สมชัยแย้มปลายกค.
กาบัตรสส.
ตั้งรบ.ใหม่ตุลาคม
“สุรชัย”ชง24เมย.
นัดประชุมวุฒิสภา
เพื่อถอดถอน“นิคม”
มีความเคลื่อนไหวจากหลายฝ่าย กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชิญตัวแทนพรรคการเมืองหารือวันที่ 22 เมษายน เพื่อกำหนดข้อเสนอและท่าทีต่อการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่
“สมชัย”เผยลต.เร็วสุด20-27กค.
โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 16 เมษายน ถึงกรอบเวลาการเลือกตั้งว่า วันที่ 22 เมษายน กกต.เชิญ 70 พรรคการเมืองหารือกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสม จากนั้นวันที่ 23-24 เมษายน อาจประกาศรับรอง ส.ว.จำนวนหนึ่ง และจะประกาศรับรอง ส.ว.ให้ครบร้อยละ 95 ในวันที่ 29 เมษายน ระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน คาดจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐบาลและกกต. เพื่อกำหนดวันออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งใหม่ หากรัฐบาลเลือกสูตรที่เร็วที่สุดคือ 90 วัน วันเลือกตั้งจะเกิดขึ้นวันที่ 20 หรือ 27 กรกฎาคม
คาดเปิดสภากย.-มีรบ.ใหม่ตค.
นายสมชัยกล่าวต่อว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่น่าจะมีเหตุให้เป็นโมฆะ เนื่องจาก กกต.ได้กำหนดวิธีการรับสมัครด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทำให้มีผู้สมัครครบทุกเขต และยอมรับว่าที่จะได้ส.ส.ครบร้อยละ 95 ภายใน 30 วันหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากต้องจัดการเลือกตั้งครบทุกหน่วยจึงจะสามารถประกาศส.ส.บัญชีรายชื่อได้ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายมาก คาดว่าสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เดือนกันยายน และมีรัฐบาลใหม่เดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม นายสมชัยระบุด้วยว่า กรอบเวลาดังกล่าวเป็นการมองโลกในแง่ดี หรือมองอย่างกลุ่มโลกสวย
โพสต์ซัดเสื้อแดง”ต่ำ-ถ่อย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย ยังได้โพสต์ภาพพระอภัยมณี พร้อมข้อความระบุถึงการแสดงออกของคนที่มีความคิดทางการเมืองแตกต่างกันมีหลากหลายรูปแบบ บางคนมีเหตุผล บางคนใช้อารมณ์ แต่ที่หยาบคาย ต่ำ เถื่อนถ่อย ตั้งแต่เล่นเฟซบุ๊กมาคือ การแสดงออกของผู้สนับสนุนรัฐบาล และพวกเสื้อแดง ทั้งหมดนี้แปลว่า กลุ่มเขา คือ กลุ่มคนไม่น่าคบที่สุดในสังคมนี้ ขอไว้อาลัย กับกลุ่มคนเหล่านี้
ก่อนหน้านี้ นายสมชัยโพสต์ภาพถ่ายนางผีเสื้อสมุทรยืนถือกระบอง แต่เป็นใบหน้าของนายสมชัย พร้อมข้อความสั้นๆว่า หลังสงกรานต์ยังคุยไม่รู้เรื่อง ถูกทุบ!! ซึ่งไม่มีรายงานว่า นายสมชัยจะสื่อสารข้อความดังกล่าวไปถึงใคร หรือมีนัยยะอะไรหรือไม่
เย้ยพท.ขวางถ่ายสดถกกกต.
ส่วนท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ในประเด็นนี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า หลังตนเสนอให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ส่งตัวแทนที่มีอำนาจตัดสินใจเข้าร่วมประชุม และให้ถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นการหารือเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยกลับแสดงท่าทีเดือดร้อนอย่างมาก ตนจึงถามว่าทำไมพรรคเพื่อไทยถึงอยากปิดหูปิดตาประชาชน ไม่อยากให้เห็นแนวคิดของพรรคการเมืองในเรื่องดังกล่าว คิดว่าที่พรรคเพื่อไทยไม่กล้าให้มีการถ่ายทอดสด เพราะเหตุผล 2 ประการคือ แกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่มีใครมีอำนาจจริง หัวหน้าพรรคมีอำนาจใกล้เคียงรปภ. ต้องฟังคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคลากรของพรรคไร้ความสามารถพิจารณาประเด็น มีหน้าที่แค่ส่งสารให้ที่ประชุมเท่านั้น
ท้า“แม้ว”สไกป์ร่วมถก“มาร์ค”
“ผมต่อให้คุณอภิสิทธิ์ คนเดียวแล้วพรรคเพื่อไทยทั้งพรรค หรือจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์มาก็ได้ เป็นสิทธิของ กกต.ในฐานะผู้จัดงานจะใช้ดุลพินิจ ประชาชนจะได้เห็นแนวทางว่าจะเลือกพรรคแบบไหน ระหว่างพรรคที่เอาอำนาจประชาชนมาแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง กับพรรคที่พยายามแสวงหาทางออกให้ประเทศ ฝากถึง กกต.ด้วยว่า ถ้าการหารือไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงเป็นเพียงพิธีกรรมให้พรรคเพื่อไทยกลับไปเลือกตั้งก็ไม่มีประโยชน์”นายชวนนท์กล่าว
พท.นัดแกนนำวางเกมคุยกกต.
ขณะที่พรรคเพื่อไทย โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า วันที่ 17 เมษายน พรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือข้อเสนอแนวทางจัดการเลือกตั้ง ก่อนสรุปเสนอต่อ กกต. รวมถึงการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นตัวแทนไปร่วมประชุมกับกกต.ในวันที่ 22 เมษายนด้วย ยืนยันว่าเมื่อพรรคมอบหมายบุคคลใดไปร่วมประชุมกับกกต.แล้ว ย่อมมีอำนาจตัดสินใจแทนพรรคแน่นอน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถามถึงบุคคลที่มีอำนาจเต็มที่จะมาร่วมประชุมกับ กกต.นั้น เมื่อถึงเวลาพรรคประชาธิปัตย์จะทราบเอง ขอเพียงพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมประชุมกับ กกต.และขอให้มีข้อสรุปสนับสนุนการเลือกตั้งก็พอ
ย้ำข้อเสนอ70พรรคลต.ใน60วัน
นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า วันที่ 22 เมษายน ที่พรรคการเมืองจะหารือกับกกต.นั้น จะมีการเน้นย้ำให้กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันตามมติของ 70 พรรคการเมืองที่เคยเสนอ กกต.ไปก่อนหน้านี้ ไม่อยากให้ กกต.ตั้งธงว่าจะจัดการเลือกตั้งภายใน 90 วัน ซึ่งนานเกินไป วันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการขัดขวางของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ดังนั้น ถ้ากกต.มีความจริงใจ ขอให้ ไปพูดกับนายสุเทพให้หยุดขัดขวางการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันขอให้ดำเนินคดีกับนายสุเทพด้วย โดยกกต.ต้องทำคู่ขนานกันไป หาก กกต.ไม่ทำ และยื้อเวลาออกไปอีก ความขัดแย้งก็จะไม่คลี่คลาย
ติงศาลฟันปูย้ายถวิลปท.ป่วน
ส่วนความคืบหน้าการวินิจฉัยสถานภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมของศาลรัฐธรรมนูญกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)นั้น นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี และอดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)ออกมาแสดงความเห็นว่า อยากหยิบยกรัฐธรรมนูญมากระตุกเตือนสังคมในประเด็นนี้ เนื่องจากการโยกย้ายข้าราชการเป็นอำนาจโดยเด็ดขาดของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร สามารถทำได้ แต่ถ้าทำในนาม ส.ส.อาจไม่ได้ เป็นห่วงว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้เกิดผลกระทบตามมามากมาย ไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ที่ผ่านมารัฐบาลทำทุกอย่างตามกติกา แต่ฝ่ายตรงข้าม ฝ่าย กปปส.เล่นเลยเถิดเกินไป ตอนนี้ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ กกต.ต้องเร่งจัดการเลือกตั้งภายใน 180 วันนับจากวันยุบสภาฯ 9 ธันวาคม 2556 ตามที่กฎหมายกำหนด
ปมสถานภาพนายกฯรอคำชี้แจง
ด้านนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยความคืบหน้าการวินิจฉัยสถานภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า อยู่ในกระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์ผู้ถูกร้องทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ซึ่งกรอบระยะเวลาดำเนินการขึ้นอยู่กับคณะตุลาการ ยังไม่มีกำหนดการอะไรเพิ่มเติม
ชงเลื่อนประชุมวุฒิเป็น24เม.ย.
สำหรับข้อถกเถียงเรื่องการเปิดประชุมวุฒิสภาในวันที่ 18 เมษายนนั้น นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาออกมายืนยันว่า วันที่ 18 เมษายน จะไม่มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญแน่นอน เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับการทูลเกล้าฯถวายพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ยอมลงนามทูลเกล้าฯ ส่วนจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลยื้อเวลาหรือไม่ ตนมองว่า ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การเปิดประชุมได้ช้าหรือเร็ว แต่อยู่ที่พฤติกรรมที่เป็นความผิด เพราะถ้าการประชุมเริ่มขึ้นเมื่อใด พฤติกรรมที่เป็นความผิดถือว่าผิดอยู่ดี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับว่าจะส่งผลต่อการทำหน้าที่ของวุฒิสภาในเรื่องที่กำหนดกรอบการทำงานไว้
"การเปิดประชุมสมัยวิสามัญช่วงที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรสามารถทำได้ ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 132 ได้แก่ การแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ การแต่งตั้งบุคคลตามรัฐธรรมนูญ ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง และสิ่งที่กำหนดไว้ดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่รัฐทั้งสิ้นและจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ" นายสุรชัยกล่าว
รายงานข่าวจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแจ้งว่า นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฎิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหนังสือเสนอวันเปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญใหม่ ไปยังนายกรัฐมนตรีและฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว จากเดิมวันที่ 18 เมษายนเป็นวันที่ 24 เมษายน
นิคมดักคอเร่งเปิดสภาปูทางม.7
ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภากล่าวในเรื่องนี้ว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกฯว่าจะเห็นชอบหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดตนตามมาตรา 272 วุฒิสภาก็ต้องเปิดประชุม เพื่อถอดถอนตนตามมาตรา 273 แต่ถ้าจะขอให้นายกฯทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.เปิดประชุมตามมาตราอื่น ก็ต้องดูว่าจะเปิดประชุมเพื่ออะไร แต่ถ้ายังไม่สามารถเปิดประชุมได้ ตนมองว่าต้องมีผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยอ้างเป็นความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กร ตามมาตรา 214 และเมื่อศาลรับเรื่อง ก็ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วต้องเปิดประชุมวุฒิสภาจนได้
“ความพยายามเปิดประชุมวุฒิสภายังสะท้อนได้ว่า จ้องจะเล่นงานผม เตรียมการสำหรับถอดถอนนายกฯ และต้องการเลือกประธานวุฒิสภา ทั้งที่อยู่นอกสมัยการประชุม เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์วุฒิสภา ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่การแต่งตั้งนายกฯมาตรา7 ในชั้นวุฒิสภาให้ได้ จึงฝากว่า ไม่ว่าจะดำเนินการอะไรขอให้วางอยู่บนพื้นฐานข้อกฎหมาย เนื่องจากจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปอนาคต”นายนิคมกล่าว
“คำนูณ”จ่อยื่นศาลรธน.เชือด
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหากล่าวถึงกรณีรัฐบาลอ้างความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีการะบุไม่สามารถเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญได้ว่า จากการตรวจสอบหนังสือจากคณะกรรมการกฤษฎีกาวันที่ 3 และ 4 เมษายนแล้ว ตอบกลับเรื่องเปิดประชุมไม่ได้เฉพาะการถอดถอนบุคคล แต่ไม่ได้ระบุว่าไม่สามารถแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระได้ ทั้งที่การประชุมกำหนดไว้ทั้ง 2 ประเด็น การอ้างเหตุผลกฤษฎีกาของรัฐบาล จึงทำให้ไม่มีการประชุมในวันที่ 18 เมษายน น่าจะเป็นคดีไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญอีกคดี และผลที่ออกมาจะเป็นการบีบรัฐบาลอีกประเด็น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี