เข้าไอซียู-เจาะกระโหลก
“เหลิม”ทรุด
เลือดซึมใต้เยื่อหุ้มสมอง
แพทย์ห้ามเยี่ยม
เผยเลิกไวน์แล้ว
พท.ไม่ปรับครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ต้องเข้าโรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นการด่วน ด้วยอาการภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองเมื่อคืนวันที่4 ต.ค.เวลา20.00น.ที่ผ่านมา รักษาตัว อยู่ที่ชั้น8วอร์ด3 (SDIPD83) โดยมี นพ.อัตถพร บุญเทิด เป็นแพทย์เจ้าของไข้ซึ่งตั้งแต่เช้าวันที่ 5ต.ค.มีผู้สื่อข่าวไปปักหลักติดตามทำข่าวอาการป่วยของ ร.ต.อ.เฉลิม จำนวนมาก
ต่อมาในช่วงเย็น นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า อาการของ ร.ต.อ.เฉลิม หลังรับการผ่าตัดด้วยภาวะเลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมอง ล่าสุดดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจของแพทย์ รู้สึกตัวดี แต่ยังคงพักรักษาตัวในห้องไอซียู เพื่อดูอาการ และเตรียมให้เดินทางกลับบ้านเร็วๆ นี้ ส่วนสาเหตุที่เลือดออกยังไม่สามารถระบุได้
แพทย์เจาะน้ำในสมอง’เหลิม’
ก่อนหน้านี้เวลา12.30น.พล.ต.ต.ประหยัด บุญศรี นายตำรวจติดตาม พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา เลขานุการ รมว.แรงงานเผยกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้อาการของ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ที่ต้องมาโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการทรงตัวไม่เป็นปกติเพราะน้ำในสมองไม่เท่ากัน แพทย์ จึงต้องเจาะน้ำในสมองออก และคาดว่าภายใน2-3วัน น่าจะกลับบ้านได้ ช่วงนี้ทางแพทย์ต้องการให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการไปก่อน
พล.ต.ต.ประหยัดกล่าวว่าเมื่อวันที่4 ต.ค.เวลา20.00น.ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินทางมาโรงพยาบาลโดยขับรถยนต์มาเองด้วยอาการที่ปกติ แต่เพื่อความสบายใจเพราะรู้ว่าตัวเองทรงตัวไม่ปกติ จึงให้แพทย์ตรวจอาการ เบื้องต้น ก็เป็นปกติ ไม่มีอาการใดๆแทรกซ้อนซึ่งรู้สึกตัวเมื่อคืนวันที่4 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้วขณะนี้มีครอบครัวดูแลอย่างใกล้ชิดโดย พล.ต.อ.ภานุพงษ์ ให้ตนมาบอกเรื่องดังกล่าวแก่สื่อมวลชนทราบเพื่อความสบายใจ และยืนยันว่าการรักษาตัวครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบกับงานที่ร.ต.อ.เฉลิม ดูแลอยู่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีอาการเลือดออกในสมอง และไม่มีอาการร้ายแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้เมื่อแพทย์รับตัวรตอ.เฉลิมไว้แล้ว เบื้องต้นสั่งงดเยี่ยม และจัดห้องรับรองพิเศษให้ ร.ต.อ.เฉลิมโดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปทำข่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการเข้ารักษาครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้บ่นกับคนใกลชิดว่ามีอาการปวดหัวตั้งแต่เมื่อวันที่3 ต.ค.ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ไม่กี่วันร.ต.อ.เฉลิมได้เข้ารักษาอาการหูดับที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาแล้ว
สส.คนสนิทบอกเลิกไวน์แล้ว
ขณะที่ นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย หนึ่งใน ส.ส. ผู้ใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยตนอยู่ในพื้นที่ คงจะไปเยี่ยมในวันจันทร์ที่ 7 ต.ค. นี้
"ท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก หมออยากให้พักผ่อน แต่ที่อยู่ในห้องไอซียูเพราะคนเข้าไปเยี่ยมไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเวลาคนไปเยี่ยม ท่านก็จะคุยไม่หยุด ก็ไม่ได้พักผ่อนอีก คนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม เป็นอะไรไม่ได้ ไม่งั้น ส.ส.เหงาแย่ ตอนนี้ท่านก็ไม่ได้ดื่มไวน์ เพราะหลานขอไว้" นายอนันต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงบ่าย ได้มีบุคคลสำคัญ มอบหมายให้ตัวแทนนำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยม ร.ต.อ.เฉลิม อาทิ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. นายจีระศักดิ์ สุคนธชาติ ว่าที่ปลัดกระทรวงแรงงานฯ คนใหม่ ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลรามาธิบดียังมีสื่อมวลชนไปรอติดตามข่าวอาการของร.ต.อ.เฉลิม แต่ยัไม่ได้รับรายละเอียดใดๆจากโรงพยาบาลและญาติของร.ต.อ.เฉลิมแต่อย่างใด.
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่าทราบข่าว ร.ต.อ.เฉลิม ได้เข้าโรงพยาบาลรามาธิบดีตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 4 ต.ค.ผ่านมา แต่เข้าไปตรวจสภาพร่างกายทั่วไปแล้วไปพบอาการดังกล่าวซึ่งอาการไม่หนัก ทางแพทย์เลยให้นอนพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลก่อน ส่วนตัวก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยม คาดว่าอาจจะเป็นวันจันทร์ที่ 7 ต.ค. จะเข้าไปเยี่ยม ร.ต.อ.เฉลิมที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
พท.ยันนายกฯยังปรับครม.
สำหรับความคืบหน้าหลังมีกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีออกมาในช่วงนี้ ปรากฎว่าที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษก ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับ ครม.ในระยะนี้อย่างแน่นอน กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสีสันทางการเมืองเท่านั้นเพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพิ่งปรับ ครม.ผ่านไปเพียง3 เดือนเท่านั้น อีกทั้งสถานการณ์การเมืองก็ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องปรับครม. รัฐบาลยังสามารถผลักดันนโยบายทุกด้านได้เต็มที่ การทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ยังไม่มี การตรวจสอบของฝ่ายค้าน ก็ไม่ระคายผิวรัฐบาล หากในอนาคต จะมีการปรับ ครม.ก็ด้วยเหตุผลเพื่อเพิ่มประสิทธิการทำงานของรัฐบาลเพื่อประชาชนอย่างเข้มข้น ส่วนผู้มีอำนาจพิจารณาตัดสินใจ คือนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ส่วนกระแสข่าวการยุบสภานั้น คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลยังคงดำเนินโครงการต่างๆเพื่อพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่โดยไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น
ทางด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกระแสข่าวการปรับครม.นั้นนายองอาจกล่าวว่า อยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงออกถึงความมั่นใจว่าเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการพิจารณาปรับ ครม.โดยพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อให้คนไทยเห็นว่านายกฯ ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ เพราะการปรับครม.ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหลายครั้งแต่ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศ เป็นเพียงการเวียนเทียนตำแหน่งให้กับหลายก๊วนในพรรคเพื่อไทย และในการปรับครม.ครั้งนี้ มีรัฐมนตรีบางคนระบุว่า เป็นการเลื่อยขาเก้าอี้กันเอง
ปชป.เชื่อ”ทักษิณ”จอมบงการ
"การที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการปรับ ครม.เพียงแต่ให้คำแนะนำเท่านั้นแต่ปรากฏการที่มีบุคคลทยอยเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวชี้วัดได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนสำคัญในการปรับครม. โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีส่วนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าเท่านั้น งอยากให้เลิกปฏิเสธได้แล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"
ติงสละเวลาทัวร์นอกแก้ปัญหาเอง
นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวว่าขอเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) สละเวลาในการเดินทางไปต่างประเทศ และลงมาดูปัญหานี้อย่างจริงจังโดยเฉพาะกรณีโครงการรับจำนำข้าวที่จะเริ่มฤดูกาลใหม่ในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะมีการทุจริตขึ้นมาอีกเนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้กำหนดรายชื่อโรงสีที่เข้าร่วมโครงการให้ชัดเจนทำให้ชาวนาอาจประสบปัญหานำข้าวไปจำในโรงสีเก่าที่เคยจำนำเป็นประจำ อาจเกิดปัญหาใบประทวนและการจ่ายเงิน อีกทั้งรัฐยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการระบายข้าวได้ พร้อมไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดการซื้อขายข้าวกับประเทศจีนที่ รมว.พาณิชย์เคยบอกว่าจะมีการทำสัญญาภายใน2 สัปดาห์ ผ่านมาเกือบ1เดือนแล้ว เรื่องยังเงียบอยู่จึงอยากให้ออกมาชี้แจงว่าการขายข้าวดังกล่าวที่จะทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)หรือไม่ และรายละเอียดสัญญาเป็นอย่างไร
อัด2ปีครม.ปูทำลายข้าวไทยเจ๊งยับ
"โครงการจำนำข้าวดำเนินมาได้ 2 ปี เป็น 2 ปีแห่งการทำลายข้าวไทย ทำให้เกิดปัญหาตามหลอกหลอนคนไปไทยให้เกิดความไม่มั่นใจว่า การจำนำข้าวในฤดูกาลใหม่จะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลยังไม่แก้ปัญหาหลายอย่าง ถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าโครงการนี้เท่ากับข้าวไทยจะถูกทำลายจนไม่มีที่สิ้นสุด ขณะนี้ข้าวไทยถูกโครงการรับจำนำข้าวทำลาย ทั้งหมด5ประเด็น คือ 1.ทำลายคุณภาพข้าวไทย 2.ทำลายกลไกลการค้าข้าว 3.ทำลายตลาดค้าข้าว 4.ทำลายแชมป์การส่งออกข้าวอันดับหนึ่ง ตกลงไปอยู่อันดับสามและสี่ และ 5.ทำลายความเชื่อมั่นต่อการบริโภคข้าวไทย เช่น การเกิดปัญหาข้าวเน่า ทำให้หลายประเทศงดเว้นซื้อข้าวไทย" นายองอาจ ย้ำ
วิปรัฐดันแก้ ม.190กลางต.ค.
ขณะที่ นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา190เข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวาระ2ว่าน่าจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้ ประมาณกลางเดือน ต.ค.ประมาณช่วงวันที่14-18ต.ค.นี้ ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา68และ 237ยังไม่มีการกำหนดว่าจะนำเข้าสภาฯเมื่อใด ต้องมีการหารือกันอีกครั้ง
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า วิปรัฐบาลเคยหารือเห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เหลืออีก 2 ฉบับ คือมาตรา190 และฉบับมาตรา 68 กับ มาตรา 237 ยังไม่จำเป็นต้องรีบนำพิจารณาช่วงนี้ควรรอดูสถานการณ์การเมืองว่ามีเสียงคัดค้านมากน้อยเพียงใดโดยเฉพาะมาตราที่สุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งสูงอย่าง มาตรา68และ237ที่เป็นเรื่องปลดปล่อยอิสรภาพให้นักการเมือง น่าจะรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.ว่า ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา68หรือไม่ ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน เชื่อศาลฯคงไม่เล่นเกมยื้อ ประเมินว่าน่าจะวินิจฉัยเสร็จใน1เดือน เพื่อความมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ไม่ส่งผลกระทบต่อความขัดแย้ง ดีกว่าจะไปเสี่ยงเดินหน้า ทำให้เกิดแรงต้าน ยังบอกไม่ได้ว่าจะเสร็จทันก่อนปิดสมัยประชุมปลายเดือนพ.ย.หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี