5 ก.พ.57 สภาทนายความ ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ถึงการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ว่า แม้จะได้ดำเนินการเนินไปแล้ว แต่ยังมีประเด็นข้อขัดแย้งเกี่ยวกับความชอบธรรมในการจัดการเลือกตั้งต่างๆ มากมาย ซึ่งอาจทำให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ และจะทำให้งบประมาณ 2,825 ล้านบาทที่ใช้ไปกับการดำเนินการ ต้องสูญเปล่าไปโดยสิ้นเชิง
แถลงการณ์ของสภาทนายความ
เรื่อง ความชอบด้วยกฎหมายของการเลือกตั้ง
.................................................
ถึงแม้รัฐบาลรักษาการและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะได้พยายามผลักดันให้มีการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ก็ไม่ครอบคลุมการเลือกตั้งพร้อมกันทั้งประเทศ และมีประเด็นข้อขัดแย้งมากมายเกี่ยวกับความชอบธรรมในการจัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีข้อเท็จจริงที่ควรนำมาประกอบพิจารณากับข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งสภาทนายความเห็นสมควรที่จะเผยแพร่ให้เป็นที่ทราบกัน ดังนี้
1.การเลือกตั้งนั้นโดยหลักการแล้วจะต้องทำการเลือกตั้งพร้อมกันทั้งประเทศครั้งเดียว ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่เขียนไว้อย่างชัดเจน แต่การเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่อาจจะจัดให้มีการเลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ และวันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ดังนั้น ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการคัดค้านหรือการลาออกของกรรมการเลือกตั้ง ทำให้มีหน่วยเลือกตั้งไม่ครบทั้งประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตามมาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
2.ประเด็นเรื่องการจัดการเลือกตั้งกรณีให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร กรณีดังกล่าวนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่อาจทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรได้ครบสมบูรณ์จากจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนและได้ลงทะเบียนไว้กว่า 2 ล้านคนนั้นเสร็จสิ้นก่อนวันเลือกตั้งได้ ประการสำคัญการนับคะแนนในกรณีของการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรนั้น จะต้องเอาบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรส่งไปนับพร้อมกันในเขตที่ผู้มีชื่อมีสิทธิเลือกตั้งมีภูมิลำเนาอยู่ ดังนั้นหากมีการนับคะแนนโดยไม่พร้อมกัน จะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน โดยเฉพาะการที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตใหม่ เพราะทราบคะแนนที่ผู้สมัครแพ้หรือชนะแล้ว ประเด็นที่สำคัญที่จำเป็นต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคือความชอบด้วยกฎหมายของการเลือกตั้งครั้งนี้คือเรื่องของการนับคะแนนในขณะที่การเลือกตั้งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งตามข้อกฎหมายไม่อาจทำได้ เพราะมีข้อเท็จจริงที่เป็นประเด็นสำคัญของการพิจารณาคือผู้ที่ได้แสดงความจำนงว่ามีความประสงค์จะขอเลือกตั้งนอกเขตแต่ยังไม่สามารถเลือกตั้งได้นั้น ยังไม่มีสิทธิกลับไปเลือกตั้งในเขตอีกจนกว่าจะแจ้งขอไปใช้สิทธิในเขตภูมิลำเนาของตนเอง และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งของตนเอง จึงยังไม่อาจรวมบัตรตามเขตนับคะแนนได้ หากจะถือว่าเป็นบัตรเสียเพราะส่งมาไม่ทันตามมาตรา 102 วรรคสอง หรือมีเหตุจำเป็นตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดตามมาตรา 102 วรรคหนึ่ง ของ พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ต้องให้เหตุผลที่ชอบด้วยความโปร่งใสเป็นธรรมและสุจริต
3. อนึ่ง ความในมาตรา 150 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ยังห้ามเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกในระหว่างเวลาเจ็ดวันก่อนเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนน การที่จัดการเลือกตั้งไม่พร้อมกันโดยที่มีการนับคะแนนแม้ไม่ปิดประกาศคะแนนเป็นทางการ แต่ผู้ที่ไปดูการนับคะแนนสามารถจดคะแนนไปรวมกันเองได้ และในแต่ละหน่วยเลือกตั้งมีตำรวจรักษาความปลอดภัยจดคะแนนของผู้สมัครส่งไปให้ศูนย์รวมคะแนนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้สามารถรู้คะแนนของผู้สมัครทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบผิดมาตรา 150 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว เพราะเท่ากับการเผยแพร่เกี่ยวกับการลงคะแนนซึ่งในเขตที่ยังไม่สามารถเลือกตั้งได้มีจำนวนเป็นล้านคะแนนซึ่งเป็นช่องทางทำให้คะแนนแปรปรวนได้ การที่ กกต. แถลงข่าวว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าใหม่ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 จึงขัดกับกฎหมายเลือกตั้งเพราะในเขตบางเขตได้ทำการเลือกตั้งไปแล้วจึงไม่ใช่การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตอีกต่อไป จึงไม่สามารจัดให้มีการเลือกล่วงหน้านอกเขตในเขตที่มีการเลือกตั้งไปแล้วได้อีก ในเมื่อไม่สามารถเลือกตั้งนอกเขตได้อีกจึงเป็นการตัดสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ประเด็นข้อกฎหมายที่สำคัญข้างต้นจะเป็นเหตุที่จะต้องมีการพิจารณาว่าการเลือกตั้งซึ่งทำให้มีการใช้งบประมาณ 2,825 ล้านบาท ไปนั้น เท่ากับเป็นการสูญเปล่า เพราะเหตุที่ว่าได้มีการฝ่าฝืนกฎกติกาข้อกฎหมายที่สำคัญ และหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
จึงแถลงการณ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์
4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี