ดูทั้งหมด
ขณะนี้ใครต่อใครพากันมาตีฆ้องร้องป่าว เสนอให้ประเทศไทยนำบทเรียนจากการลงประชามติของอังกฤษมาเป็นแบบอย่างบางพวกเลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่าการลงประชามติของอังกฤษนั้นเป็นแบบอย่างของประชาธิปไตยที่ควรเอามาเป็นตัวอย่างในประเทศไทยด้วย
ว่าแล้วก็ใส่โครมว่า เมื่อมีการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียู นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็ลาออกจากตำแหน่งดังนั้นถ้าประเทศไทยมีการลงประชามติไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะต้องลาออกด้วย
ทั้งๆ ที่พวกนักการเมืองนั่นแหละที่พยายามคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนี้ และในขณะเดียวกันภาคประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็ประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนี้เหมือนกัน เพราะต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อไป ดังนั้นหากร่างรัฐธรรมนูญคว่ำ ก็เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน ไม่ต้องมีใครลาออก ดังที่ยกเหตุผลวิปลาสกันนั้นเลย
การจะเรียกร้องให้ประเทศไทยเอาตัวอย่างอังกฤษนั้น ก็ต้องดูเสียก่อนว่าอะไรที่จะเป็นแบบอย่าง และเป็นแบบอย่างในด้านไหน ไม่ใช่เห็นแค่นายกรัฐมนตรีอังกฤษลาออกแล้วก็จะถือเอาว่านั่นเป็นประชาธิปไตยที่ต้องเอามาเป็นแบบอย่าง
เพราะที่พูดกันอย่างนั้นเป็นการพูดโดยลืมตัว ลืมความจริงว่านักการเมืองของประเทศไทยนั้นมีแต่พวกหน้าด้าน หน้าทน ไม่เคยลาออก ไม่เคยมีมารยาททางการเมืองใดๆ ถูกกล่าวหาว่าโกงสารพัดโกงก็เฉย ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลว่าโกงก็เฉยถึงขั้นถูกศาลพิพากษาว่าผิดก็ยังกล่าวหาว่าศาลตัดสินผิด อย่างนี้นะหรือที่จะมาถือเอาประชาธิปไตยแบบอังกฤษ ขายหน้าเขาเปล่าๆ
เอาล่ะเมื่อต้องการตัวอย่างของอังกฤษก็จะพรรณนาให้ได้รู้ได้เข้าใจกันอย่างกระจ่างแจ้งถ่องแท้แก่ใจสักครั้งหนึ่ง
ประการแรก ทำไมถึงต้องลงประชามติในอังกฤษ ก็เพราะมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างกว้างขวางว่า พวกหนึ่งต้องการให้อังกฤษถอนตัวจากอียู อีกพวกหนึ่งต้องการอยู่ต่อ แล้วอีตานายกรัฐมนตรีอังกฤษเคยสัญญาไว้กับประชาชนโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังประชามติคิดแค่จะหาเสียงอย่างเดียว จึงสัญญากับประชาชนว่า ถ้าชนะเลือกตั้งก็จะจัดให้มีการลงประชามติ แล้วก็ได้คะแนนเสียงจากคู่ขัดแย้งทั้งสองพวกและชนะเลือกตั้ง จึงต้องจัดการลงประชามติ
เมื่อผลของประชามติทำให้เกิดความฉิบหายวายวอดแก่อังกฤษ นายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออกเพราะเป็นต้นเรื่องเจ้ากี้เจ้าการ นี่เป็นบทเรียนแห่งความรับผิดชอบที่นักการเมืองไทยควรจะศึกษาและสังวรไว้ให้จงหนัก
ประการที่สอง ผลจากการลงประชามติปรากฏว่า ฝ่ายชนะได้คะแนน 51% เศษ ฝ่ายแพ้ได้ 48% ต่างกัน 3% นับว่าใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นต่างฝ่ายต่างก็มีคนมาก ที่มีความเห็นไม่ตรงกัน และกำลังเกิดเป็นความขัดแย้งลุกลามใหญ่โตในอังกฤษ เพราะพวกที่แพ้มติไม่ยอมรับมติ แล้วเข้าชื่อกันเรียกร้องให้ลงประชามติใหม่ ในที่สุดก็จะเกิดแบบอย่างการไม่ยอมรับประชามติและจะทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
อังกฤษที่อยู่ดีๆสบายๆ กลายเป็นสร้างเรื่องให้คนเกือบครึ่งประเทศของแต่ละฝ่ายเกิดความขัดแย้งรุนแรงและไม่ยอมรับกัน ซึ่งอาจจะสร้างหายนะใหญ่หลวงให้กับอังกฤษก็ได้
ประการที่สาม ผลการลงประชามติปรากฏว่า
(1) แคว้นสกอตแลนด์ และแคว้นไอร์แลนด์เหนือส่วนใหญ่ต้องการให้อังกฤษอยู่กับอียูต่อไป เพราะเท่ากับสองแคว้นมีอิสระใกล้เคียงกับการแยกประเทศมากที่สุด เป็นการสมประโยชน์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในไอร์แลนด์เหนือและสกอตแลนด์ ในขณะที่แคว้นอิงค์แลนด์และแคว้นเวลส์ต้องการให้อังกฤษออกจากอียู เพราะไม่ต้องการอยู่ใต้อำนาจบังคับของหลายประเทศที่เป็นเสียงข้างมาก แต่เป็นเสียงข้างมากที่เป็นทาสมหาอำนาจที่ทำการมากมายหลายอย่างตรงกันข้ามกับผลประโยชน์แห่งชาติของอังกฤษและก่อศัตรูมหาศาลให้กับอังกฤษด้วย
ในประเด็นนี้จะทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งระหว่างสองแคว้นทางเหนือกับสองแคว้นทางใต้ และอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างแบบนี้จะเอาไหม ชาวไทยทั้งประเทศจะต้องตอบใจตัวเองให้ดี
(2) คนที่มีอายุเกิน 40 ปี ส่วนใหญ่ลงมติให้อังกฤษถอนตัวออกจากอียู ในขณะที่คนอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะ พวกวัยรุ่น หรือพวก Gen Y เฮงซวยที่หลงใหลกระแสกินอย่างเดียว เที่ยวอย่างเดียว เสพกามอย่างเดียว ตามกระแสนิยมตะวันตกส่วนใหญ่ ลงมติให้อังกฤษอยู่กับอียูต่อไป จะได้เหลวไหลเหลวแหลกเละเทะกันต่อไป
ในประเด็นนี้จะทำให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งระหว่างวัย คือระหว่างคนวัย 40 ปีขึ้นไป กับคนวัย 40 ปีลงมาโดยเฉพาะพวกวัยรุ่น ประเทศอังกฤษที่เคยเป็นดินแดนอันสงบสุข และเป็นประเทศที่มีสังคม “ผู้ดี” ก็จะเป็นสังคมที่แตกแยก ไม่มีใครนับถือใครกันอีกต่อไป ชี้หน้าด่าแม่กันอย่างหยาบคายในทุกๆ เรื่อง ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราในทุกวันนี้
แล้วตัวอย่างแบบนี้ประเทศไทยและคนไทยจะเอามาเป็นแบบอย่างดังที่พวกหน้าโง่แต่พูดมากเรียกร้องอย่าง นั้นหรือ?
ประการที่สาม ผลจากการลงประชามตินั้นทำให้อังกฤษต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอกอย่างรุนแรงที่สุด บรรดาประเทศในกลุ่มอียูที่ยังเห็นดีเห็นงามไปกับการเป็นทาสรับใช้ของต่างชาติก็พยายามกดดันบังคับทุกวิถีทางเพื่อให้อังกฤษอยู่ในอียูต่อไป
ความปรารถนาของบางประเทศเหล่านั้นไม่ใช่ความหวังดีต่ออังกฤษ แต่เพื่อต้องการให้อังกฤษต้องจ่ายค่าใช้จ่ายและช่วยเหลือสนับสนุนบรรดาประเทศขี้ฉ้อขอทานซึ่งกำลังล้มละลายหลังจากกลายพันธุ์เป็นอียู ซึ่งอังกฤษก็รู้ดีว่าเรื่องอะไรจะไปแบกภาระให้กับพวกขอทานเหล่านั้น ดังนั้นอังกฤษจึงต้องต้านทานกับแรงกดดันมากมายโดยเฉพาะจากประเทศในกลุ่มอียู
ประการที่สี่ ผลจากการลงประชามติของอังกฤษได้เป็นแบบอย่างให้กับประเทศในกลุ่มอียูและประเทศสมาชิกในกลุ่มอียู เพราะประเทศเหล่านั้นและประชาชนในประเทศเหล่านั้น ก็เล็งเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่าเมื่ออังกฤษซึ่งเป็นมหาอำนาจและชาญฉลาดที่สุดของโลก ถอนตัวออกจากอียูแล้วอียูก็ย่อมล่มสลาย ใครกระโดดออกมาช้า ก็จะเสียหายมาก ดังนั้นสถานการณ์ต่างคนต่างเผ่นจึงเกิดขึ้น จึงมีการเดินขบวนเรียกร้องทั่วยุโรปและมีการเคลื่อนไหวในอียูเกือบสิบประเทศแล้ว เพื่อให้มีการลงประชามติให้ออกจากอียู
ณ วันนี้คนยุโรปส่วนใหญ่และชาวโลกที่ตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ไม่มีใครคิดเห็นเป็นอย่างอื่น นอกจากมีความคิดว่าอียูกำลังล่มสลาย และอัตราเร่งของการล่มสลายจะยิ่งเร็วขึ้นทุกที
ประการที่ห้า เนื่องจากอียูมีสกุลเงินเป็นของตนเองคือสกุลยูโร และมีส่วนแบ่งในตลาดเงินของโลกจำนวนมาก ดังนั้นเมื่ออียูจะล่มสลายเงินยูโรก็ต้องล่มสลายตามไปด้วย เหตุนี้แรงกดดันจึงกระทบอังกฤษหนักหน่วงยิ่งขึ้น เพราะการล่มสลายของเงินยูโรนั้นกระทบหนักหน่วงต่อทุกประเทศที่เป็นสมาชิกอียู ต่างคนจึงต่างกล่าวหาและโทษอังกฤษ
ทว่าในขณะที่ดิ้นรนกดดันอังกฤษ ต่างคนก็ต่างทิ้งเงินยูโรและพยายามที่จะพยายามฟื้นฟูสกุลเงินของชาติตนขึ้นมาใช้ใหม่ เมื่อทิ้งเงินยูโรก็หันไปซื้อทองหรือเงินหยวนมาถือแทน ซึ่งเท่ากับไปสนับสนุนกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่มีจีนและรัสเซียเป็นหัวเรือใหญ่ และกำลังโชติช่วงผงาดขึ้นท้าทายอำนาจของอเมริกาและนาโตหนักหน่วงขึ้นทุกที
นี่มันไม่ใช่แบบอย่างของประชาธิปไตยดังที่พวกไม่รู้ประสาพูดจากันอยู่ แต่มันเป็นแบบอย่างของการดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
และแบบอย่างประชามติที่กำลังสร้างความแตกแยกรุนแรงในอังกฤษนั้นจะเอามาเป็นแบบอย่างของประเทศไทยอย่างนั้นหรือ?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี