เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้เดินทางมาที่เวทีห้าแยกลาดพร้าวเพื่อรับมวลชนกปปส.ที่ห้าแยกลาดพร้าว และเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิย้าย ไปรวมกับเวทีแยกศาลาแดงสวนลุมพินี ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของมวลชน
ขบวนของนายสุเทพ พร้อมแกนนำ กปปส.ใช้เส้นทางพหลโยธินฝั่งขาเข้า เมื่อเดินมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสะพานควาย มีประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยสินค้าออกมายืนริมถนนรอให้การต้อนรับพร้อมมอบเงินบริจาค รวมทั้งนำขนม น้ำ และผลไม้มาบริการผู้ชุมนุม จากนั้นเมื่อขบวนถึงหน้าธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ พนักงานของธนาคารได้นำธนบัตรใบละ 100 บาทและ 20 บาท เย็บร้อยติดกันเป็นแนวทางบริจาคให้นายสุเทพด้วย
เทือกชี้ยุบ2เวทีเพื่อความปลอดภัย
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินขบวนว่า การที่กปปส.ต้องยุบเวทีปราศรัยห้าแยกลาดพร้าวและอนุสาวรีย์ชัยฯไปรวมกับเวทีปราศรัยแยกศาลาแดง สวนลุมพินีเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยทำได้สะดวกมากขึ้น เพราะจากการประเมินของแกนนำเห็นว่าฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจจะใช้ความรุนแรงกับประชาชน
อ้างหลัง3กพ.ส่อเค้ารุนแรง
“การข่าวของพวกเราก็ทราบมาว่าหลังวันที่ 3 ก.พ.จะมีการใช้ความรุนแรงมากขึ้นจึงทำให้ต้องยุบ 2 เวทีดังกล่าว ที่ถูกกระทำความรุนแรงมาตลอด ส่วนเวทีปราศรัยแจ้งวัฒนะจะยุบหรือไม่นั้น ต้องให้หลวงปู่พุทธอิสระ แกนนำเวทีดังกล่าว ตัดสินใจ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการ เพราะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วสามารถเคลื่อนย้ายไปช่วยเหลือได้”นายสุเทพ กล่าว
แวะรับอนุสาวรีย์ฯไปสวนลุม
กระทั่งเวลา 11.30 น.ขบวนเดินมาถึงอนุสาวรีชัยสมรภูมิโดยมีนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส.เวทีอนุสาวรีย์ชัยฯ ขึ้นรถหกล้อติดเครื่องขยายนำหน้าขบวน โดยที่นายสุเทพไม่ได้แวะพักและเดินต่อไปจนมาถึงแยกราชเทวี ขบวนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่และเลี้ยวขวาที่แยกประตูน้ำเพื่อเข้าถนนราชดำริผ่านเวทีราชประสงค์ และถึงเวทีแยกศาลาแดงสวนลุมพินีในเวลา 12.50น.ท่ามกลางเสียงตะโกนต้อนรับของผู้ชุมนุม
เดินเร็วแค่3ชม.หวั่นไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเดินขบวนของนายสุเทพครั้งนี้เดินอย่างรวดเร็วมาก โดยนายสุเทพได้ใช้เวลาไม่นานในการหยุดรับเงินบริจาค แต่ไม่ได้หยุดถ่ายรูปกับประชาชนที่มารออยู่ข้างถนน เนื่องจากระยะทางการเดินไกลมากกว่า 14 กิโลเมตร และเกรงว่าขบวนจะถึงในช่วงค่ำ จึงมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ทำให้ขบวนใช้เวลาเดินเพียง 3 ชั่วโมง
ยกระดับเวทีสวนลุมให้ใหญ่ขึ้น
เวลา 13.00น. นายสุเทพ ขึ้นเวทีปราศรัยแยกศาลาแดงว่า ตนเดินทางไปรับพี่น้องที่เวทีแยกลาดพร้าวและเวทีอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยรื้อทั้ง 2 เวที เนื่องจากมีชัยภูมิไม่เหมาะสม คนร้ายเข้าได้ทุกทาง จึงเป็นห่วงความปลอดภัยจึงนำมาหลอมรวมเป็นเวทีสีลมให้เป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่ โดยมีนายถาวร เสนเนียม นายสนธยา ชื่นฤทัยในธรรม และนายอิสสระ สมชัย เป็นคณะกรรมการเวทีสีลม ทำงานร่วมกัน โดยจะปรับเวทีให้มีการปราศรัยตลอดทั้งวันเพื่อให้พนักงานบริษัทต่างๆ ได้รับฟัง
กร้าว!เริ่มปิดล้อมบ้านนายกฯ-ครม.
สำหรับกิจกรรมนั้น นายสุเทพ ยืนยันว่าต้องเดินหน้าต่อไป โดยจะขึ้นทะเบียนผู้ชุมนุมและมีประสานงานในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ง่ายต่อการยกขบวนไปทำกิจกรรม และงานที่ต้องทำต่อไปคือ 1.การปิดกระทรวง ทบวง กรมต่างๆที่ทำอยู่แล้ว และ2.การปิดล้อมบ้านพักนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ล้อมขังไว้ในบ้าน แต่เราไม่บุกรุกเข้าไปในบ้านใคร โดยจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 4 กพ.นี้เป็นต้นไป
เตรียมชัตดาวน์กทม.อีกรอบ
“จะใช้หน่วยเคลื่อนที่เร็วไปตรวจสอบหน่วยราชการที่ยังไม่ปิด จากนั้นจะใช้ผู้ชุมนุมโดยสารด้วยรถยนต์ไปดำเนินการเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวได้ทัน หลังจากที่ปิดหน่วยงานราชการแล้วเราจะ ปิดบ้านนายกฯและครม.จากนั้นจะปิดกรุงเทพฯครั้งใหญ่ให้สนิทอีกครั้งหนึ่ง ต้องเอาให้เสร็จจบให้ได้ เมื่อรัฐบาลลาออก มีการตั้งสภาประชาชนบริหารประเทศได้เราก็จะได้กลับบ้านสักที”นายสุเทพ กล่าว
“สาทิตย์”ลั่นเปิดฉากไล่ล่าครม.ทุกวัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กพ.ที่ผ่านมา คนไม่ออกไปใช้สิทธิครึ่งประเทศ และกาโหวตโนอีกจำนวนมาก สะท้อนว่าประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้แล้ว ดังนั้นจึงหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป นับจากนั้นนี้เราจะมีมาตรการไล่ชัตดาวน์น.ส.ยิ่งลักษณ์ และครม.ทุกวันจนกว่าจะลาออก
หลวงปู่ยันไม่ย้ายเวทีแจ้งวัฒนะ
ทางด้านหลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งดูแลเวทีแจ้งวัฒนะฯ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่มีการยุบรวมเวทีอื่นเพียงแต่จะถอยร่นแนวบังเกอร์เพื่อเปิดทางบริเวณหน้าสำนักงานทีโอที กับบริษัทไปรษณีย์ไทย เพื่อจะได้ประหยัดกำลังการ์ดดูแลความปลอดภัย
ยอมเปิดพื้นที่ให้ขรก.บางส่วน
ต่อมานายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ท.กฤตวิทย์ วิยาภรณ์ ผบ.ปตอ.พัน 5 ได้เข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระเพื่อเจรจาขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งหลวงปู่พุทธะอิสระยอมเปิดพื้นที่บางส่วนให้ข้าราชการเข้าออกได้ตั้งแต่วันที่ 4 กพ.เวลา 08.00 -18.00 น.เท่านั้น ประกอบด้วย กองทุนยุติธรรม สำนักงานปลัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย ขณะที่จะมีการจัดกำลังทหารจำนวน 1 กองร้อยมาช่วยดูแลความลปอดภัยของผู้ชุมนุม
“ปู”มุดทำงานสำนักงานปลัดกห.
ทางด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมนั้น เมื่อเวลา 10.25 น.เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(กห.) เมืองทองธานี พร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย(ศรส.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกปปส.
ม็อบกปปส.-รัฐวิสากิจบุกไล่
เวลา 11.45 น.กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.นำโดยนายชุมพล จุลใส นายสกลธี ภัททิยกุล นายณัฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุฒิพงศ์ ปุณกันต์ และมวลชนเครือข่ายสมาพันธ์สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจ (สรส.)ประมาณ 500 คน เดินทางมาชุมนุมขับไล่นายกฯที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประกาศไม่ให้ใช้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นสถานที่ทำงานรัฐบาล
ยื่นคำขาดปูให้ลาออกใน3วัน
ทั้งนี้ผู้ชุมนุมได้อ้างว่า ให้เวลาน.ส.ยิ่งลักษณ์ 3 วันลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ประชาชนชาวกทม.ออกมาใช้สิทธิไม่ถึงร้อยละ 26 มีการโนโหวตเป็นจำนวนมาก พร้อมปราศรัยโจมตีพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหมว่า เป็นทหารของพระราชา ประชาชน ไม่ใช่เป็นทหารรับใช้รัฐบาล ขอให้ทหารยืนข้างประชาชน ไม่สนับสนุนรัฐบาลอีก
ตัดรั้วหนามปิดทุกทางเข้า-ออก
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการตัดรั้วหนามหน้าทางเข้าสำนักงานฯ โดยแกนนำได้ให้ผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิง ประมาณ 15 คน เดินเข้ามานำน้ำดื่มมาให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่รักษาความปลอดภัยรอบสำนักงานฯ และกลับไปร่วมปักหลักชุมนุมที่ริมถนนหน้าสำนักงานฯ ก่อนที่กลุ่มผู้ชุนนุมจะเคลื่อนปิดล้อมรอบสำนักงาน ใช้รถเมล์ รถบรรทุก 6 ล้อ ปิดทุกทางเข้าออกสำนักงานฯ
ระหว่างนั้น แกนนำได้ประกาศบนพบชายชุดดำสวมไอ้โม่ง 2 คน อยู่บนดานฟ้า ตึก C2 คอนโดเมืองทองธานี ซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานฯ ประกาศให้ลงจากตึก โดยที่การ์ด กปปส.จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปยังตึกดังกล่าวด้วย
"ปู" มั่นใจเขตทหารอยู่นั่งทำงาน
ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ทันทีที่มีข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาปิดล้อมสำนักงานฯ เจ้าหน้าที่ทหารได้เพิ่มรั้วลวดหนามจาก 2 ชั้น เป็น 3 ชั้น จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จ.ลพบุรี จำนวน 1 กองร้อย เข้าประจำจุดต่างๆรอบอาคารสำนักงานฯ ทั้งนี้ระหว่างการปิดล้อมผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังคนใกล้ชิดนายกฯ ได้รับการยืนยันว่า นายกฯยังคงอยู่ที่ห้องทำงานอยู่ที่ชั้น 10
ขู่บุกเข้าสป.กห.หลังไร้เงา"ปู"ออก
ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.อ.เชาวบูลย์ คงพูลศิลป์ รองเสนาธิการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ได้เข้าเจรจาแกนนำ ที่ปิดประตูเขัาออกด้านข้างสำนักงานฯ เพื่อขอใหัเปิดทางให้นายกฯและรัฐมนตรี ข้าราชการออกจากสำนักงานฯ แต่ปรากฏว่า ผ่านไป 40 นาที ไม่มีรถนายกฯและรถรัฐมนตรี ออกแม้แต่คันเดียว มีแต่รถข้าราชการเท่านั้น ทำให้แกนนำไม่พอใจสั่งปิดประตูขวางทางเข้าออกทันที และประกาศไม่ยอมรัฐมนตรีคนใดออก ยกเว้นข้าราชการเท่านั้น
ทั้งนี้แกนนำกปปส.ประกาศจะรอการเจรจาอีกรอบ หากยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดออกก็จะบุกเข้าสำนักงานฯ ทันที ขณะเดียวกัน พบว่า มีตะปูวางไว้ที่ล้อรถของสำนักข่าวไทยทีวีสี ช่อง 3 ที่จอดอยู่ด้านข้างสำนักงานฯ
อ้างชายชุดดำ 40 คนล้อมม็อบ
จากนั้นเวลา 15.40 น.ตำรวจหน่วยปราบจลาจล จำนวน 2 กองร้อย ได้ ออกมาตั้งแถวแนวรับบริเวณด้านหน้าและด้านข้างอิมแพคเมืองทองธานี จึงส่งผลให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศขอกำลังการ์ดอาสา ยืนตั้งแถวแนวรับ และได้ระบุว่าบริเวณรอบนอกพบชายชุดดำแฝงตัวเข้ามาประมาณ30-40คน ขณะที่เวลา 15.50 น.เจ้าหน้าที่ได้ขอสื่อมวลชนทั้งหมดออกจากสำนักงานฯ
กปปส.ถอนทัพผวาชุดดำถล่ม
เวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่ทหารได้แจ้งว่า นายกฯ และครม.กลับไปหมดแล้ว ทางกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.จึงได้ทยอยกลับพร้อมขอให้ทหารพาส่งขึ้นทางด่วนด้วยเพราะเป็นห่วงชายชุดดำที่อาจดักทำร้ายเนื่องจากใกล้มืด กลัวมวลชนไม่ปลอดภัยหลังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากนำกำลังมาสมทบ และล้อมรอบพื้นที่ 4 ด้านของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นที่เรียบร้อย
"ปู"โผล่-ยังปากดีใช้สป.กห.ต่อ
ต่อมาเวลา 17.50น.ที่สำนักงานปลัด กห.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ลงมาให้สัมมภาษณ์ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.เดินทางกลับว่า วันที่4 ก.พ.ไม่มีการประชุมครม.เพราะไม่มีวาระด่วนอะไร เมื่อถามว่า วันที่ 4 ก.พ.ยังใช้ที่สำนักงานปลัดกห.ทำงานตามปกติหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังใช้ที่ทำงานปกติ เพราะเพราะนี้เป็นสถานที่ทำงานเฉยๆ เพราะที่นี้ไม่ใช่ศรส.จากนั้น นายกฯได้เดินขึ้นรถกลับทันที
รมต.เริงร่าทยอยเดินทางกลับ
ขณะเดียวกันบรรดารัฐมนตรีเกือบ 10 คน อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทยอยเดินทางออกจากสำนักงานปลัดกระทรวงกห.โดยรัฐมนตรีทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ
"ปึ้ง"ขู่ม็อบบุกอีกโดนจับแน่
ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายกฯเป็นรมว.กลาโหม ทำงานที่สป.กห.ถูกต้องแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ชุมนุมที่มาปิดล้อม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และครั้งหน้าหากชุมนุมที่นี้อีก จะไม่แล้วที่เจ้าหน้าที่จะส่งผู้ชุมนุมกลับ แต่จะดำเนินการตามกฏหมายทันที
ท้าแน่จริง4กพ.ให้กลับมาใหม่
“ผมไม่ได้ท้าไม่เชื่อวันที่4 ก.พ.มาใหม่ เพราะถือเป็นคุกคาม ยอมต่อไปไม่ได้ ต้องใช้กฏหมายให้เขัมข้นขึ้น เพราะในการชุมนุมวันนี้มีอาวุธ ไม่ได้ชุมนุมโดยสันติ มีการกดดันหลังเลือกตั้ง สร้างความวุ่นวาย ควรยุติได้แล้ว ต่างประเทศมองอยู่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ควรกลับบ้านได้แล้วทำผิดมามากแล้ว และจะเร่งรัดออกหมายจับเร็วที่สุด”นายสุรพงษ์กล่าว
"เฉลิม"ขู่ใช้กำลังจับแกนนำ
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวว่า ตามกำหนดการเดิม ศรส.จะเจรจาเพื่อเปิดให้บริการประชาชนได้ภายในวันที่ 3กพ.แต่จากสถานการณ์ล่าสุด เพื่อควาามเรียบร้อย ศรส.จะรอให้ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับแกนนำ กปปส.ทั้ง 19 คนก่อน จากนั้นจะเจรจาขอเปิดศูนย์ราชการอีกครั้งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังเข้าควบคุมตัวแกนนำก็เป็นไปได้ ส่วนบริษัทที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของ กปปส.ขณะนี้บางส่วนถอนตัวแล้วเพราะกลัวความผิด
ทส.ประกาศตัดโซ่เข้าทำงาน
ส่วนนายชลทิศ สุรัสวดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เป็นตัวแทนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี พร้อมเจ้าหน้าที่จากศรส. มาประชุม กับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์ และกรมป่าไม้ เพื่อหารือเรื่องการ เปิดประตูกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ได้กลับมาปฏิบัติงานเหมือนเดิมโดยจะทำพิธีตัดโซ่ในวันที่ 4 กพ.นี้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาร่วมพิธีหน่วยละ 100 คน
เย้ยยิ่งลักษณ์หย่อนบัตรผิดหีบ
เวลา 09.50 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีแยกปทุม โดยตอกย้ำความโง่เขลาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ กรณีหย่อนบัตรเลือกตั้งผิดหีบ เอาบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไปปย่อนลงในหีบบัตรเลือกตั้งสส.แบบเขต
“ผมไม่ขอตำหนิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะรู้ดีว่าการนำเอาบัตรไปหย่อนให้ถูกกล่องนั้น เป็นเรื่องยากลำบากขนาดไหน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ไม่ยอมบอกนายกฯ”นายสุเทพกล่าว
ชี้สถิติฟ้องชัดคนไม่เอาเลือกตั้ง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า กกต.ได้แถลงแล้วว่าคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์มีจำนวน 20 ล้าน 4 แสน 6 หมื่นคน หรือคิดเป็น 45.84 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่นับ 9 จังหวัดทางภาคใต้ ถ้าเอาบวกเข้าไปจะต่ำกว่านี้อีก และยังไม่นับบัตรเสีย ที่จงใจให้เสีย แสดงให้เห็นว่าคนไม่ต้องการการเลือกตั้งอย่างชัดเจน และไม่เอารัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกแล้ว อย่างที่จ.ตากคะแนนโหวตโนชนะผู้สมัครสส.เพื่อไทย
ถามปลัดกห.ทำห้องนอนให้ปู
“น.ส.ยิ่งลักษณ์คิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะฟอกตัวออกมาให้ขาวผ่องเลย แต่ผลออกมาดำยิ่งกว่าหน้าสุเทพอีก ตอนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลุ้มใจมาก บ้านช่องใหญ่โตก็นอนไม่ได้ ต้องไปนอนที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทอง ปลัดกลาโหมก็เอางบประมาณแผ่นดินไปทำห้องนอนให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จริงไม่จริงให้ออกมาชี้แจงด้วย“ นายสุเทพ ระบุ
แจงยุบ2เวทีเพื่อความปลอดภัย
จากนั้นนายสุเทพได้ชี้แจงเหตุผลในการยุบเวทีลาดพร้าว และเวทีอนุสาวรีย์ชัยฯว่า เป็นเพราะได้ข่าวว่า พวกทรราชตั้งใจใช้ความรุนแรงกับ จึงยุบแล้วก็เอาไปรวมไว้ที่เวทีสีลมเพียงแห่งเดียว ก็จะสะดวกในการดูแลความปลอดภัย เพื่อเป็นที่มั่นในการต่อสู้ต่อไป ส่วนชายชุดดำที่ยิงปะทะที่หลักสี่นั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร ทราบเพียงว่า ยิงใส่พวกของโกตี๋ที่เตรียมอาวุธมายิงใส่ประชาชนไม่ให้โงหัวขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ขอขอบคุณด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี