‘ดอน’ยันคนไทยในอิหร่าน
ยังปลอดภัยดี
พร้อมอพยพหากเหตุรุนแรง
เผยสหรัฐส่งซิกล่วงหน้า1วัน
ก่อนสังหารนายพลโซไลมานี
ฐานทัพลุงแซมผวา!ขีปนาวุธ
“ดอน”ยันสหรัฐฯแจ้งข่าวลับล่วงหน้า 1 วันก่อนสังหารผู้นำทหารอิหร่าน ทั้งหวังว่าเหตุการณ์ความไม่สงบตะวันออกกลางไม่บานปลาย เบื้องต้นรับรายงานคนไทยในอิรัก-อิหร่าน ยังปลอดภัย และเหตุการณ์ยังปกติโดยนายกฯสั่งพร้อมอพยพถ้าเกิดความรุนแรง ด้านฐานทัพลุงแซมในตะวันออกกลาง เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด ผวาอิหร่านประเคนขีปนาวุธถล่ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่7มกราคม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ระหว่าง อิหร่าน และสหรัฐอเมริกาว่า สถานการณ์คงจะไม่บานปลาย หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยับยั้งชั่งใจ ไม่ยั่วยุ เพื่อให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุก ๆ ประเทศ มีความกังวล กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เรามีคนไทย ที่พำนักอยู่ในประเทศอิหร่านกว่า 200 คน และอิรักร่วม 90 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา แม่บ้าน และวัยทำงาน เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ทวีความรุนแรง จะสามารถนำคนไทยกลับได้ทันท่วงทีหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เหตุการณ์ยังปกติดี ยังไม่มีการก่อจราจลรุนแรง และยังไม่มีเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วง ส่วนการแจ้งเตือนประชาชนคนไทยก็เป็นหน้าที่หลักของสถานทูตอยู่แล้ว
เผยทรัมป์ส่งซิกก่อนโจมตี1วัน
ต่อมาในช่วงบ่าย นายดอนยังให้สัมภาษณ์อีกรอบหนึ่งกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร อยากให้รัฐบาลส่งสัญญาณให้ประเทศในอาเซียนส่งสัญญาณให้สหรัฐอเมริกา ประนีประนอมหรือพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่าน ว่า อันที่จริงก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ม.ค. ทางสหรัฐฯได้ประสานมายังไทยเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ว่าเขามีเหตุว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ และก็มีการติดต่อกับอาเซียนอยู่แล้ว โดยแจ้งก่อนล่วงหน้า 1 วันเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ช่องว่างที่จะไปยับยั้งอะไรกันในวันนั้นๆ เราเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่เกิดซ้ำ หรือว่าไม่บานปลายไป ส่วนท่าทีของไทยก็มีคำกล่าวออกไปแล้ว และเราติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและไม่อยากให้สถานการณ์บานปลาย ไม่มีการยั่วยุ อยากให้ช่วยกันลดความตึงเครียด เพื่อให้ความสงบสุขและสันติภาพไม่ถูกรบกวน
ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม สั่งให้ทุกฝ่ายเกะติดสถานการณ์อิหร่านสหรัฐอย่างใกล้ชิด หากมีความจำเป็นต้องต้องนำคนไทยออกจากพื้นที่ขัดแย้งก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการได้เลย
ฐานทัพสหรัฐเตรียมพร้อม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในรัฐบาลวอชิงตัน เปิดเผยกับสำนักข่าวเอพี ว่ากองทัพสหรัฐซึ่งประจำการอยู่แทบทุกประเทศในตะวันออกกลาง อยู่ในสถานะพร้อมขั้นสูงสุดเพื่อรับมือกับ “เหตุการณ์ไม่คาดฝัน” จากอิหร่าน โดยมีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะพุ่งเป้าเล่นงานเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับบัญชาของกองทัพสหรัฐในตะวันออกกลาง เพื่อให้เป็น “การตอบโต้ที่เท่าเทียม” กับการสูญเสียพล.ต. กัสเซ็ม โซไลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังนักรบพิเศษ “คุดส์” ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี )
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดัวกล่างมีขึ้นหลังนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวกับสื่อท้องถิ่นหลายแห่ง เมื่อวันอาทิตย์ ว่ารัฐบาลวอชิงตันมีเป้าหมายเป็น “ผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง” ของอิหร่าน มากกว่าผู้นำกองกำลังติดอาวุธหลายแห่งในตะวันออกกลางซึ่งเป็นพันธมิตร หรือเป็น “ตัวแทน” ของรัฐบาลเตหะราน ขณะที่มีรายงานด้วยว่า เรือรบของอิหร่าน “เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” ในช่องแคบฮอร์มุซ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาวหรือกระทรวงกลาโหม ในการให้ฐานทัพสหรัฐทั่วโลก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่เปิดโอกาสให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา
ผวาขีปอาวุธของอิหร่าน
อนึ่ง ฐานทัพอากาศขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐในตะวันออกกลาง คือฐานทัพอากาศอากาศอัล-ยูเดอิด ตั้งอยู่ในกาตาร์ และอยู่ในพิสัยทำการของขีปนาวุธจากอิหร่าน โดยมีเพียงอ่าวเปอร์เซียเป็นพรมแดนธรรมชาติคั่นกลางเท่านั้น ส่วนฐานทัพกองเรือที่ 5 ของสหรัฐตั้งอยู่ในบาห์เรน นอกจากนี้สหรัฐยังมีฐานทัพขนาดใหญ่ในคูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ด้วย
ขณะที่กองทัพสหรัฐเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองพลส่งกำลังทางอากาศที่ 82 ซึ่งเดินทางจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาไปปักหลักที่คูเวตนั้น ไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้ง เนื่องจากภารกิจสำคัญของกองพลส่งกำลังทางอากาศที่ 82 ในครั้งนี้ คือการเป็น”หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว”และอาจต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่ประจำการหลายครั้ง
ทรัมป์ไม่เชื่ออิหร่านมีนิวเคลียร์
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่า”ไม่มีทางที่อิหร่านจะมีอาวุธนิวเคลียร์” ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐยังคงยึดมั่นในคำกล่าวของตัวเอง เรื่องการโจมตีทางอากาศต่อ “เป้าหมาย 52 แห่ง” ในอิหร่าน ซึ่งรวมถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลายสิบแห่ง ในกรณีที่อิหร่านโจมตี “ผลประโยชน์” ของอเมริกาในตะวันออกกลาง ทรัมป์กล่าวด้วยว่า อิหร่านเล่นงานทหารและพลเมืองสหรัฐ ตลอดจนทรัพย์สินของรัฐบาลวอชิงตันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเพราะเหตุใดอเมริกาจะ “แตะต้อง” สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของอีกฝ่ายไม่ได้
ห้ามรมว.ตปท.อิหร่านเข้าประเทศ
มีรายงานว่าสหรัฐไม่ตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่า ให้แก่นายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รมต.ต่างประเทศอิหร่านเข้าประเทศเพื่อมาร่วมการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ที่นครนิวยอร์กในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ
เจ้าหน้าที่สหรัฐที่ขอสงวนนามเผยเรื่องนี้เมื่อวันจันทร์ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านตึงเครียดหนักขึ้น หลังจากสหรัฐใช้โดรนยิงจรวดสังหาร พล.ต.กาเซ็ม โซไลมานี นายทหารทรงอิทธิพลของอิหร่านใกล้ท่าอากาศยานกรุงแบกแดดของอิรักเมื่อวันศุกร์ คณะนักการทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติหรือยูเอ็น เผยว่า เห็นข่าวนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการทั้งจากสหรัฐหรือยูเอ็นเรื่องการให้วีซ่านายซารีฟ
นายชารีฟต้องการมาประชุมยูเอ็นเอสซีเรื่องการยึดมั่นตามกฎบัตรยูเอ็น เป็นเรื่องที่กำหนดไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุสังหารนายทหารอิหร่าน รอยเตอร์มองว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านอาจใช้เวทีนี้เรียกร้องความสนใจจากคนทั้งโลกได้ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐอย่างเปิดเผย เขาเดินทางเข้านครนิวยอร์กครั้งหลังสุดเพื่อร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน แม้ว่าถูกสหรัฐประกาศลงโทษฐานปฏิบัติตามนโยบายที่ไร้ความยั้งคิดของผู้นำสูงสุดอิหร่าน เป็นการลงโทษด้วยการยึดอสังหาริมทรัพย์และผลประโยชน์ที่มีอยู่ในสหรัฐ แต่นายชารีฟยืนยันว่าไม่มีแม้แต่อย่างเดียว
ข้อตกลงสำนักงานใหญ่ระหว่างยูเอ็นกับสหรัฐปี 2490 ระบุว่า โดยทั่วไปแล้วสหรัฐจะต้องอนุญาตให้นักการทูตต่างชาติเดินทางมายังสำนักงานใหญ่ยูเอ็น แต่สหรัฐอ้างว่า มีสิทธิงดวีซ่าด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง การก่อการร้ายและนโยบายต่างประเทศ
ผู้นำมาเลเซียปลุกมุสลิมลุกสู้
วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดของมาเลเซียแนะว่า ประเทศมุสลิมควรร่วมใจกันปกป้องภัยจากนอก หลังจากกล่าวถึงการสังการนายทหารอิหร่านว่าเป็นเรื่องไร้ศีลธรรม
นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ วัย 94 ปี กล่าวว่า การใช้โดรนสังหาร พล.ต.กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการทหารอิหร่านเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายสากล และอาจทำให้การก่อการร้ายรุนแรงยิ่งขึ้น ถึงเวลาที่ประเทศมุสลิมจะต้องรวมตัวกัน เพราะไม่มีความปลอดภัยต่อไปอีกแล้ว หากใครดูหมิ่นหรือพูดอะไรที่อีกคนไม่ชอบ ก็อาจถูกคนจากประเทศอื่นส่งโดรนไปยิงทิ้ง มหาเธร์ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอายุมากที่สุดในโลกกล่าวถึงเรื่องที่วิจารณ์อินเดียว่าปฏิบัติไม่ดีต่อชาวมุสลิมและวิจารณ์องค์กรความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี (OIC) ที่ตั้งอยู่ในซาอุดีอาระเบียว่า เขาพูดความจริง เมื่อใครทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เขาก็มีสิทธิที่จะพูดตำหนิ
มหาเธร์พยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่าน เดือนที่แล้วเขาเพิ่งต้อนรับประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานีของอิหร่านที่มาร่วมการประชุมผู้นำชาติมุสลิมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ หารือเรื่องส่งเสริมธุรกิจ ทำการค้าด้วยสกุลเงินของทั้งสองฝ่าย และตามให้ทันประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม ประมาณกันว่ามีชาวอิหร่านอาศัยอยู่ในมาเลเซียประมาณ 10,000 คน
เยอรมันถอนทหารแล้ว
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมเยอรมนีระบุว่า กำลังทหารราว 30 นายที่ประจำการในกรุงแบกแดดและเมืองทาจิจะถูกย้ายไปยังจอร์แดนและคูเวต โดยการถอนกำลังทหารดังกล่าวจะมีขึ้นในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ เยอรมนีส่งทหาร 415 นายไปร่วมปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มไอเอส โดยประจำการทหาร 120 นายในอิรัก การเคลื่อนไหวของเยอรมนีมีขึ้นหลังจากรัฐสภาอิรักผ่านญัตติเรียกร้องให้รัฐบาลอิรักยุติข้อตกลงกับกองกำลังผสมนำโดยสหรัฐ
นายไฮโค มาส รมว.ต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า การส่งทหารของเยอรมนีไปประจำการในอิรักเป็นไปตามคำเชิญของรัฐบาลและรัฐสภาอิรัก และว่า เยอรมนีจะประสานกับผู้รับผิดชอบในกรุงแบกแดดเพื่อขอความชัดเจนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้นำของทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลอิรักยังคงให้การสนับสนุนที่จำเป็นแก่กองกำลังผสมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี