ท้าทายอำนาจศาลรธน.
ขี้ข้าเหิมจัด
อุ้มศอ.รส.เดินหน้าชน
“ชัยเกษม”อ้างเป็นมติเหล่าทัพ
ย้ำแถลงการณ์ร้อนคือทางออก
อ๋อยขู่ถ้าไม่เชื่อก็พังทั้งประเทศ
ปชป.จี้หยุดคุกคามองค์กรอิสระ
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)ต่างออกแถลงการณ์ เตือนสติศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ที่ออกแถลงการณ์ ก่อนหน้านี้แนะคณะรัฐมนสตรี(ครม.)ขอพระบรมราชวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ โดยระบุว่าเป็นการก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ พ.ร.บ.มั่นคงนั้น
ล่าสุดตลอดวันที่ 19 เมษายน ปรากฎว่าได้มีการตอบโต้อย่างชัดเจนจากซีกรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย(พท.) “อ๋อย”หรือนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำคนสำคัญและรักษาการรมว.ศึกษาธิการโพสต์เฟสบุ๊ค ให้ความเห็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญออกแถลงการณ์ระบุแถลงการณ์ ศอ.รส.ว่าเป็นการก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่พ.ร.บ.มั่นคงว่า เห็นคำแถลงของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้วรู้สึกว่าเป็นคำแถลงที่สับสน สืบเนื่องมาจากบทบาทที่สับสนของศาลรัฐธรรมนูญเองในการวินิจฉัยเรื่องสำคัญๆหลายเรื่องที่ผ่านมา
อ้างศอ.รส.ช่วยยุติปัญหา
“คำแถลงนี้ยังสะท้อนปัญหาการไม่เข้าใจว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเสียเองและตั้งตนอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เลือกข้างเลือกฝ่ายทางการเมืองอย่างโจ่งแจ้งต่อเนื่องกันมานั้นมีผลต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของสังคมมากเพียงใด ความจริงคำแถลงของ ศอ.รส.ก็เป็นเพียงความเห็นเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ฝ่ายต่างๆช่วยกันป้องกันไม่ให้ปัญหาความขัดแย้งบานปลายยิ่งขึ้น
ปัดคุกคาม ยันทำไปตามหน้าที่
แกนนำพรรคเพื่อไทยผู้นี้ ยังระบุว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาความสงบเรียบร้อยของประเทศคือถ้าตัดสินไม่เป็นประชาธิปไตย หรือไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม บ้านเมือง ก็ยิ่งไม่สงบเรียบร้อย ดูแล้วศอ.รส.ก็ทำตามหน้าที่ของเขาอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่เห็นจะเป็นการคุกคาม หรือก้าวล่วง อย่างที่สำนักงานศาลฯแถลงชี้แจง แต่ความจริง ปัญหาความขัดแย้งในสังคมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ต้นเหตุสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกๆก็มาจากบทบาท และการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญนี่เอง ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเรื่องสำคัญๆแบบถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูกเต็มไปหมด การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภากลาย เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ขณะที่การล้มล้างการปกครองของสุเทพกับพวกกลายเป็นการใช้เสรีภาพโดยชอบตามรัฐธรรมนูญเป็นต้น
อ๋อยขู่ตัดสินไม่ชอบธรรม ปท.พัง
นายจาตุรนต์ยังโพสต์ว่า”ล่าสุด เมื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศจะตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ซึ่งมีความหมายว่า จะอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เหนือศาลรัฐธรรมนูญ จะสั่งให้ยุบเลิกศาลรัฐธรรมนูญเสียก็ได้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่เห็นว่าอะไร จึงน่าสงสัยว่า กับการที่ ศอ.รส.ออกมาวิจารณ์ตักเตือนตามหน้าที่กลับทำเป็นทุกข์ร้อนฟูมฟายไปทำไม ต้องช่วยกันบอกศาลรัฐธรรมนูญว่าหากตัดสินอะไรออกมาในทางที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและไม่ชอบธรรมอีก บ้านเมืองจะยิ่งเสียหาย ระบบยุติธรรมจะยิ่งเสื่อมทรามลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลรัฐธรรมนูญเองนั่นแหละจะยิ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่ทำลายประชาธิปไตยและสร้างความแตกแยกเสียหายให้แก่ประเทศไทยมากที่สุดองค์กรหนึ่งในหลายปีมานี้”
ชัยเกษมเมินศาลรธน.ขู่ฟันม.197
ขณะที่นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม และแกนนำพรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ที่ทางศาลรัฐธรรมนูญออกมาอ้างมาตรา197 วรรคหนึ่ง การปฏิบัติหน้าที่ย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย หากการดำเนินการของ ศอ.รส.กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ก็ไม่ได้ว่าอะไร อยากดำเนินการทางกฏหมายก็ดำเนินการไป
อ้างเหล่าทัพ ตร.ทุกฝ่ายเห็นพ้อง
“เพราะการที่ ศอ.รส.ออกมาแถลงการณ์เรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นการออกมาพูดของคนไม่กี่คน เพราะก่อนจะออกแถลงการณ์ได้มีการหารือร่วมกันแล้วจากตัวแทนทหารทุกเหล่าทัพ ตำรวจและจากหัวหน้าส่วนต่างๆด้วย คิดว่าเขาดูกันดีแล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำแบบไม่คิด คนเรามันต้องเตือนกันได้ ในเมื่อ ศอ.รส.ดูในเรื่องของความมั่นคง ความสงบ อะไรที่ทำให้ไม่สงบ เราก็เตือนกันเท่านั้นเองว่าทำอย่างนั้นมันจะเกิดความไม่สงบ ท่านเองก็ออกมาบอกว่าจะปฏิบัติหน้าที่ตามหลักนิติธรรม ขอให้ทำจริงเพราะถ้าทำอย่างที่ควรจะทำ ปัญหาก็จะไม่เกิด”นายชัยเกษม กล่าวย้ำ
ยันไม่ได้ก้าวก่ายอ้างแค่ช่วยเตือน
นายชัยเกษมย้ำว่าเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้นเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่อะไรบางอย่าง ถ้าไปรอให้เลยเวลาไปแล้ว มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร คนเราเตือนก็ควรรับฟังไว้ ส่วนท่านจะทำไม่ทำเป็นเรื่องของท่าน เราไม่สามารถไปบังคับอะไรได้และจริงๆไม่ใช่เป็นการไปก้าวก่าย เพียงแต่ประชาชนเห็นว่าไม่ถูกต้อง ศอ.รส.แค่เป็นตัวแทนช่วยเตือน แต่ถ้าคิดว่าทำดีแล้วก็ทำต่อไป เพียงขอให้คิดนิดก่อนตัดสินใจเท่านั้นเอง ตอนนี้บ้านเมืองไม่สงบ ทุกคนก็มีความหวังดีกับบ้านเมือง เพราะฉะนั้น การเสนอมาตรา7ของฝ่ายไหนก็รับฟังกัน แต่จะเอาไช้ได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่เหตุผลและสถานการณ์ เราไม่คิดปิดกั้นความคิดเห็นท่านอื่นและเรื่องนี้เป็นเรื่องของ ศอ.รส.ยังไม่เกี่ยวกับรัฐบาล หรือกับพรรคเพื่อไทย
พท.ชี้ศอ.รส.แค่เสนอแนะปัดสั่ง
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวในกรณีเรื่องเดียวกันว่า แปลกใจกับท่าทีองค์กรอิสระหลายองค์กร เพราะทำเป็นห้าวกับ ศอ.รส.แต่หงอ กับ กปปส. ทั้งที่หากทำหน้าที่ตรงไปตรงมา วินิจฉัยตามกรอบรัฐธรรมนูญ ปัญหาของชาติอาจไม่ลุกลามมาถึงขนาดนี้ ซึ่งแถลงการณ์ของศอ.รส.ดังกล่าว ไม่ได้เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับ เป็นเพียงการเสนอแนะด้วย ความปรารถนาดี ไม่ถือเป็นการก้าวล่วงใดๆ
แคลงใจท่าทีของ ปปช.
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ผู้นี้กล่าวถึงกรณีป.ป.ช.ลงมติไม่ให้นายกฯ ไต่สวนพยานเพิ่มเติม คดีจำนำข้าว 2 ปาก อ้าง มีข้อมูลครบแล้ว เร่งสรุปสำนวนปิดคดี คาดต้นเดือน พ.ค.ลงมติชี้มูลความผิดได้ ว่า เป็นอีกครั้งที่องค์กรอิสระ ลุกลี้ลุกลน สุกเอาเผากินผิดปรกติ คดีของนายกฯยิ่งลักษณ์เร็วปานติดจรวด21 วันก็เพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหาได้ ส่วนคดีอภิสิทธิ์ ช้ายิ่งกว่าเรือเกลือ 5 ปียังหาเอกสารไม่เจอ เห็นชัดว่า ป.ป.ช.อาจต้องการปั่นผลงานให้เร็วแซงหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเหมือนจะเร็วในช่วงแรก แต่กลับช้าจนอาจเลยเดือนเมษายน ทำให้นายสุเทพ หน้าแหก ป.ป.ช.เลยชิงลงมือ ประกาศปิดคดีต้นเดือนพ.ค. ทั้งที่โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย แต่สิ่งที่ป.ป.ช.ส่งสัญญาณตลอดเวลาคือ ข้อมูลพอแล้ว ครบแล้ว ตัดสินได้แล้ว จนคนอดสงสัยไม่ได้ว่า รับธงในการดำเนินการมาหรือไม่ ทั้งที่ควรจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ดำเนินการอะไรภายใต้ทฤษฎีสมคบคบคิด ตั้งธงเอาผิดนายกฯยิ่งลักษณ์
ยันปูทำได้ปัดกดดันศาลรธน.-ปปช.
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว ว่า การเลื่อนคดีในศาลรัฐธรรมนูญและปปช.ของ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯและรมว.กลาโหม สามารถทำได้ เป็นไปตามกรอบกฎหมาย ไม่ได้เป็นการซื้อเวลาหรือกดดันองค์กรอิสระ เพราะเรื่องนี้มีเอกสารพยานหลักฐานจำนวนมากและติดวันหยุดในช่วงวันสงกรานต์ด้วย จึงไม่ควรกล่าวหากันลอยๆ
นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช.ยังกล่าวว่าขณะนี้มีการชักเย่อโดย กกต.จงใจให้การเลือกตั้งช้าเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญและป.ป.ช.จัดการกับรัฐบาลก่อนมีการเลือกตั้ง
ปชป.จวกจ้องทำลายองค์กรอิสระ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวตำหนิแถลงการณ์ของศอ.รส.ว่าเป็นแถลงการณ์ที่เฟอะฟะที่สุดตั้งแต่มีหน่วยงานเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองโดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีจุดมุ่งหมาย ข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ แสดงอำนาจบาตรใหญ่เหนือหน่วยงานต่างๆรวมถึงองค์กรอิสระและศาลและ บังอาจกระทำการอันมิบังควรที่เสนอเกี่ยวกับการขอพระบรมราชวินิจฉัยหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในกรณีการโยกนายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่เป็นธรรม
ดังนั้น แถลงการณ์ดังกล่าวมีจุดประสงค์สูงสุดเพื่อทำลายศาล รธน.ป.ป.ช.เพราะศอ.รส.และรัฐบาล คาดการณ์ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาในคดีต่างๆ ได้จึงมุ่งทำลายองค์กรอิสระ แต่ไม่ว่า ศอ.รส.จะคุกคามศาลอย่างไร แต่ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญและป.ป.ช.จะตัดสินตามข้อเท็จจริง ตามกฎหมายผดุงไว้ ซึ่งความยุติธรรม
ยุทธการยื้อเวลารักษาอำนาจปู
อย่างไรก็ดี นายองอาจยังเห็นว่าเรื่องนี้เป็นยุทธการของรัฐบาลยื้อเวลาเพื่อรักษาอำนาจในมือไว้ให้นานที่สุดเพื่อเป็นเกมการเมืองไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกชี้มูล และดึงเกมในการถอดถอนด้วยการไม่เปิดประชุมวุฒิสภาแต่เชื่อว่ายุทธการนี้ จะยื้อเวลาได้เพียงเวลาหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่สามารถทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รอดพ้นจากการชี้มูลความผิดต่างๆได้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ควรให้ยุทธการนี้อีกต่อไปและควรเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างสง่างามจะดีกว่า
พท.พร้อมร่วมถกกกต.22เมษา.
สำหรับความคืบหน้าในการจัดการเลือกตั้งใหม่นั้นทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ได้เชิญพรรคการเมือง หารือร่วมกันในวันที่ 22 เม.ย.นี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าพรรคเพื่อไทย มีมติให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายโภคิน พลกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไปร่วมการประชุมร่วมกับกกต.แน่นอนซึ่งยอมรับในกฎกติกาการเลือกตั้งมาโดยตลอด
ตั้งธงหวังปชป.ลงสัตยาบัน
โดยพรรคเพื่อไทยได้วางกรอบในการหารือ2หลักโดยหลักแรก จะฟังกกต.ก่อนว่าจะทำตามที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เสนอเดือนต.ค.ถึงจะมีรัฐบาลได้รวมถึงจัดเลือกตั้งภายใน90วัน และทำไมต้องทำตามนายสมชัยด้วย หลักที่สองเรื่องการทำสัตยาบัน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้งจะส่งเสริมการขัดขวางเลือกตั้งหรือไม่ และจะสอบถามกกต.เรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง1,500,000บาทต่อคนเมื่อวันที่2 ก.พ.ที่เป็นโมฆะ จะชี้แจงอย่างไร จะนับรวมของเก่าหรือไม่ อาจเกิดความเสียเปรียบได้เปรียบได้และหากมีกลุ่ม กปปส.ไปล้อมการเลือกตั้งอีกจะทำอย่างไร
ชทพ.ติงอย่าคาดหวังได้ข้อสรุป
ด้านนายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวว่าพรรคได้ส่งนายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ตนและนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคร่วมโดยพรรคยังไม่มีข้อเสนอใด นอกเหนือจากมติของพรรคการเมือง53พรรคที่ได้หารือและส่งข้อเสนอให้ กกต.และรับฟังความเห็นของกกต.และพรรคการเมืองอื่นๆแต่เป็นสิ่งที่ดีแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ตอบรับการเข้าร่วมครั้งนี้และจะนำเสนอความเห็นในทิศทางใด อย่าไปคาดหวังว่าการหารือวันที่ 22 เม.ย.จะได้ข้อสรุปและข้อยุติใดๆและหากผู้จัดการเลือกตั้งได้ทำหน้าที่เดินหน้าเลือกตั้งแล้ว ฐานะที่เป็นพรรคการเมืองก็ต้องลงสู่สนามเลือกตั้ง
ภท.ส่ง'ทรงศักดิ์-ศักดิ์สยาม'ถก
ขณะที่ นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การนัดหารือร่วม กกต.กับพรรคการเมืองวันที่22เม.ย.เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง พรรคจะส่งคือนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค คนที่1 และนายศักดิ์ สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคไปหารือ เนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯติดเดินทางไปต่างประเทศ โดยคิดว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ต้องเดินหน้าให้บรรลุผลเพราะบ้านเมืองไม่สามารถเดินต่อไปได้ หากขาด2หลักคือบริหารกับนิติบัญญัติ คิดว่าพรรคการเมืองคงได้คุยกันถึงทิศทางการจัดการเลือกตั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี