ศาลรธน.-ปปช.ออกโรง
จวกศอ.รส.
หยุดคุกคาม-บีบช่วย”ปู”
ย้ำทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
นายกฯแบะท่าใช้มาตรา7
โยนฝ่ายกฏหมายไปศึกษา
“ปึ้ง-เหลิม”หนุนทูลเกล้าฯ
นปช.ประกาศ”ไม่เอาด้วย”
เมื่อวันที่18 เมษายนกันสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) พาดพิงการทำงาน โดยมีเนื้อหาระบุว่า การออกแถลงการณ์หรือการให้ข้อมูลข่าวสารของศอ.รส. ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการหรือหน่วยงานของฝ่ายบริหาร มีลักษณะเป็นการก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตุลาการหนึ่งในอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยศอ.รส.มีอำนาจหน้าที่หลักรับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 การแถลงการณ์ของศอ.รส.เป็นการคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในอนาคตและมีลักษณะคุกคาม ก้าวล่วงการใช้ดุลยพินิจของตุลาการและศาล ซึ่งมีผลเป็นการทำลายชื่อเสียง ความเชื่อถือศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวที่กำหนดให้ ศอ.รส.เป็นหน่วยงานที่ปฎิบัติงานเพื่อป้องกันภยันตรายอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเท่านั้น
ย้ำตัดสินคดีในพระปรมาภิไธยฯ
อนึ่งการพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ดังที่รัฐธรรมนูญมาตรา 197 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติไว้ และต้องถวายสัตย์ปฎิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ การปฎิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หากการดำเนินงานของศอ.รส.กระทบต่อการปฎิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ปปช.โวยฝ่ายบริหารก้าวก่าย
ในขณะที่นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงศอ.รส. ออกแถลงการณ์เรียกร้องฝ่ายต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง โดยพาดพิงถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้พิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติว่า การดำเนินการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรค 2 ว่า “การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ครม. ศาล รวมถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม” หมายถึงไม่กระทำการตามอำเภอใจ ใช้หลักเหตุผล หลักกฎหมายและหลักความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน โดยเคร่งครัด ปราศจากอคติ แม้จะถูกข่มขู่ คุกคาม ก้าวร้าว และมีการกระทำรุนแรงจากบุคคลบางกลุ่ม คณะกรรมการป.ป.ช.ก็ไม่เคยท้อถอย ละทิ้งต่อการทำหน้าที่ตามหลักนิติธรรม
"การที่ ศอ.รส. ออกแถลงการณ์ดังกล่าว นับว่าหมิ่นเหม่ต่อการที่อาจทำให้สาธารณชนเห็นว่า มีการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จากฝ่ายบริหาร อันไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และกดดันให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัย หรือใช้ดุลยพินิจไปในทางที่ฝ่ายบริหารต้องการ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ" นายสรรเสริญ กล่าว
“ถวิล”จี้ ศอ.รส.ต้องเป็นกลาง
วันเดียวกันนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รู้สึกไม่สบายใจและไม่เห็นด้วยกับการออกแถลงการณ์ ศอ.รส.และอยากแนะนำให้ ศอ.รส.ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เนื่องจาก ศอ.รส.เกิดขึ้นจากพระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นกลไกที่ใช้แก้ปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย ความไม่มั่นคงปลอดภัย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ศอ.รส.ประชุมย้ำแถลงการณ์
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า มีการประชุมกรรมการ ศอ.รส.ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)ภายหลังแล้วเสร็จการประชุมในช่วงบ่ายน.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงาน ศอ.รส.ออกมาแถลงการยืนยันแถลงการของ ศอ.รส.ที่ออกไป7ข้อเมื่อวันที่17 เมษายนว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายในพื้นที่รับผิดชอบ ศอ.รส.
โดยนส.สิริมา ระบุว่า จะมีการระดมพลจากกลุ่มต่างๆมาเผชิญหน้ากัน ภายใต้เงื่อนไขสำคัญคือ การวินิจฉัยขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ 2องค์กร คือ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง ศอ.รส. มีความกังวลและห่วงใยต่อสถานการณ์ในขณะนี้เป็นอย่างมาก จึงต้องออกแถลงการดังกล่าวเพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข
“เหลิม”ชี้แจงไม่ได้ก้าวล่วง
ด้าน.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ผอ.ศอ.รส.ยืนยันว่า แถลงการ ศอ.รส.ที่เตรียมทูลเกล้าฯขอพระราชวินิจฉัยหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกินขอบเขตอำนาจเกี่ยวกับสถานภาพของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น ไม่เป็นการก้าวล่วง แต่เป็นข้อเสนอแนะ เมื่อพวกตนมาทำหน้าที่ตรงนี้และรู้ว่าอะไรจะเกิดกับบ้านเมือง ซึ่งจะเกิดความเสียหายคนไทยจะฆ่ากัน ตนมีความจำเป็นต้องบอกทุกภาคส่วน อย่าได้เข้าใจผิดว่าศอ.รส.ทำงานให้รัฐบาลอย่างเดียว เราคำนึงถึงความปลอดภัยความสามัคคีของประชาชนทั้งชาติ
อ้างรบ.ขอม.7ได้แต่คนอื่นทำไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม ยังระบุโดยตั้งเป็นคำถามว่า แล้ว กปปส.เสนอใช้มาตรา 7นั้นระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ แล้วมันทำไม่ได้ แต่ของตนเป็นเรื่องทำได้คนเรามีความรู้เหมือนกันแต่ความชำนาญไม่เหมือนกัน ทั้งนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และตน เฉพาะตัวบุคคลที่ถนัดกฏหมายเหนือกว่าพรรคประชาปัตย์คนละชั้น
ท้าอยากให้ฆ่ากันก็ตัดสินเชือดปู
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำอย่างนี้เป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ด้วยความเคารพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่จริงฟังข่าวแล้วออกมาปฏิเสธเลย ทั้งนายชัช ชลวร นายจรัญ ภักดีธนากุล ถ้าดูตามรายชื่อแล้วศาลรัฐธรมนูญไม่มีใครกดดันได้
"ถ้าอยากให้คนฆ่ากันก็ตัดสินตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวันร้องมา แล้วเมื่อแก่ตัวลงจะมานั่งร้องไห้ว่าได้สร้างตราบาปไว้"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว และว่า ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินศอ.รส.จะพยายามดูแลไม่ให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันแต่ก็ห่วงเรื่องอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย และกลัวจะเอาไม่อยู่
“ปึ้ง”ย้ำขอพระบรมราชวินิจฉัยได้
ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานประธาน ศอ.รส.ให้สัมภาษณ์สอดคล้องกับรตอ.เฉลิม ว่า ศอ.รส.ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมของแต่ละฝ่ายมาในระยะเวลา 6 เดือนเข้าใจปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นและพยายามหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดการะปะ เกิดความวุ่นวาย เกิดการสูญเสียชีวิตของทั้งสองฝ่าย
ดังนั้นแถลงการณ์ ทั้ง 7 ข้อของ ศอ.รส. ต้องการเรียกร้องให้สัมคมไทยหันหน้าเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา เราไม่ต้องการเห็นความแตกแยกในประเทศไทย เราต้องการให้ยุติการชุมนุมที่สร้างความเสียหายให้ต่อระบบเศรษฐกิจต่อบ้านเมือง การที่เราจะนำเสนอขอพระบรมราชวินิจฉัยในกรณีที่เกิดสูญญากาศทางการเมือง เราก็มีสิทธิ์ที่จะกราบขอพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคิดกันไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประเทศชาติ
อยากให้ศาล-ปปช.เป็นธรรม
และศอ.รส.ไม่ได้เรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิพากษาอย่างนั้น อย่างนี้ เราต้องการเห็นคำพิพากษาขององค์กรอิสระ ของศาล มีความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรม เพราะทีผ่านมาสังคมประชาชนส่วนหนึ่งเขาสงสัยในการทำงานขององค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมในไทย ต่างชาติเองเขาก็จับตามอง ซึ่งจะเป็นผลเสียของประเทศชาติในอนาคต
อ้างม.7เป็นทางออกจากวิกฤติ
เมื่ออถามว่า ศอ.รส.คิดว่าการเสนอให้ ครม.นำเรื่องทูลเกล้าฯในกรณีที่เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินขอบเขตอำนาจนั้น เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า น่าจะเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยให้สัมคมไทยเดินต่อไปได้ เพราะสิ่งใดที่ศาลวินิจฉัยนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ก็เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
“ปู”แบะท่ารอความชัดเจนใช้ม.7
เย็นวันเดียวกันนายกฯยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ที่เสนอให้มีการทูลเกล้าฯให้มีพระบรมราชวินิจฉัย สถานภาพการเป็นรัฐบาลรักษาการ ตามมาตรา 7 หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นสภาพ จากการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ว่า เรื่องของมาตรา7 เป็นเรื่องความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ในแง่ของข้อกฏหมายยังมีความคิดเห็นที่แตกต่าง คงต้องรอในเรื่องของความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามอะไรที่เราจะดำเนินการต้องเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าทำได้หรือไม่ นายกฯ ตอบว่ายังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ คงต้องขอให้ศึกษาก่อน
โยนฝ่ายกฏหมายไปหาข้อสรุป
เมื่อถามว่า ความเห็นเรื่องมาตรา 7 จากหลายฝ่ายทั้งคณะรัฐบุคคล หรือของ กปปส.จะสามารถทำได้เป็นจริงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องปฏิบัติตามข้อกฏหมาย หรือเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หลายๆ คนก็มีความคิดเห็น แต่เนื่องจากความคิดเห็นก็มีความหลากหลาย ซึ่งยังไม่เป็นข้อสรุป คงต้องให้ฝ่ายที่รู้ข้อกฏหมาย หาข้อสรุปให้เป็นที่ยุติก่อน
เมื่อถามว่า ทาง กปปส.มองว่าจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆแล้วทุกอย่างต้องเรียนว่า ไม่ใช่จะวิธีไหน ก็มีข้อถกเถียงกันทั้งนั้น ถ้าเราปฏิบัติตามขั้นตอนของข้อกฏหมายน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า และทุกอย่างในแง่ของข้อกฏหมายก็มีทางออกอยู่แล้ว
เชื่อไม่มีสูญญากาศทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเตรียมทางออกอย่างไรบ้าง ในกรณีที่นายกฯอาจจะพ้นสภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตามหลักมีขั้นตอนอยู่แล้ว ในกรณีที่เราอาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็มีรองนายกฯท่านอื่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอยู่แล้ว เพราะตำแหน่งนายกฯมีผู้ที่รักษาการ หรือผู้ที่มาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ไม่มีสูญญากาศทางการเมือง
เมื่อถามว่า ทางศอ.รส.เป็นห่วงว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้เกิดเผชิญหน้าคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องมองในแง่ของความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน เราไม่อยากให้เหตุการณ์อะไรก็ตาม ที่มาทำให้ปัญหาความไม่สงบเกิดขึ้น เพราะเราเองอยากให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ไม่มีความรุนแรง และมีความปลอดภัย
นปช.ออกโรงค้านศอ.รส.
นายนิสิต สินธุไพร แกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.orgว่าเราาไม่เห็นด้วยเลย ที่ ศอ.รส.ออกแถลงการทำแบบนี้ เพราะการกระทำดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในรัฐธรรมนูญ และหลักการประชาธิปไตย ซึ่งต้องเข้าใจว่า นปช.ยังยึดอยู่ในหลักการเดิมนั่นก็คือต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมีวิถีทางแบบประชาธิปไตย
ถ้าเป็นอย่างอื่นที่นอกเหนือรัฐธรรรมนูญหรือประชาธิปไตยเราไม่เห็นด้วยเด็ดขาด อย่างไรก็ดีตนคิดว่าการกระทำดังกล่าวของ ศอ.รส.เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวมากกว่า
ปชป.เตือนอย่ากระทำมิบังควร
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว เรียกร้องให้ ศอ.รส.เลิกคิดและเลิกทำตามแถลงการณ์ที่ออกมาเพราะนอกจากจะเป็นการก้าวก่าย คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ แล้ว แถลงการณ์ดังกล่าว ยังเป็นการกระทำนอกเหนือรัฐธรรมนูญ โดยมีเจตนา กดดัน ดึงสถาบันฯ ลงมาเป็นเครื่องมือตัดสินปัญหาทางการเมือง และเป็นการดึงสถาบันลงมา "ตัดสิน" คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์และครม.เผื่อจะได้รอดพ้นจากคำวินิจฉัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพกติกาหลังที่เคยออกมาเรียกร้องให้อื่นเคารพกติกา ซึ่งเรื่องนี้ ก็จะเป็นอีกตัวอย่างที่ต้องติดตามว่าสุดท้ายรัฐบาลเทิดทูนสถาบันหรือเทิดทูนผลประโยชน์ตนเอง
“มาร์ค”ชี้ปูทำไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้
ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิ ศอ.รส.ที่ออกแถลงการดังกล่าวว่าไม่เหมาะสมทั้งที่ควรเป็นหน่วยงานที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
“เรื่องนี้ควรตั้งคำถามไปยัง นายกฯยิ่งลักษณ์ ซึ่งรักษาการตามกฎหมายความมั่นคง และเป็นผู้แต่งตั้ง ศอ.รส. มีความเห็นอย่างไรกับแถลงการณ์จะปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นไม่ได้ โดยจะต้องมีท่าทีชัดว่า ตั้ง ศอ.รส. มาเพื่ออะไร ผมว่าขอให้สลายตัว เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความมั่นคงแต่อย่างใด”
ย้ำคำตัดสินศาลต้องปฏิบัติตาม
ส่วนประเด็นข้อเสนของ ศอ.รส.ให้รัฐบาลนำความกราบขึ้นทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยว่าคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปหรือไม่ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสถานภาพความเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์กล่าว ว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันต่อทุกองค์กร
ปชป.เตรียมเอาผิด ศอ.รส.
ในขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าขณะนี้คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ได้พิจารณาเพื่อดำเนินการเอาผิดรัฐมนตรีที่มีตำแหน่งในศอ.รส. รวมทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังจากที่ร่วมออกแถลงการณ์ใช้อำนาจข่มขู่องค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ
ในเบื้องต้นจากคำแถลงการณ์ฉบับที่ 1 นั้นพบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ในมาตรา 113 ที่ระบุถึงการกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ
กปปส.ชี้อย่าก้าวล่วงพระราชอำนาจ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. เปิดเผยว่า แถลงการณ์ของศอ.รส. ทำให้คนไทยทั้งแผ่นดินหวั่นใจ ทั้งยังเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ด้วยการใช้มาตรา7ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการตีความแตกต่างจากของ กปปส.ที่ชัดเจนว่าเมื่อรัฐบาลสิ้นสภาพและประชาชนได้อำนาจกลับคืนก็จะเดินตามประเพณีที่ให้ประชาชนทูลเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นมาบริหารประเทศใหม่ แต่การตีความของศอ.รส.ตีความเข้าข้างตัวเอง ซึ่งขัดกับประเพณีและประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์ทรงเป็นประมุข ในส่วนของ กปปส.การจะทูลเกล้าฯจะต้องมีความชัดเจน แต่ของ ศอ.รส.ไม่มีความชัดเจนและตีความขัดต่อมาตรา7 จงใจตีความให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต เป็นการดับเครื่องชนใส่มวลมหาประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี