“อุ๋ย”ลุยลากไส้จำนำข้าว
เจ๊ง4.2แสนล.
โกงมโหฬารอีก1.1แสนล้าน
ทำจม.เปิดผนึกจี้ทบทวน
ยื่นปปช.ฟันโต้ง-บุญทรง
“ปู”ยัวะสื่อรุมซักจนแต้ม
ไม่รู้ขายให้จีนราคาเท่าไหร่
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเสวนา “มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต” จัดโดยองค์กรภาคีต่อต้านการคอร์รัปชั่น โดยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาหัวข้อ จำนำข้าวเสียหายใหญ่หลวง ใครได้ประโยชน์ ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาท สร้างความเสียหายให้ประเทศมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากการจำนำจะไม่ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มอย่างที่รัฐบาลตั้งใจแล้ว ยังมีกลุ่มคนคอยหาประโยชน์จากการระบายข้าว ส่งผลให้ขาดทุนมหาศาล หากคำนวณความเสียหายจากการเล่นแร่แปรธาตุของกลุ่มที่คอยหาผลประโยชน์ มูลค่าความเสียหายในโครงการจำนำข้าวตลอด 2 ฤดูกาลผลิต 2554-2555 และ 2555/2556 จะสูงถึง 425,000 ล้านบาท
ยื่นจม.เปิดผนึก"ปู"ทบทวนโครงการ
อดีตรองนายกฯ และรมว.คลังผู้นี้ระบุด้วยว่า วันเดียวกันนี้ ตนได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรี นำเสนอความห่วงใยเกี่ยวกับความเสียหายจากการใช้งบประมาณของรัฐบาลในโครงการจำนำข้าว โดยขอให้ทบทวนยกเลิกวิธีการรับจำนำ หันมาใช้วิธีจ่ายผลประโยชน์เพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน เนื่องจากการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว 2 ปีที่ผ่านมา เสียงบประมาณไปแล้ว 425,000 ล้านบาท มีชาวนาได้ประโยชน์ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวนาใช้ช่องโหว่คอร์รัปชั่นหาประโยชน์ไปมากกว่า 110,000 ล้านบาท รวมทั้งยังไม่รวมรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พบข้าวหายจากสต๊อกอีกกว่า 1 ล้านตัน
แนะชดเชยให้ชาวนาโดยตรง
“ขอเรียกร้องให้นายกฯทบทวนโครงการนี้อย่างจริงจัง โดยยกเลิกวิธีจำนำหันมาใช้การจ่ายผลประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน เหมือนมาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ที่กำหนดยอดสูงสุดต่อครัวเรือนและตั้งเกณฑ์ให้กระจาย ถ้ายอมให้โครงการนี้ดำเนินต่อเป็นปีที่ 3 ฤดูกาลผลิต 2556/2557 เท่ากับปล่อยให้บริหารงานแผ่นดินลักษณะสร้างความเสียหายต่องบประมาณของชาติจำนวนมหาศาล”
แฉเหลือบได้ประโยชน์กว่าแสนล.
ทั้งนี้ เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว สรุปข้อมูลโครงการจำนำข้าว 2 ปีที่ผ่านมา โดยรวบรวมจากหน่วยราชการประกาศออกมา ข้อมูลในวงการค้าของเอกชน และสำรวจข้อมูลจากชาวนาเพิ่มเติม ดังนี้ ปริมาณรับจำนำข้าว ปี 2554/2555 จำนวน 21,640,000 ตัน ผลสูญเสียจนถึงวันที่ขายข้าวหมด อย่างน้อย 205,000 ล้านบาท ประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ชาวนาได้รับ 103,277 ล้านบาท ประโยชน์ที่ตกถึงมือผู้อื่นที่มิใช่ชาวนา 56,967 ล้านบาท จำนวนครัวเรือนที่เข้าโครงการ 2,163,000 ครัวเรือน จำนวนครัวเรือนที่ไม่ได้รับเงินจากโครงการ 1,839,000 ครัวเรือน
ส่วนปริมาณรับจำนำข้าว ปี 2555/2556 จำนวน 22,230,000 ตัน ปริมาณที่ช่วยเหลือประโยชน์ส่วนเพิ่ม 890,000 ตัน ผลสูญเสียจนถึงวันที่ขายข้าวหมด อย่างน้อย 220,000 ล้านบาท ประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ชาวนาได้รับ 106,849 ล้านบาท จำนวนครัวเรือนที่เข้าโครงการ 2,108,000 ครัวเรือน จำนวนครัวเรือนที่ไม่ได้รับเงินจากโครงการ 1,894,000 ครัวเรือน
เมื่อรวมปริมาณรับจำนำ 2 ฤดูกาลผลิต 2554/2555 และฤดูกาล 2555/2556แล้วมีทั้งหมด 48,870,000 ตัน ปริมาณที่ช่วยเหลือประโยชน์ส่วนเพิ่มรวม 890,000 ตัน ผลสูญเสียจนถึงวันที่ขายข้าวหมดรวมอย่างน้อย 425,000 ล้านบาท ประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ชาวนาได้รับสองฤดูกาล 210,126 ล้านบาท ประโยชน์ตกถึงมือผู้อื่นที่ไม่ใช่ชาวนารวม 115,831 ล้านบาท
“อัมมาร”ขย่มซ้ำดันทุรังต่อหนี้พุ่ง
เช่นเดียวกับ นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)ที่ระบุว่า การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำนั้นเป็นเรื่องยาก และโครงการรับจำนำของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่ามีผลเสีย เป็นเรื่องที่ทำยาก เป็นนโยบายฉาบฉวย ประกอบกับขณะนี้ราคาตลาดโลกปรับลดลง เนื่องจากตลาดรับรู้ว่าไทยกักตุนสต๊อกข้าวกว่า 10-17 ล้านตัน โดยเรื่องนี้รัฐบาลซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการรับจำนำต้องหาวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวเอง เชื่อว่าถ้ารัฐบาลยืนยันดำเนินโครงการต่อไป ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หนี้จากการรับจำนำจะเพิ่มขึ้น รวมไปถึงอนาคตตลาดโลกจะระดมซื้อข้าวจากคุณภาพ มากกว่าจำนวนตัน ทำให้ไทยเสียโอกาสในการแข่งขัน
ต้านโกง-ส่งออกแนะยึดกลไกตลาด
ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย)กล่าวว่า เคยเสนอแนะรัฐบาลให้ยกเลิกโครงการรับจำนำแล้ว แต่เข้าใจว่าคงยากเพราะหาเสียงไว้ ดังนั้น เมื่อไม่สามารถยกเลิกได้ก็ต้องปรับวิธีช่วยเหลือเกษตรกร เช่น กำหนดการชดเชยเงินส่วนต่างให้เกษตรกร โดยจ่ายเงินให้เกษตรกรโดยตรงและปล่อยให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด แต่ถ้ารัฐไม่ปรับวิธีการทำให้สูญเสียเม็ดเงินมหาศาล รวมทั้งปริมาณข้าวในโกดังของรัฐเสื่อมคุณภาพ ไม่สามารถขายในราคาสูงให้ตลาดต่างประเทศได้
สอดคล้องกับนายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่า ที่ผ่านมาระบบกลไกตลาดทำงานได้ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซง วิธีแก้ปัญหาทุจริตจำนำข้าวทำได้โดยรัฐบาลควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะเชื่อว่าข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของต่างประเทศ แต่นโยบายรับจำนำทำให้กลไกตลาดบิดเบือน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณข้าวที่อยู่ในโกดังทั่วประเทศ ก็มากถึง 15-16 ล้านตัน หากมีสตอกมากเช่นนี้ อนาคตการปลูกข้าวของไทยจะลดลง เพราะปลูกไปก็ขายไม่ออก
“ปู”ตอบไม่ได้ขายจีนราคาเท่าไหร่
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมยืนยันว่า รัฐบาลไทยลงนามเอ็มโอยูขายข้าวให้รัฐบาลจีนจริง ส่วนรายละเอียดต้องให้กระทรวงพาณิชย์ไปหารือในวิธีการอีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงรายละเอียดในเอ็มโอยู อาทิ ราคาขาย ระยะเวลาส่งมอบ แต่ปรากฏว่า นายกฯตอบไม่ได้ “ไม่ทราบราคาค่ะ เป็นขั้นตอนที่กระทรวงพาณิชย์ต้องว่าไปในส่วนของคณะกรรมการระบายข้าว" เมื่อถามต่อว่า ทำไมขายข้าวแล้วไม่มีการตกลงเรื่องราคา นายกฯอุทานว่า “อ้าว ขอโทษนะต้องเรียนว่ามันมีขั้นตอน เราในฐานะภาครัฐเจรจาเรื่องหลักการ เอ็มโอยูเป็นเรื่องความร่วมมือในหลักการ ส่วนรายละเอียดที่จะลงในสัญญาราคาต่างๆ คณะกรรมการระบายข้าวต้องเป็นคนทำ”
ชิ่งหนีสื่อฉุนเจอซักหนัก
ผู้สื่อข่าวซักต่อว่า ทำไมนายกฯ ไม่ถามรายละเอียดอะไรเลย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไปถามรัฐมนตรีพาณิชย์บ้าง ส่วนกรณีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.คลังวิจารณ์โครงการจำนำข้าวนั้น ตนยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ฝากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปศึกษาอยู่ เช่นเดียวกับตัวเลขขาดทุนปัจจุบันที่สื่อถาม ตนจะให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง เพราะต้องรอปิดบัญชีเป็นทางการ
เมื่อถามว่า การขายข้าวให้กับจีนเป็นการลงนามเอ็มโอยูใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเอ็มโอยู ซึ่งเดิมเป็นเอ็มโอยูที่ออกมา 1 ล้านตันภายใน 5 ปี แต่จีนเห็นความร่วมมือของรัฐบาลไทย เขาจะเปลี่ยนแปลงใหม่ก็คงต้องไปหารือรายละเอียดข้างใน ถามต่อว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กู้เงิน 2.7 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 นายกฯ ทำหน้างงๆ พร้อมกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย ไม่ได้มีในเรื่องนี้ ถามย้ำว่า วันนี้ที่ประชุมครม.พิจารณาอะไรเกี่ยวกับเรื่องข้าวหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ให้ฝ่ายโฆษกแถลงข่าวดีกว่า พร้อมกับรีบเดินออกจากวงผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ไฟเขียวเพิ่มวงเงินจำนำอีก6.6พันล.
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกรัฐบาลกล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินที่ใช้ดำเนินโครงการข้าวเปลือกปีการผลิต 2555-2556 อีก 6,660 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เนื่องจากมีเกษตรกรหลายจังหวัด อาทิ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท ลพบุรี นำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำไม่ทันเวลาที่กำหนดภายในวันที่ 15 กันยายน ทำให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชะลอจ่ายเงินให้เกษตรกรช่วงที่ผ่านมา โดยเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวจะได้รับเงินที่ได้จำนำไว้
พณ.ยันจีนสั่งซื้อข้าวไทย5ล.ตันจริง
ส่วนนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ชี้แจงกรณีขายข้าวให้กับจีนปีละ 1 ล้านตันต่อเนื่อง 5 ปีว่า เป็นข้อตกลงระหว่างนายกฯไทยกับจีน ที่หารือกันล่าสุด ส่วนที่หลายฝ่ายอ้างตัวเลขที่นายกฯระบุคลาดเคลื่อนกับข้อเท็จจริงอีกชุดหนึ่งนั้น จริงๆแล้วเป็นตัวเลขของคอฟโกคือรัฐวิสาหกิจของจีนในมณฑลต่างๆของจีน ที่สามารถลงนามในเอ็มโอยูกับเอกชนหรือรัฐบาลของไทยในการซื้อข้าวแต่ละรอบได้ แต่กรณีนี้เป็นคนละกรณีกับที่นายกฯระบุ
ปปช.บีบ2แบงค์ส่งข้อมูลเช็ค
วันเดียวกัน นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงโครงการจำนำข้าว แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลว่า อนุกรรมการไต่สวนเรียกพยานมาให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลแคชเชียร์เช็คจาก 2 ธนาคารคือ ธนาคารกรุงเทพ 75 ฉบับ และธนาคารไทยพาณิชย์ 35 ฉบับ ถ้ายังไม่ส่งข้อมูลมาให้ ป.ป.ช.จำเป็นต้องใช้อำนาจเรียกข้อมูลมาตรวจสอบเอง เพื่อดูความเชื่อมโยงด้านการเงิน
แฉ“อุ๋ย”ยื่นสอบฟัน”โต้ง-บุญทรง”
นายวิชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าธปท.ยังได้ยื่นคำร้องขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ว่ามีพฤติกรรมละเลยต่อหน้าที่หรือไม่กรณีให้บริษัทสยามอินดิก้า ซึ่งเป็นบริษัทที่ล้มละลายเข้ามามีบทบาทรับผิดชอบในเรื่องของการรับซื้อข้าว โดยทางป.ป.ช.ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบแล้ว และอยู่ระหว่างตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลเห็นว่ามีข้อมูลและรายละเอียดที่แตกต่างไปจากคำร้องเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี