กลุ่มคปท.จัดเสวนาทางวิชาการ ย้ำชูรัฏฐาธิปัตย์ตามรธน.มาตรา3
วันศุกร์ ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557, 18.53 น.
Tag :
18 เม.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) จัดเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ "มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยปวงชน และ การสถาปนารัฏฐาธิปัตย์" โดยมีนักวิชาการและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ฐานะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี2550 กล่าวว่าบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคแรกที่ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ในช่วงการยกร่างฯ ได้มีข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจะใช้คำว่า "มาจาก" หรือ "เป็นของ" แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปตามความที่ได้บัญญัติได้ ดังนั้นหากแปลความหมายของที่มาของอำนาจอธิปไตย ก็คือ มาจากประชาชนที่ได้สละเสรีภาพไปให้ผู้แทนเพื่อใช้อำนาจแทน ดังนั้นเมื่อผู้ที่ใช้อำนาจแทนไม่สามารถใช้อำนาจได้ อำนาจอธิปไตย ก็ต้องกลับมาเป็นของประชาชน ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้น ถือว่าไม่เข้าข่ายเพราะไม่ได้มีการใช้กำลังประทุษร้าย
นายคมสัน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีผู้กล่าวถึงการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ที่ระบุว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภามีผู้ถามว่าบุคคลใดจะมีอำนาจตามมาตรา 7 ตนได้ตอบไปว่า หากเกี่ยวกับหน่วยงานใด ให้หน่วยงานนั้นดำเนินการ ดังนั้นกรณีที่รัฐบาลรักษาการ โดยนายชัยเกษม นิติศิริ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะใช้ช่องทางตามมาตรา 7 ดำเนินการและทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยเรื่องสถานะของ ครม.นั้น ตนมองว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่ที่ปรึกษาทางกฎหมายของรัฐบาล ดังนั้นควรให้กฤษฎีกาเป็นผู้ให้ความเห็นจะเหมาะสมกว่า
ด้านนายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษา คปท. กล่าวว่ากรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะดำเนินการให้ได้มาซึ่งรัฎฐาธิปัตย์ โดยใช้มาตรา 3 นั้น สามารถทำได้แต่การให้ได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตยนั้นไม่ได้นำไปให้ประชาชน แต่นำไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และกลุ่มทุนเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ตนเข้าใจเหตุผลที่เครือข่ายของระบอบทักษิณระบุถึงการใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพราะได้เตรียมบุคคลของตนเองไว้แล้ว และเหตุที่พยายามยื้อการเปิดประชุมวุฒิสภาออกไป เพื่อรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองสว.เลือกตั้งให้ครบจำนวน เพื่อให้พวกพ้องของตนเองเข้าไปเป็นเสียงข้างมาก และเมื่อถึงคราวเลือกประธานวุฒิสภา จะเสนอชื่อนายจองชัย เที่ยงธรรม สว.สุพรรณบุรี และเมื่อนายจองชัยเข้ามาทำหน้าที่แล้วจะให้เครือข่ายเสนอชื่อพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร หรือ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณให้วุฒิสภาเลือกและนำชื่อทูลเกล้าฯ ถวายแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยวิธีดังกล่าวถือเป็นการสถาปนารัฎฐาธิปัตย์แบบเก่า ที่หลังเลือกตั้งแล้วเครือข่ายทักษิณก็จะกลับมาเช่นเดิม ดังนั้น หากไม่ยึดติดกับทฤษฎี ประชาชนสามารถสถาปนารัฎฐาธิปัตย์ใหม่ ที่ไม่ใช่มาจากการรัฐประหาร ได้ตามสิทธิ์ที่ระบุไว้ในมาตรา3 ถ้าหากประชาชนเห็นด้วย และขอท้าเสื้อแดงต้องมาทำประชามติ เชื่อว่าการสร้างรัฐฐาธิปัตย์ให้ทักษิณจะน้อยกว่าการสร้างรัฐฐาธิปัตย์ให้ประชาชน
ด้านนายชัยชนะ อิงควัตร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ตนสงสารคนเสื้อแดง ที่ถูกอำนาจของนายทุนครอบงำ ให้เป็นทาสของนายทุนน จึงทำให้คนเสื้อแดงคิดต่างจากพวกเราที่เป็นเสรีชน ทั้งนี้ตนขอเรียกร้องไปยังคนเสื้อแดงฐานะประชาชนอย่าให้นายทุนมาครอบงำ
ส่วนนพ.ชูชัย ศุภวงศ์ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 ในฐานะผู้ร่วมยกร่างมาตรา 3,4 และ 7 ของรัฐธรรมนูญปี 50 กล่าวว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่ออุดช่องว่างในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวจะสามารถใช้ได้ ต้องพิจารณาใน 3 ปัจจัยร่วมด้วย คือ การตัดสินคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของ ป.ป.ช., การวินิจฉัยสถานะภาพความเป็นนายกฯ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยศาลรัฐธรรมนูญ และการพิจารณาของ กกต. ประเด็นที่นายกฯ มอบเงินและแกนนำพรรคเพื่อไทยออกรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ถ้าทั้ง 3 องค์กรพิจารณาแล้วว่าครม.มีความผิด จะเข้าสู่เส้นกลไกปกติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7