ยกฟ้อง‘สมคิด บุญถนอม’
อุ้มฆ่าซาอุฯ
ศาลชี้หลักฐานไร้น้ำหนัก
อุปทูตผิดหวังคำพิพากษา
ฮึ่มกระทบสัมพันธ์2ชาติ
เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 31 มีนาคม ศาลอาญา รัชดา ได้พิพากษายกฟ้องในคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนางวักดะห์ ซาเล็ม ฮาเหม็ด อัลรูไวลี มารดานายโมฮัมเหม็ด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ, พ.ต.อ.สรรักษ์ จูสนิท ผกก.สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน, พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง รวม 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา สืบเนื่องจากกรณีที่นายโมฮัมเหม็ด หายตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2533
ศาลระบุไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำให้การของพ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ เป็นเพียงบันทึกคำให้การ มีข้อพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะที่อ้างว่าได้แหวนจากก้นถังน้ำมันที่อ้างว่าเป็นแหวนของนายโมฮัมเหม็ด แต่ไม่แจ้งผู้บังคับบัญชา ผิดวิสัยของพยานที่เป็นตำรวจ และยังนำแหวนไปซ่อมพร้อมทำพิธีทางศาสนา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ก็เป็นข้อพิรุธ จึงเสมือนว่ามีการสร้างพยานหลักฐานใหม่ขึ้นมา และทางญาติก็ไม่ได้นำสืบว่าเป็นแหวนของนายโมฮัมเหม็ดหรือไม่ อีกทั้ง คดีนี้เป็นคดีอุฉกรรจ์ มีโทษถึงประหารชีวิต การที่โจทก์ ไม่ได้นำตัว พ.ต.ท.สุวิชชัย มาเบิกความก็เท่ากับไม่มีประจักษ์พยาน เป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า พล.ต.ท.สมคิด กับพวกทั้ง 5 คน กระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง
“สมคิด”ยิ้มแต่ยังไม่เผยความรู้สึก
ขณะที่ พล.ต.ท.สมคิด กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่าไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดหรือความรู้สึกที่เกี่ยวข้องในคดีได้ เนื่องจากยังติดเงื่อนไขของศาลในการประกันตัว และหากมีโอกาสก็พร้อมจะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น และยังไม่โล่งใจเพราะคดีนี้มีรายละเอียดมาก
ยันเปลี่ยนผู้พิพากษาตามเหตุสมควร
นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา แถลงข่าวถึงกรณีที่ นายอับดุลลิลาฮ์ โมฮัมหมัด อัลชุเอบี อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ระบุว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาในคดีดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สมคิด กับพวก ได้ยื่นคำร้อง เพื่อขอเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน คือ นายสมศักดิ์ ผลส่ง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะนายสมศักดิ์ ได้ส่งคดีไปสืบที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อสืบ พ.ต.ท.สุวิชชัย พยานโจทก์ในคดีนี้ แต่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เห็นว่า นายสมศักดิ์ ใช้อำนาจโดยชอบแล้ว จึงได้ยกคำร้องของ พล.ต.ท.สมคิด ไป
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มกราคม ประธานศาลฎีกา ได้มีคำสั่งให้พักราชการ นายสมศักดิ์ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัย เมื่อครั้งที่เคยเป็น หัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี กรณีถูกร้องเรียนเรื่องการปล่อยชั่วคราว ขัดต่อระเบียบและขัดต่อข้อบังคับ ดังนั้น คณะกรรมการตุลาการ จึงมีมติ ว่า นายสมศักดิ์ มีความผิดร้ายแรง จึงสั่งพักราชการและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที
จากนั้นได้เปลี่ยนให้ นายภชฤทธิ์ นิลสนิท ขึ้นเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในคดีดังกล่าว และ นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มีอำนาจลงนามในคำสั่ง จึงขอยืนยันว่า การเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกประการ และเป็นไปด้วยเหตุผลอันสมควร
อุปทูตติดใจปมเปลี่ยนผู้พิพากษา
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายอับดุลอิลาห์ อัลชุ อัยบี อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายมาทรุก อัลรูไวรี่ พี่เขยของนายโมฮัมหมัดอัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย และ นายอาทิก อัลรูไวลี่ พี่ชายนายโมฮัมหมัด ร่วมแถลงข่าว โดยนายอับดุลอิลาห์ เปิดเผยผ่านล่ามว่า ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรในคำพิพากษาวันนี้ โดยเมื่อทางฝ่ายผู้เสียหายได้รับทราบว่า มีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีนี้ ก็มีความกังวลว่าผลคำตัดสินจะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายของผู้เสียหาย
ระบุผิดหวังคำตัดสิน
นายอับดุลอิลาห์กล่าวว่า ทางการซาอุดิอาระเบีย ผิดหวังในผลคำพิพากษาคดีในวันนี้ พร้อมเรียกร้องให้สื่อมวลชนพิจารณาเหตุผลของการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา และเจตนาของฝ่ายจำเลยที่ต้องการให้เปลี่ยนตัวผู้พิพากษาคดีนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาอย่างเร่งด่วน ย่อมทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา ไม่กระทำหลังจากที่การพิจารณาคดีแล้วเสร็จในขั้นตอนศาลชั้นต้น
ให้จับตาสัมพันธ์2ประเทศ
ส่วนผลการพิพากษาในคดีนี้ จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียหรือไม่นั้น นายอับดุลอิลาห์ ระบุว่า ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ก็ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่แล้ว เชื่อว่า คงไม่มีสาเหตุอะไรที่จะทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่ลงไปกว่านี้อีก ซึ่งจะมีผลต่อสัมพันธ์อย่างไรนั้น เป็นเรื่องของอนาคตที่ประเทศซาอุดิอาระเบียจะเป็นผู้กำหนด
คดีประวัติศาสตร์ยาวนาน24ปี
สำหรับคดีดังกล่าวมีการสืบสวนมานานกว่า 24 ปี และถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และซาอุดิอาระเบีย โดย นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจ มีศักดิ์เป็นพระญาติของกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบีย มาเปิดบริษัททำธุรกิจจัดส่งแรงงานไทย ไปทำงานในประเทศแถบตะวันออกกลาง แต่หลังเกิดคดีฆาตกรรมนักการทูตซาอุดิอาระเบีย เมื่อปี 2533 นายอัลรูไวลี ก็หายตัวไป และจากการสืบสวนพบว่า พล.ต.ท.สมคิด พร้อมพวก ได้นำตัวนายอัลรูไวลีไปสอบเค้นข้อมูล ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนักการทูตซาอุฯหรือไม่
จนกระทั่ง ปี 2552 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รื้อคดีขึ้นมาใหม่ โดยนำแหวนทองที่หัวแหวนมีรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นแหวนประจำตระกูลของนายอัลรูไวลี ที่ พ.ต.ท.สุวิชชัย 1 ในทีม พล.ต.ท.สมคิด เก็บไว้ มามอบให้พนักงานสอบสวน และยื่นฟ้องก่อนคดีหมดอายุความเพียง 1 เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี