ความจริงประเทศไทยได้ลอยตัวค่าเงินบาทมาตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 แล้ว เป็นผลให้ค่าเงินบาทไม่ผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐหรือเงินสกุลอื่นใดของโลกอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าค่าเงินบาทจะขึ้นจะลงประการใดก็เป็นไปตามสภาพและฐานะการเงินของประเทศและค่าเงินบาทเอง
ค่าของเงินสกุลอื่นจะไม่มีผลมากดดันหรือบังคับให้ค่าเงินบาทต้องขึ้นหรือลงตามเงินสกุลนั้นๆ ซึ่งประหนึ่งเป็นเมืองขึ้นหรือเป็นประเทศราชทางการเงินของสกุลเงินดังกล่าว
เพื่อการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะต้องปรับและสร้างสมดุลของตะกร้าเงินหรือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทั้งหลายในแต่ละสถานการณ์ด้วย
แต่ดูเหมือนว่าความคุ้นชินที่เป็นมาแต่อดีตยังคงดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่น ดังนั้นแม้ว่าโดยผลแห่งกฎหมายและโดยมาตรการที่ได้ประกาศไปแล้วว่าประเทศไทยลอยตัวค่าเงินบาท ยังคงกลับกลายเป็นว่ามีการใช้การปฏิบัติทางพฤตินัยผูกค่าเงินบาทเข้ากับเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่เหมือนเดิม
เงินดอลลาร์สหรัฐจะขึ้นจะลงอย่างไร ก็เป็นผลให้ค่าเงินบาทขึ้นหรือลงตามไปด้วย นี่คือการทำลายล้างผลของการลอยตัวค่าเงินบาท และทำลายความเป็นอิสระทางการเงินของประเทศดังที่เคยประกาศลอยตัวค่าเงินบาทนั้น
และส่อว่าจะเป็นความผิดทางกฎหมายหากว่าการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทโดยไม่ชอบ เพียงเพื่อรักษาอัตราค่าผูกพันระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์ให้ดำรงคงอยู่แล้วเกิดผลขาดทุนขึ้น
และที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวกระเซ็นกระสายอยู่เสมอว่ามีผลขาดทุนขึ้นในการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท แต่ตัวเลขจะเป็นจำนวนเท่าใดและเป็นโดยการกระทำของใครยังคงเป็นความมืดงำอยู่ในแดนสนธยา และยังคงทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนจากการแทรกแซงค่าเงินบาท ทั้งๆ ที่ประเทศไทยได้ลอยตัวค่าเงินบาทมานานแล้ว
เพราะทัศนะเดิมที่คุ้นชินกับการผูกค่าเงินบาทไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นในการประเมินฐานะทางเศรษฐกิจทั้งปวงของหน่วยงานทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการเศรษฐกิจของประเทศจึงดำเนินตามไปด้วย
ดังนั้นจึงมักจะได้เห็นการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินบ่อยครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงค่าเงินดอลลาร์หรือสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐ
เช่น เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง เงินบาทก็จะอ่อนตัวตามไป เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เงินบาทก็จะแข็งค่าตามไปด้วย
หรือเมื่อมีข่าวคราวว่าสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มจะดี ก็จะมีการชักชวนให้เชื่อคล้อยตามไปด้วยว่าเศรษฐกิจไทยก็จะดีตามไปด้วย หรือเวลาเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มว่าไม่ดี ก็จะมีการชักชวนให้เชื่อคล้อยตามไปเช่นเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ดี
เหล่านี้คือทัศนะทาสที่ปล่อยไม่ไปชัดๆ นำประเทศชาติเข้าไปเป็นทาสของต่างชาติอย่างน่าละอายและน่าสมเพชที่สุด เพราะว่าประเทศไทยเป็นเอกราช มีอธิปไตยเป็นของตนเอง ความเป็นไปทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนฐานะทางการเงินของประเทศไทยก็เป็นตัวของตัวเอง และไม่ได้ขึ้นต่อสหรัฐหรือประเทศอื่นใดเลย
แล้วเหตุไฉนเล่าพวกหัวขี้ข้าหรือทาสที่ปล่อยไม่ไป ที่ตกยุคไปแล้ว ยังดึงดันเอาประเทศไทยไปผูกติดเป็นประเทศราชทางการเงินและทางเศรษฐกิจของต่างชาติอีก เรื่องนี้จึงต้องเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องปฏิรูปอีกเรื่องหนึ่ง
เกี่ยวกับเงินสำรองของประเทศที่วางสัดส่วนเงินตราต่างประเทศในลักษณะที่ผูกติดอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นความผิดพลาดร้ายแรง เพราะโลกทุกวันนี้นอกจากเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลหลักสกุลหนึ่งแล้ว เงินยูโร เงินหยวน เงินแคนาดา ก็มีฐานะที่ใช้เป็นเงินสำรองได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะเงินหยวนนั้น ได้เทียบค่ากับทองคำไปเรียบร้อยแล้ว ค่าเงินหยวนก็คือค่าของทองคำ จึงเป็นค่าเงินที่มาตรฐานและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จนกระทั่งการซื้อขายน้ำมันของโลกได้ใช้เงินหยวนเป็นจำนวนมากที่สุดไปแล้ว
และล่าสุดประเทศสิงคโปร์ก็ได้ประกาศใช้เงินหยวนเป็นเงินสำรองในกองทุนเงินสำรองของประเทศสิงคโปร์ไปแล้วด้วย เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ได้ใช้เงินหยวนเป็นเงินสำรองของประเทศไปแล้ว
แต่ประเทศไทยของเรายังเงียบเชียบ ยังคงเพ้อเจ้อราวกับการผูกค่าเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่เหมือนเดิม ประหนึ่งว่าจะกอดคอกันจนตายกันไปข้างหนึ่ง
ดังนั้นในสถานการณ์ที่ค่าของเงินสกุลต่างๆ ของโลกกำลังเผชิญกับความผันแปรเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ประเทศไทยจะต้องทบทวนจุดยืนและท่าที ตลอดจนแนวความคิดในการดำรงกองทุนเงินสำรองของประเทศให้สอดคล้องกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี