วีรชัยสับเละคาศาลโลก
ลากไส้เขมร
ปลอมเอกสารฟ้องไทย
ลิ้นสองแฉกจ้องฮุบดินแดน
ทีมทนายงัดแผนที่ประจาน
ยัน“สีหนุ”ยอมรับรั้วหนาม
ปันเขต“ปราสาทพระวิหาร”
สะใจ!!คนไทยทั้งประเทศ เอกอัคราชฑูต วีรชัย พลาศรัย พร้อมทีมทนายความชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลโลก ตอกย้ำกัมพูชาลิ้นสองแฉก มั่วปลอมแปลงเอกสาร หวังครอบครองพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งประเทศไทยยอมรับไม่ได้
คณะผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ นำโดย Mr. Peter Tomka ประธานศาลโลก ออกนั่งบัลลังก์ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17เมษายน ตามเวลาในประเทศไทย พิจารณาคดี เรื่องที่ ประเทศกัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554 ขอให้ตีความคำพิพากษาของศาลเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 กรณีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร การพิจารณานัดนี้เป็นคิวของรัฐบาลไทย ที่จะให้เป็นการให้การทางวาจา (Oral Hearings) ต่อศาลรอบแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 เมษายน ทางฝ่ายกัมพูชาได้ให้การทางวาจาไปก่อนแล้ว
สำหรับตัวแทนประเทศไทยที่เข้านั่งในห้องพิพากษาประกอบไปด้วย โดยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.กลาโหม,นายพงษ์ เทพเทพกาญจนา รองนายกฯ และรมว.ศึกษาธิการ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัติ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยทีมทนายความจากต่างประเทศ
ฑูต”วีรชัย”วางโปรแกรมชี้แจง
ภายหลังประธานศาลโลก สั่งเปิดคดีอธิบายรายละเอียดให้คู่ความทราบแล้ว ตัวแทนฝ่ายไทยนำโดยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ให้การโดยวาจ โดยเกริ่นนำ ว่าทางฝ่ายไทยที่จะขึ้นพูดเรื่องแผนที่ คือ ทนายความหญิงอลินา มิรอง ผู้ช่วยของ ศ.อแลน แปลเลต์ เพราะเป็นผู้ที่ทำงานเรื่องแผนที่โดยเฉพาะกว่า 60 ฉบับ โดยนายวีรชัยจะขึ้นพูดเป็นลำดับแรก จากนั้น ศ.โดนัล เอ็ม แม็กเรย์ น.ส.อลินา มิรอง ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด และสุดท้ายคือ ศ.แปลเลต์
สับ”เขมร”ลิ้นสองแฉก
นายวีรชัย แถลงว่า ในปี 2505 (ค.ศ.1962) ศาลโลกยืนยันชัดแล้วว่า ไม่มีการพิจารณาแผนที่ตามภาคผนวก 1 แต่คำร้องครั้งนี้ของกัมพูชาเป็นคำร้องโดยมิชอบ ซึ่งก่อนหน้านี้กัมพูชายอมรับคำสั่งตามบันทึกความเข้าใจเอ็มโอยู 43 มาตลอด และจุดประสงค์ที่แท้จริงของกัมพูชานั้น ก็คือการพยายามฉวยโอกาสในดินแดง 4.6 ตารางกิโลเมตร(ตร.กม.)ของไทย ที่เห็นว่ามีความจำเป็นต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกต่อตัวปราสาทพระวิหาร ข้อโต้แย้งของกัมพูชาในปัจจุบัน เป็นเรื่องขอให้ศาลตัดสินเรื่องเขตแดน และคำอ้างของกัมพูชาขณะนี้ เป็นการอ้างเส้นในแผนที่ 1:200,000 ตามอำเภอใจ ทั้งนี้ไทยปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกตั้งแต่ปี 2505 มาตลอด แต่กัมพูชาก็ให้ตัวเองอยู่ในโลกคู่ขนาน บอกว่าค้นพบแผนที่ลับ เป็นความลึกลับที่ครม.ของกัมพูชาเพิ่งได้เรียนรู้
แฉเขมรปลอมแปลงเอกสาร
นายวีรชัย ระบุว่า กัมพูชากล่าวหาการเมืองภายในของไทยเป็นต้นตอแห่งปัญหาแต่สาเหตุแท้ที่จริงแล้วเป็นนโยบายต่างประเทศที่ก้าวร้าวและทะเยอทะยานของกัมพูชา การโต้แย้งโดยไม่มีมูลฐาน แสดงให้เห็นชัดเจนในข้อพิพาทบริเวณพื้นที่เมื่อเทียบปี 2505 บิดเบี้ยวไปมาก โดยไม่สนใจในเรื่องภูมิประเทศ
อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงในเอ็มโอยู 2543 รวมถึงการปักปันเขตแดน ไม่พูดถึงคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร เป็นเพียงขั้นตอนสำรวจสันปันน้ำ กัมพูชาปลอมแปลงบึกทึก เอกสาร แผ่นที่3และ4 ในภาคผนวก 49 รวมทั้งแผนที่ภาคผนวก1 เรื่องการร่างเขต 4.6 ตร.กม. สิ่งที่กัมพูชาทำเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ
ย้ำศาลไม่สามารถตัดสินคดีใหม่ได้
นายวีรชัย ยืนยันว่าการปะทะตามแนวชายแดน เกิดจากฝ่ายเขมรยั่วยุ ทำตามอำเภอใจมาตลอด ซึ่งฝ่ายไทยพยายามใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายประเทศ
ในตอนท้ายนายวีรชัย ย้ำเรื่องที่เขมรปลอมแปลงเอกสาร ยัดข้อมูลในเว็บไซด์ของสถานฑูตเขมรในฝรั่งเศส แปลข้อมูลมติครม.ของประเทศไทยผิด โดยตัดแปะเอาเฉพาะบางส่วนมายื่นต่อศาลโลก รัฐบาลไทยเห็นว่าคดีนี้ศาลโลกไม่สามารถตัดสินใหม่เกินกว่าคำพิพากษาในอดีตได้
อัดเขมรจ้องเปลี่ยนคำพิพากษา
ต่อมา ศ.โดนัล เอ็ม.แมคเรย์ ทนายความฝ่ายไทย ขึ้นแถลงด้วยวาจาว่า กัมพูชายื่นคำร้องให้ศาลตีความเพื่อขอความชัดเจนจากคำพิพากษาของศาลในปี 2505 แต่แท้จริงแล้วทางกัมพูชาไม่ได้เป็นการขอให้ตีความ แต่เป็นความพยายามในการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา เพื่อให้ศาลตัดสินว่าเส้นเขตแดนเป็นไปตามแผนที่ภาคผนวก 1 หรือ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 หรือระวางดงรัก ซึ่งศาลได้ปฏิเสธที่จะตัดสินไปแล้วในปี 2505 เพราะศาลไม่สามารถวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวได้
ทั้งนี้ กัมพูชาได้ขอให้ศาลประกาศพันธกรณีที่ไทยต้องถอนตำรวจและทหารออกจากตัวปราสาทและบริเวณที่เป็นข้อพิพาท ซึ่งเป็นส่วนปฏิบัติการในคำพิพากษา ปี 2505 รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าตัวปราสาทอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เพื่อที่จะให้ศาลตีความย้ำว่าดินแดนของกัมพูชาอยู่ในทั้งพื้นที่ปราสาทและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งถูกกำหนดไว้โดยแผนที่ 1:200,000 แต่เหล่านี้เป็นถ้อยแถลงที่ไม่ได้เป็นคำถามในการตีความดินแดนของกัมพูชา เป็นการขอให้พูดซ้ำในสิ่งที่ศาลพูดไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดการเสียเวลา และไม่เกิดผลใดๆ
ชี้เขมรอำพรางการตีความ
"การขอให้ศาลตีความว่าตัวปราสาทและบริเวณใกล้เคียงนั้นเคยพิพากษาโดยใช้แผนที่ในภาคผนวก 1 ไม่ได้เป็นการบอกโดยตรง แต่เป็นการแทรกหรือการเสริมคำขอที่ส่งมายังศาล ทั้งที่เมื่อปี 2505 ศาลไม่ได้วินิจฉัยว่าเส้นบนแผนที่ภาคผนวก 1 เป็นเส้นกำหนดเขตแดนระหว่างคู่ความ แต่ได้ปฏิเสธอย่างชัดแจ้งไปแล้ว จึงถือว่าทางกัมพูชาอำพรางคำถามในการยื่นขอให้ศาลตีความ"นายโดนัลกล่าว
นายโดนัล กล่าวด้วยว่า ข้อ 50 ของธรรมนูญศาลกฎระเบียบชัดเจนอยู่แล้วว่าคำขอที่ให้ศาลตีความต้องเป็นสิ่งที่จำเพาะเจาะจง ทั้งนี้ข้อที่ 98 ของระเบียบศาลยังระบุถึงความจำเพาะเจาะจงในเรื่องที่เป็นข้อพิพาทหรือขอบเขตของคำพิพากษา แต่ในคำร้องของคำขอของกัมพูชาไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย ไม่มีทั้งความชัดเจนหรือความจำเพาะเจาะจงที่ชัดแจ้ง สิ่งที่กัมพูชาขอศาลล้วนเป็นความสับสนและความไม่ชัดเจน
งัดแผนที่มัดเขมรมั่วสุดๆ
ด้าน อมินา มิรอง ผู้ช่วยของ ศาสตราจารย์ แอลง แปลเล่ต์ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของกัมพูชาในเรื่องการกำหนดเส้นเขตแดนในแผนที่ภาคผนวก 1 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมา และแผนที่ดังกล่าวขัดต่อหลักภูมิศาสตร์ไม่สามารถถ่ายทอดลงแผนที่ในโลกปัจจุบันได้ และแผนที่ภาคผนวก 1 ที่กัมพูชาอ้างถึงนั้นไม่ได้มีแค่ฉบับเดียวแต่ทีมฝ่ายไทยพบถึง 6 ฉบับ ทำให้แผนที่นี้ขาดความน่าเชื่อถือ และยังขาดความแม่นยำทางเทคนิคด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่าจุดตัดพื้นที่สันปันน้ำอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารถึง 6.8 กิโลเมตร โดยกัมพูชาไม่สามารถอธิบายในเรื่องนี้ได้ อีกทั้งกัมพูชาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เกี่ยวข้องอย่างไร เพราะไม่มีในคำพิพากษาศาลในปี 2505 และศาลก็ไม่เคยยอมรับว่าแผนที่ภาคผนวก 1 เป็นเส้นเขตแดน
“จะขอชื่นชมเขมร ถ้าเขมรยังจะดันทุรังให้ศาลตีความบนความละอายของเขมรเอง”ทนายความอมินา มิรอง กล่าวเหน็บแนมเขมร ในตอนท้าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนส.อมินา มิรอง ชี้แจงเสร็จศาลได้สั่งพักการแถลงด้วยวาจา 15 นาที
ขุด”สีหนุ”ยอมรับรั้วลวดหนาม
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. นายอแลง แปลเล่ต์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยปารีส อิกซ์ (น็องแตร์) ภาควิชากฎหมาย หนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมายของฝ่ายไทย แถลงด้วยวาจา ต่อศาลโลก กรณีรัฐบาลกัมพูชายื่นขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505
โดย นายแปลเล่ต์ ชี้แจงว่า ไทยได้ทำตามคำสั่งศาลแล้ว โดยได้คืนพื้นที่ตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งทางกัมพูชาก็เคยกล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติว่าปราสาทพระวิหารกลับคืนสู่กัมพูชาแล้ว และพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กษัตริย์ในขณะนั้นก็ได้เดินทางมาที่ตัวปราสาทและเฉลิมฉลอง
“สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ก็เห็นรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยล้อมไว้และเห็นตำรวจของไทยอีกฝั่ง แต่ก็ไม่ได้มีการท้วงติง อีกทั้ง สมเด็จฯ สีหนุ ยังดื่มเฉลิมฉลองด้วย “นายแปลเลต์ระบุ และว่าเมื่อพิจารณาเทียบกับคำตัดสินของศาลเมื่อปี 2505 ที่ศาลตัดสินว่าการที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขึ้นเขาพระวิหารเป็นการยอมรับว่าตัวปราสาทเป็นของเขมร ดังนั้น การที่สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เฉลิมฉลองและไม่ทักท้วงเรื่องลวดหนาม ก็น่าจะยอมรับได้เหมือนกัน
นายแปลเล่ต์ ยังระบุอีกว่า นอกจากนั้น ไทยยังได้สร้างช่องตรวจตั๋วและสำนักงานทางขึ้นเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตลวดหนามไทย ซึ่งมีแต่ห้องน้ำในเขตกัมพูชาที่ไทยไม่ได้สร้างและดูแลสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้โดยใช้งบประมาณของไทย ซึ่งกัมพูชาไม่ได้โต้แย้งอะไร ย่อมแสดงว่าทางกัมพูชายอมรับเรื่องรั้วลวดหนามเหมือนกัน
ด้านนายเจมส์ ครอฟอร์ด หนึ่งในทีมกฎหมายฝ่ายไทย ยืนยันว่า ในการพิจารณาปี 2505 ศาลไม่ได้ใช้แผนที่ภาคผนวก 1 เป็นนัยยะสำคัญในการตัดสินเพียงแค่ใช้แผนที่ประกอบในการพิจารณาว่ากัมพูชามีอธิปไตยเหนือตัวปราสาท แต่ไม่ได้บอกว่าให้ใช้เส้นเขตแดนในแผนที่
เผยประวัติทนายฝ่ายไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับประวัติทีมทนายความฝ่ายไทย อาทิ ศ.โดนัล เอ็ม แม็กเรย์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนด้านกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายการค้าระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยออตตาวา ประเทศแคนาดา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ
น.ส.อลินา มิรอง ผู้ช่วยของ ศ.อแลน แปลเล่ต์ เป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยปารีส อิกซ์ (น็องแตร์) ภาควิชากฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของหลายๆ ประเทศให้ว่าความที่ศาลโลกมากกว่า 35 คดี อาทิ คดีข้อพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือหมู่เกาะสิปาดันและลิติกัน และคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือเกาะเปดรา บลังกา รวมถึงประเด็นพิพาทกรณีปราสาทพระวิหาร
สะใจคนไทยทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการแถลงด้วยวาจาของฝ่ายไทยรอบแรก นั้นสะใจคนไทยเป็นอย่างมาก ที่ทั้งเอกอัคราชฑูตวีรชัย พลาศรัย และทีมทนายความจากต่างประเทศ ที่ได้ร่วมกระชากหน้ากากของเขมรผู้มีบรรพบุรุษมาจากชนชาติลิ้นสองแฉมั่วจะเอาผืนแผ่นดินไทย โดยเฉพาะทนายความหญิงน.ส.อลินา มิรอง ได้ใช้แผนที่ถึง 6 ฉบับจับโกหกเหน็บแนมความหน้าด้านของฝ่ายเขมร บรรดาโลกออนไลน์ได้กล่าวขานถึงเธอเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้จะมีการชี้แจงด้วยวาจารอบสองอีก โดยฝ่ายเขมรจะชี้แจง ในวันที่ 18 เมษายน ส่วนฝ่ายไทยจะชี้แจงในวันที่ 19 เมษายน
ม็อบบี้รัฐบาลถอนตัวจากศาลโลก
วันเดียวกันที่ บริเวณชายหาดวังมัจฉา ริมอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา แนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดินกว่า 500 คน ได้ปักหลักชุมนุม เพื่อคัดค้านการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลก
โดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำฯเชื่อว่า ทั้งรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลไทยและศาลโลก มีการจับมือกันล็อกผลการพิจารณาไว้ก่อนแล้ว จึงเชื่อไทยจะต้องแพ้คดีแน่นอน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เฉพาะดินแดนบริเวณประสาทพระวิหารเท่านั้นที่ไทยจะเสียดินแดนไป แต่ผลที่ตามมาคือจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือกว่า 3,000 ไร่ รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะนำไปสู่การเสียดินแดนตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ 7 จังหวัด ที่ติดกับกัมพูชาอีกประมาณ 1.8 ล้านไร่ รวมทั้งจะเสียพื้นที่ในอ่าวไทยอีกประมาณ 17 ล้านไร่ ตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่กัมพูชากล่าวอ้างแนวเขตที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นแต่ฝ่ายเดียว
เผชิญหน้ากับฝ่ายทหาร
ขณะเดียวกัน ที่หน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลุ่มม็อบทวงคืนเขาพระวิหาร ประกอบด้วยกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ 5 จังหวัดอีสานตอนใต้ กลุ่มคนไทยพิทักษ์แผ่นดินอีสานตอนใต้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มกำลังแผ่นดิน ได้เผชิญหน้าอยู่กับด่านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่ตั้งด่านสกัดเข้มป้องกันไม่ให้กลุ่มม็อบเคลื่อนขบวนนำเอาธงชาติไทยขนาดใหญ่และเสาธงที่มีความสูง 21 เมตร ขึ้นไปปักบริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขาพระวิหาร
ต่อมา นางสำเนียง สุภณภพ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มม็อบทวงคืนเขาพระวิหาร ได้ขับรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน บค 15 บุรีรัมย์ ไปดันแผงเหล็กที่เจ้าหน้าที่ปิดกั้นการจราจรเอาไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้พยายามผลักดันเอาไว้อย่างเต็มที่และสามารถสกัดรถรวมทั้งควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด
มอบธงชาติให้ทหารไปปัก
จากนั้น แกนนำม็อบทวงคืนเขาพระวิหาร นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้เจรจาหารือร่วมกับ พ.อ.ธัญญา พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี เพื่อขอผ่านขึ้นไปที่พื้นที่ 4.6 ตร.กม.แต่ได้รับการปฎิเสธ จึงได้มีการตกลงกันว่า ทางกลุ่มม็อบจะมอบธงชาติขนาดใหญ่ให้กับทหาร เพื่อนำเอาไปปักบริเวณพื้นที่ 4.6 ตร.กม.แทน ซึ่งทางแกนนำม็อบ นำโดย พล.อ.ปรีชาได้นำเอาธงชาติกางออกและสมาชิกม็อบได้นำเอาธงชาติชูไว้บนศีรษะเดินนำเอาธงชาติไปมอบให้กับ พ.อ.ธัญญาและนายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์และคณะนำธงชาติไปติดตั้งแทน จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้พากันสลายตัวเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.โดยบรรดาแกนนำประกาศความสำเร็จในการชุมนุมหนนี้
ยิ่งลักษณ์ติดตามผลการประชุม
ด้านความเคลื่อนไหวของ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ปฎิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล และในช่วงบ่าย ได้เรียกประชุมทีมงานศูนย์ปฏิบัติการติดตามแถลงคดีด้วยวาจาคดีปราสาทพระวิหารกับศาล ทั้งนี้ พล.ท.ภราดร พัฒนธาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า นายกฯ ได้เน้นย้ำให้กระทรวงการต่างประเทศทำการแปลและสรุปประเด็นเป็นระยะๆ นำเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนและประชาชน
ตีทะเบียนพระวิหารต้นตอปัญหา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่าเขมรมีความพยายาม จะขยายขอบเขตคำพิพากษาโดยอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ประเทศไทยเกิดจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้มีความพยายามเอาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วย ทั้งที่ศาลไม่เคยกำหนดให้เป็นไปตามแผนที่ของกัมพูชา แต่กลับมีการใช้กระบวนการมรดกโลกมาลักไก่เพื่อเอาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรไปครอบครอง ในขณะที่รัฐบาลไทยยังมีท่าทีที่สับสน โดยขอยืนยันว่าพรรคไม่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เช่นเดียวกับรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ ก็มีการคัดค้านเรื่องนี้
จี้ปูให้รักษาผลประโยชน์ชาติ
นายชวนนท์ กล่าวว่า ทนายกัมพูชาระบุในการแถลงด้วยว่าจาต่อศาลฯว่า รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนจนกระทั่งสำเร็จในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ผ่านการลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ระบุในข้อ 1 ว่าไทยสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องมีความชัดเจนว่าสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีแต่รัฐบาลที่มีรากฐานจากพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นที่สนับสนุนเรื่องนี้
“ผมไม่มีเจตนาที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง แต่มีความจำเป็นที่รัฐไทยต้องยืนยันในเรื่องนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ”โฆษกปชป. กล่าว
และยังเตือนสติ นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่พูดพลายครั้งเรื่องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่า คนไทยอยากเห็นความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศแต่ต้องไม่แลกด้วยอธิปไตย แผ่นดิน หรือทรัพยากรของประเทศไทย ต้องไม่แลกมาด้วยสิ่งที่บรรพบุรุษปกป้อง โดยนางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องยึดถือในเรื่องเหล่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี