ตัดสิน'ยิ่งลักษณ์'ต้นพ.ค.
คดีโกงข้าว
ปิดบัญชีพยานเหลือแค่4ปาก
สรุปสำนวนส่งปปช.ชุดใหญ่
'โต้ง'โร่แจงไม่ได้ปล่อยทุจริต
ความคืบหน้าการหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 เมษายน นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์เผยว่า จะนำข้อเสนอที่สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยยื่นมาถึงตนขอให้รัฐบาลยืมงบกลางเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาท มาจ่ายหนี้ให้ชาวนาที่ค้างอยู่ 9.5 หมื่นล้านบาท เข้าหารือกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ โดยเสนอให้รัฐบาลขออนุมัติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 งวดๆแรก 2 หมื่นล้านบาท หลังใช้งบกลางก้อนแรก 2 หมื่นล้านบาทหมดแล้ว
สำหรับการนำเงินจากการระบายข้าวมาจ่ายคืนงบกลางส่วนแรก 2 หมื่นล้านบาท ภายในวันที่ 31 พฤษภาคมตามที่ กกต.กำหนดเนั้น กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการ เชื่อว่าจะส่งเงินคืนได้ตามกำหนด เพราะขณะนี้ส่งเงินคืนกระทรวงการคลังไปแล้วก่อนกำหนดกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ด้านนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้รัฐบาลขอยืมงบกลางเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาทมาจ่ายหนี้ชาวนา ทั้งนี้ ในส่วนธ.ก.ส.พยายามระดมเงินฝากเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาให้ได้ 2 หมื่นล้านบาทภายในเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ การระดมเงินดังกล่าว ส่วนหนึ่งได้มาจากเงินฝากที่เข้ามาในรูปแบบที่ 3 ที่มีผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ย 0.63% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารอื่น เป็นสิ่งจูงใจให้ประชาชนเข้ามาฝากเงินยังกองทุนในประเภทนี้มากขึ้น
“กระทรวงการคลังกำลังเร่งหาแหล่งเงินที่ค้างอยู่นับแสนล้านบาท มาจ่ายให้ชาวนา จึงขอเรียกร้องให้ม็อบหยุดขัดขวาง ปล่อยให้ธนาคารยอมปล่อยกู้ให้กระทรวงการคลังเหมือนเดิม ทั้งนี้ เห็นด้วยกับข้อเสนอของบกลางเพิ่มอีก 40,000 ล้านบาท แต่ต้องขึ้นอยู่กับกกต.จะพิจารณาอย่างไร”นายทนุศักดิ์กล่าว และว่า ส่วนข้อกล่าวอ้างมีการทุจริตในขั้นตอนการจ่ายเงิน โดยธกส.นั้น ตนเห็นว่า ขั้นตอนดังกล่าว ไม่น่าเกี่ยวกับการทุจริต จึงไม่ควรขัดขวาง หากสงสัยขั้นตอนไหนควรเรียกร้องหรือดำเนินการในขั้นตอนนั้น
ส่วนกรณีหลายฝ่ายให้เร่งระบายข้าวเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าจำนำข้าว นายทนุศักดิ์กล่าวว่า ตามศักยภาพการขนส่งข้าวไทยเพื่อการส่งออกทำได้เพียง 1,000,000 ตันต่อเดือน ได้เงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้น เงินที่ค้าง 190,000 ล้านบาท ต้องใช้เวลาระบายข้าวนานถึง 19 เดือน จึงยังต้องกู้เงินเหมือนที่ดำเนินการมาหลายปี
สำหรับความคืบหน้าการไต่สวนพยานกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งวันเดียวกันนี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง ต้องเดินทางเข้าให้ปากคำในฐานะพยานคนที่ 4 ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหากรณีไม่ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าว จนเกิดการทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าชี้แจงกับป.ป.ช. นายกิตติรัตน์ได้เข้าหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมทีมกฎหมาย ซึ่งประเด็นที่นายกิตติรัตน์ชี้แจงเป็นเรื่องตัวเลขความเสียหายในทางการคลัง และการสร้างภาระงบประมาณ
หลังเข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.นานกว่า 5 ชั่วโมง นายกิตติรัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้นำเอกสารนำมาประกอบการชี้แจง 90 หน้า โดยอธิบายถึงความจำเป็นในการดำเนินโครงการ พร้อมยืนยันว่านายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการ เพราะเป็นนโยบายที่แถลงไว้กับรัฐสภา และย้ำว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่สอดคล้องกันในแต่ละปี และชาวนานับเป็นประชากรถึง ร้อยละ 20 ของประเทศ ดังนั้น การใช้งบประมาณจำนวนปีละประมาณแสนล้านบาทเพื่อดูแลจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยอมรับว่าในระดับปฏิบัติมีโอกาสเกิดการทุจริต ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้มีการออกแบบให้สามารถตรวจสอบได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับโครงการลักษณะเดียวกัน เช่น โครงการประกันราคา
นายกิตติรัตน์ ยังระบุด้วยว่า ในมุมของการปิดบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งข้อมูลบางประการไม่ตรงกัน เช่น สต๊อกข้าวเปลือกมีการรายงานที่ไม่ตรงกัน เพราะไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ทำให้เห็นได้ว่าการตั้งข้อสมมติไม่ตรงกับข้อมูลความเป็นจริง
“ตนมั่นใจว่าการดำเนินโครงการจำนำข้าวมีข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่ใช่ว่านายกรัฐมนตรีจะละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง มีการคำนวนตัวเลขแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังมีความพร้อมชี้แจงตัวเลขดังกล่าวแน่นอน” นายกิตติรัตน์ กล่าว
วันเดียวกัน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.แถลงมติที่ประชุมป.ป.ช.กรณีไต่สวนทุจริตโครงการจำนำข้าว กรณีที่ทนายความขอนำพยานเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 รายคือ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (ผอ.ศสค.)นั้น ที่ประชุมมีมติยกคำร้องการเพิ่มพยานทั้งสองปาก เนื่องจากประเด็นที่พยานทั้งสองจะชี้แจงนั้น ปรากฎตามพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว
ขณะที่นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาได้รับหนังสือจาก นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภาขอคำยืนยัน และแนวทางเปิดประชุมวุฒิสภา ที่ต้องอาศัยอำนาจของนายกฯนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และวาระเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงยังไม่ได้ดูในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นเบื้องต้นมายังรัฐบาลต่อการเสนอขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญว่า อาจทำได้เพียงการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้นไม่สามารถดำเนินกระบวนการถอดถอนนายนิคมได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี