ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีการอ้างว่า เนื่องจากสายส่งเชื่อมโยงภาคกลางและภาคใต้ขัดข้อง เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (21 พ.ค.56) โดย นายถาวร ระบุว่า จากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว เพราะถือเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงการทำงานของรัฐบาลที่ไม่วางแผนเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน ส่งผลให้เกิดความเสียหายในหลายภาคส่วนคือ โรงพยาบาลที่ต้องบริการผู้ป่วยซึ่งหากไม่มีระบบไฟฟ้าสำรองก็จะส่งผลถึงชีวิตของประชาชน ภาค การท่องเที่ยวและการบริการมีปัญหาเพราะนักท่องเที่ยวเกิดความโกลาหล กระทบภาพลักษณ์ประเทศว่าไม่มีความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดการผลิต  และความมั่นคง ความปลอดภัย แม้จะไม่เกิดอะไรขึ้นแต่ก็กระทบถึงจิตใจของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย

นายถาวร กล่าวต่อว่า นายพงษ์ศักดิ์ เคยพูดก่อนเกิดเหตุว่ามีการต่อต้านการสร้างโรงไฟห้าถ่านหิน หากเกิดปัญหาไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ต้องรับผิดชอบกันเอาเอง ถือเป็นคำพูดที่ปราศจากความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศ สะท้อนวุฒิภาวะของคนเป็นรัฐมนตรีว่าแย่มาก กล่าวหาคนใต้ต่อต้าน ตนอายุ 60 กว่าปี ไม่เคยเห็นรัฐมนตรีคนไหนพูดอย่างนี้ ไม่เคยเห็นไฟฟ้าดับ 14 จังหวัด เป็นความล้มเหลวของ รมว.พลังงาน ขอให้นายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน ไปทบทวนเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านพลังงานใหม่ ทั้งนี้ตนขอฝากว่า การทำความเข้าใจกับประชาชนในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้นจะต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าจะควบคุมได้ไม่ให้มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อเป็นหลักประกันอย่างแท้จริง ที่ผ่านมามีการขุดแก๊ส น้ำมันจากอ่าวไทยไปมาก มีโรงไฟฟ้าใช้แก๊สที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ถ้าวางแผนที่โรงไฟฟ้าอีกก็ไม่ควรมาด่าประชาชนว่าไม่ให้ความร่วมมือ และในระหว่างที่ยังไม่มีการพัฒนาเพิ่ม ในเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ รัฐบาลต้องมีแผนความมั่นคงด้านพลังงานล่วงหน้า โดยจะต้องมีหลักประกันและหลักคิดที่ดี เช่น ทางเดินไฟฟ้ามีอยู่จุดเดียว เมื่อเกิดปัญหาไม่มีเส้นทางอื่นเลยจะแก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสองอย่างไร จะหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร ที่สำคัญคือการให้ข่าวของผู้ที่รับผิดชอบทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและฝ่ายการเมืองไม่เหมือนกัน ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่าเป็นการก่อวินาศกรรมหรือไม่ ดังนั้นเมื่อจุดอ่อนของการดูแลความมั่นคงด้านพลังงานปรากฏให้ผู้ก่อการร้ายทราบแล้ว จึงขอให้รัฐบาลหาทางป้องกันเพราะยุทธศาสตร์ด้านพลังงานที่ฝ่ายตรงข้ามรู้จุดอ่อน อย่าคิดว่าผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้จะไม่มีศักยภาพในการก่อเหตุจากจุดอ่อนด้านความมั่นคงทางพลังงานที่ปรากฏให้เห็นในครั้งนี้