ปชป.แฉข้าวเน่าพิษณุโลก
“โคตรโกง”เป็นขบวนการ
จี้สอบใหม่โกดังทั่วประเทศ
ชาวนาเข็ด-บี้รัฐยกเลิกจำนำ
กลุ่มชาวนาจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิต 2556/2557 อย่างต่อเนื่อง โดย นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ ประธานเครือข่ายชาวนาภาคเหนือ ในฐานะรองประธานเครือข่ายชาวนาไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มีนาคมว่า ในระยะ 1-2 วันนี้ ชาวนาทั่วประเทศจะยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว เนื่องจากต้องการดูท่าทีของรัฐบาลว่า จะมีการดำเนินการเรื่องการจ่ายเงินให้กับชาวนาอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้โดยส่วนตัวยังคงขอย้ำจุดยืนเดิมว่า หากรัฐบาลไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาได้ก็ควรลาออก เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณมาจ่ายเงินให้กับชาวนา เนื่องจากตอนนี้ชาวนาเดือดร้อนกันมาก บางรายจะต้องมีการนำเครื่องมือการเกษตรไปจำนำ เพื่อนำเงินใช้ในการลงทุนรอบใหม่
นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการทยอยจ่ายเงินเป็นงวดๆ เพราะอาจเปิดโอกาสให้นักการเมืองมาหาผลประโยชน์ได้ เช่น อาจมีนักการเมืองนำเงินดังกล่าวไปให้ชาวนาในพื้นที่ของตนซึ่งเป็นฐานเสียงก่อน ส่วนชาวนาที่อยู่นอกพื้นที่ก็ต้องรอและเดือดร้อนต่อไป ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติให้รัฐบาลใช้งบประมาณ 712 ล้านบาทมาจ่ายให้ชาวนา แต่ยังไม่อนุมัติอีก 20,000 ล้านนั้น ชาวนาไม่ได้ให้ความสนใจว่าจะเป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่สนใจ คือ รัฐบาลต้องกำหนดวันจ่ายเงินให้แก่ชาวนามาให้ชัดเจนเท่านั้น
“หลังจากนี้จะต้องไม่มีโครงการรับจำนำข้าวอีก เพราะถือเป็นการที่สร้างความล้มเหลวและทำให้ชาวนา ต้องได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนในการทำนารอบใหม่ รวมทั้งต้องแบกรับหนี้สินเพิ่มมากขึ้นด้วย พร้อมจะมีการเดินหน้ากดดันรัฐบาลต่อไป เพื่อให้ได้เงินของชาวนาคืนมา” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เปิดเผยว่า การที่กกต.อนุมัติให้รัฐบาลใช้งบฯกลาง 712 ล้านบาท ช่วยชาวนา ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องอนุมัติงบฯกลางอีก 20,000 ล้านบาทตามมาด้วย เนื่องจากวงเงินทั้ง 2 ก้อนมีความแตกต่างกัน และที่สำคัญเงิน 712 ล้านบาท เป็นวงเงินค้างจ่ายให้กับชาวนามาตั้งแต่ฤดูกาลผลิต 255/2556 ไม่มีผลผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไป ส่วนวงเงิน 20,000 ล้าน เป็นเงินที่ต้องนำไปหมุนเวียนในโครงการฤดูกาลผลิต 2556/2557 หากขายข้าวหรือออกพันธบัตรได้ ก็จะนำมามาคืนภายหลัง ทำให้มีประเด็นที่ กกต. ต้องพิจารณาต่อโดยอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ว่า 1.เป็นความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ 2.ก่อให้เกิดผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไปหรือไม่ และ 3.เป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อนำไปสู่ความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า น่าจะได้รู้คำตอบ
“แต่ใจผมอยากในคนเหล่านี้มาชี้แจงด้วย คือ 1.นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ 3.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เผื่อท่านจะข่มขู่ กกต.ได้ผล” นายสมชัยกล่าว
วันเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากกรณีข่าวรัฐบาลเตรียมนำเงินบางส่วนที่ได้จาการขายข้าว และการออกพันธบัตรไปให้ชาวนา โดยเฉพาะชาวนาจาก จ.อุทัยธานี นั้น พรรคขอแสดงความยินดีกับชาวนากลุ่มดังกล่าวที่จะได้รับเงินตามที่รัฐบาลประกาศไว้ แต่อยากเตือนรัฐบาลต้องระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้ถูกมองเป็นการเลือกปฏิบัติจ่ายเงินเฉพาะกับชาวนาที่มาจากพื้นที่ฐานเสียงของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ควรจ่ายเงินอย่างเป็นธรรม ใครได้ใบประทวนก่อนก็ควรได้รับเงินก่อน
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจโกดังข้าวรัฐบาลที่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก พบข้าวเน่าเสื่อมสภาพ รวมทั้งข้าวสารบางส่วนมีสภาพคล้ายแป้ง เป็นการยืนยันถึงขบวนการทุจริตในขั้นตอนการนำข้าวสารเข้าเก็บโกดัง ซึ่งต้องเป็นการรู้เห็นเป็นใจกันทั้งโรงสี เซอร์เวเยอร์ เจ้าของโกดัง เจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งผลประโยชน์บางส่วนที่ส่งต่อถึงฝ่ายการเมือง จึงไม่แปลกที่รัฐบาลพยายามปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับคลังข้าวสาร
“ผมยังเชื่อว่าปัญหาข้าวสารเสื่อมสภาพไม่เพียงเท่าที่เห็น น่าจะยังมีกระจายในหลายๆ พื้นที่ คำถามที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลจะชี้แจงและแก้ปัญหาอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลพยายามปกปิดและปฏิเสธมาตลอด แต่ถ้าไปตรวจก็จะไปตรวจกองข้าวปกติเพื่อเป็นการสร้างภาพเท่านั้น”
นพ.วรงค์ ระบุด้วยว่า จากสภาพที่เห็นเป็นข้าวโครงการรับจำนำปี 2554/2555 แสดงว่า ข้าวที่รัฐบาลเอาไประบายขายก่อนเป็นข้าวโครงการปี 2555/2556 หรือปี 2556/2557 ทั้งที่โดยหลักการแล้วรัฐบาลควรนำข้าวปี 2554/2555 ไประบายให้หมดเสียก่อน แต่การที่รัฐบาลยังเก็บข้าวปี 2554/2555 ไว้ ทำให้สภาพข้าวที่เสื่อมอยู่แล้วยิ่งมีความเสื่อมเสียมากยิ่งขึ้น สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในการระบายข้าวของทางรัฐบาลอย่างชัดเจน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชติ แจ้งข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสามารถชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา เพราะโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ช่วยยกระดับรายได้ของชาวนาให้มีรายได้สูงขึ้น จากที่เคยขายตันละ 6,000-7,000 บาท เป็นตันละ 12,000-15,000 บาท รายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว หากมีการทุจริต ก็เป็นเรื่องที่บุคคลเกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองเป็นรายๆ ไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี