา 22 และมาตรา 23 เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยได้ด้วยครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี