วันพุธ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
เปิดสำนวนคำฟ้องปปช. มัด‘นพดล’ ยกแผ่นดินไทยให้เขมร

เปิดสำนวนคำฟ้องปปช. มัด‘นพดล’ ยกแผ่นดินไทยให้เขมร

วันจันทร์ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :
  •  

เปิดสำนวนคำฟ้องปปช.

มัด‘นพดล’

ยกแผ่นดินไทยให้เขมร

ปมลงนามแถลงการณ์ร่วม

ไม่นำเข้ารัฐสภาขออนุมัติ

ศาลฎีกานัดประชุม26มีค.

เลือกองค์คณะพิจารณาคดี

มีรายงานข่าวว่าศาลฎีกา จะประชุมใหญ่ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน เพื่อพิจารณาคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศเป็นจำเลย ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีที่ นายนพดล ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18มิถุนายน พ.ศ.2551 ที่สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทย

คดีนี้ ปปช.ทั้ง9 คน ลงนามยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 โดยคำฟ้องทั้งหมด 17 หน้า ได้บรรยายย้อนเหตุการณ์ตั้งแต่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ลงความเห็นเมื่อวันที่15 มิถุนายน2505 ว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ภายใต้อาณาเขตอธิปไตยของกัมพูชาฯลฯ และประเทศไทยโดย พันเอกถนัด คอมันต์ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้นยื่นคำแถลงการเพื่อประท้วงคำพิพากษาศาลโลกว่าคำพิพากษานั้นขัดต่อกฎหมายและความยุติธรรมนอกจากนี้ ยังสงวนสิทธิ์ที่ประเทศไทยจะเรียกร้องปราสาทพระวิหารกลับคืนในอนาคตด้วย


ทั้งครม.ในขณะนั้นมีมติ ว่าการกำหนดเขตบริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อปฎิบัติตามศาลโลก ให้ใช้วิธีที่2ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกำหนดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบปราสาทพระวิหารเนื้อที่ประมาณ 1ใน4 ตารารางกิโลเมตร มติครม.ดังกล่าวจึงยังมีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีทุกชุดต้องยึดถือปฎิบัติตามจนถึงปัจจุบันนี้

กระทั่งพ.ศ.2548 กัมพูชายื่นเอกสารต่อองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว และทางนายมนัสพาสน์ ชูโต เอกอัคราชฑูตไทยประจำสหรัฐ ไปคัดค้านไว้ในการประชุมบอร์ดมรดกโลกที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จนกัมพูชาไม่สามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้

เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช รับหน้าที่นายกรัฐมนตรีแล้ว วันที่ 3-4 มีนาคม 2551 นายสมัคร ไปพบผู้นำกัมพูชาเรื่องขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และจำเลยคือนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ไปหารือกับนายสก อาน รองนายกฯ และรมต.ประจำสำนักนายกฯกัมพูชา ที่ทางกัมพูชาของให้ไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร

จากนั้นจำเลยคือนายนพดล ได้นำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา ให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศพิจารณา ทางนายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในขณะนั้น มีบันทึกช่วยจำคัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่จำเลยไม่เห็นด้วยจึงเสนอครม.ให้นายวีระชัย พลาศรัยพ้นจากตำแหน่ง ทั้งที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงทักท้วง แต่จำเลยยังยืนยันว่าไม่สามารถรวมงานกับอธิบดีที่มีความคิดเช่นนี้ได้

ต่อมานายนพดล จำเลยยังเดินทางไปเขมรอีกหารือกับนายสก อาน เรื่องปราสาทพระวิหารรวมไปถึงการกำหนดเขตทางทะเลระหว่างประเทศ และมีความจะทำแถลงการร่วม โดยไม่ฟังเสียงคัดค้าน นำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ แบบปิดบังอำพรางและมีเหตุจูงใจแอบแฝงอยู่ แล้วนำเข้าที่ประชุมครม.โดยไม่มีเอกสารแจกให้ที่ประชุมพิจารณาล่วงหน้า เพียงแต่แสดงแผนที่บนจอภาพ ใช้เวลา 15 นาทีมีรัฐมนตรีอภิปรายทักท้วงในเรื่องเขตแดน แต่จำเลยก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหา และกระทำอย่างลุกลี้ลุกลนให้ครม.ยอมรับร่างคำแถลงการ จนวันที่ 18 มิถุนายน 2551 จำเลยได้ลงนามในแถลงการดังกล่าว ไม่สนใจในเสียงทักท้วง ท้วงติงจากหลายฝ่าย

โจทก์ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา นี้เป็นหนังสือสัญญาซึ่งต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 190 วรรคสองและ3 ของรัฐธรรมนูญ(ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา) เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร จะต้องออกเป็นพรบ.เพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญา และรับฟังความเห็นจากประชาชน

และพิจารณาตามถ้อยคำ เนื้อหาสาระในคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา จะเห็นได้ชัดว่า คำแถลงการนี้มีผลทำให้ราชอาณาจักรไทยต้องสละสิทธิ์ในข้อสงวนที่ประเทศไทยจะต้องเอาประสาทพระวิหารกลับคืนมาในอนาคต กรณีศาลโลกได้พิพากษาเมื่อ 15มิถุนายน2505 เป็นการยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาเหนือซากของปราสาทพระวิหาร

ทั้งยังเป็นการแสดงเจตนายืนยันชัดแจ้งถึงการยอมรับในแผนที่กำหนดแนวเขตที่จัดทำโดยกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว แถลงการร่วมไทย-กัมพูชา จึงมีลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย

ประเด็นการกระทำของจำเลยนายนพดล ปัทมะ ขัดต่อมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญนายสุวัฒร อภัยภักดิ์ กับพวก9คน ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง กลาง และศาลปกครองพิจารณาแล้วมีคำสั่งกำหนดมาตราการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ไม่ให้ รมว.ต่างประเทศ และครม.ดำเนินการใดๆที่เป็นข้ออ้าง หรือใช้ประโยชน์จากมติครม.เมื่อ 17 มิถุนายน 2551และสุดท้ายศาลปกครองสูงสุดชี้ว่า แถลงการร่วมนี้เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย

นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่8 กรกฎาคม2551ว่าคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา ดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เพราะมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย ฯลฯ

ในคำฟ้องข้อ 6 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนายนพดล ปัทมะ รู้อยู่อย่างถ่องแท้ว่า แถลงการร่วมนี้อาจมีผลเปลี่ยนแปลงเขตแดนของประเทศไทย มีผลกระทบทางสังคม แต่จำเลยได้กระทำไปโดยปกปิดซ่อนเร้น บิดเบือนข้อมูล ข้อเท็จจริง จำเลยเอาใจฝักใส่ในผลประโยชน์ประเทศกัมพูชายิ่งกว่าผลประโยชน์ของประเทศไทย ด้วยเจตนาที่แอบแฝงในประโยชน์ที่ตรงข้ามกับประโยชน์ของประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สมเจตนาแห่งตนโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายด้านอาณาเขตดินแดน และอำนาจอธิปไตยของประเทศ โดยเจตนาไม่สุจริต จึงถือว่าการกระทำดึงกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เหมาะสม ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี อำนาจหน้าที่แห่งตน มิได้ยึดถือว่าตนเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ไม่ปฎิบัติหน้าที่ตามพรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กระทำขัดรัฐธรรมนูญ ขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ไม่ส่งเสริมคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ไม่รับฟังความเห็นของประชาชน

จึงมีผลให้การลงนามในคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลผูกพันต่อประเทศไทย และเป็นการปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยและคนไทยทุกคน หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริต จึงมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ท้ายคำฟ้อง โจทก์ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้โปรดออกหมายเรียกนัดและเรียกจำเลย คือนายนพดล ปัทมะ มาพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งทางศาลฎีกา ได้นัดประชุมใหญ่ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน เพื่อพิจารณาคดีดังกล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ดับฝันขาโจ๋!!! \'พิชัย\'รับทบทวนเงินหมื่นเฟส 3 เซ่นพิษภาษีทรัมป์ ดับฝันขาโจ๋!!! 'พิชัย'รับทบทวนเงินหมื่นเฟส 3 เซ่นพิษภาษีทรัมป์
  • ด่วนที่สุด!!! ศาลรธน.สั่ง‘ทวี สอดส่อง’หยุดปฏิบัติหน้าที่ดูแล‘ดีเอสไอ’ เซ่นรับสอบ‘ฮั้วสว.’ ด่วนที่สุด!!! ศาลรธน.สั่ง‘ทวี สอดส่อง’หยุดปฏิบัติหน้าที่ดูแล‘ดีเอสไอ’ เซ่นรับสอบ‘ฮั้วสว.’
  • \'เพื่อไทย\'เสนอ\'โฉนดเพื่อเกษตรกรรม\'ส่งเสริมอาชีพ ขยายโอกาสบนที่ดิน ส.ป.ก. 'เพื่อไทย'เสนอ'โฉนดเพื่อเกษตรกรรม'ส่งเสริมอาชีพ ขยายโอกาสบนที่ดิน ส.ป.ก.
  • ‘หมอเปรม’จ่อล่าชื่อเบรก‘สภาสูง’ สอดไส้ประชุมวิสามัญเคาะเก้าอี้องค์กรอิสระ ‘หมอเปรม’จ่อล่าชื่อเบรก‘สภาสูง’ สอดไส้ประชุมวิสามัญเคาะเก้าอี้องค์กรอิสระ
  • เกมล้าง‘สายสีน้ำเงิน’? ‘บิ๊กเกรียง’ลั่นพร้อมแจงปม‘ฮั้ว สว.’ สู้ตามข้อเท็จจริง เกมล้าง‘สายสีน้ำเงิน’? ‘บิ๊กเกรียง’ลั่นพร้อมแจงปม‘ฮั้ว สว.’ สู้ตามข้อเท็จจริง
  • \'กกต.\'แจงคำร้องเลือก สว. ดำเนินคดีอาญา-ร้องศาล 22 สำนวน 'กกต.'แจงคำร้องเลือก สว. ดำเนินคดีอาญา-ร้องศาล 22 สำนวน
  •  

Breaking News

(คลิป) 'จตุพร'เปลือยนิสัย'ทักษิณ' เล่าหมดเปลือกแผนหนี'ตระกูลชินวัตร'หากบอก ไม่หนี คือ หนี !!

มาทีมแรก!เพเซอร์สทุบแคฟส์คารังลิ่วชิงแชมป์สายNBA

ดับฝันขาโจ๋!!! 'พิชัย'รับทบทวนเงินหมื่นเฟส 3 เซ่นพิษภาษีทรัมป์

ตำรวจเตรียมนำตัว 'สจ.กอล์ฟ' พร้อมลูกน้องรวม 7 คนฝากขังต่อศาลจังหวัดสงขลา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved