เมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย
เมื่อมีการเลือกตั้งที่ไม่สามารถจะคัดสรรคนดีมีคุณภาพคุณธรรมเข้ามามีอำนาจบริหารชาติบ้านเมืองได้อำนาจจึงตกอยู่ในมือนักการเมืองที่หิวกระหายทุกอย่างทุกโครงการ เมื่อใครขวางก็หาทางโยกย้ายให้หลบออกไปจากวงจร ออกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมเพื่อพรรคพวกตน แสวงหาผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม (คอร์รัปชั่นด้วยนโยบาย) ประชาชนที่รู้ทันก็ไม่ยอมรับ ก็ออกชุมนุมกันเป็นแสนเป็นล้านคน เดินขบวนขับไล่ แต่อำนาจที่สามารถสั่งการทหารตำรวจได้ จึงสั่งสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากและก็เกิดจลาจลแต่ประชาชนก็ยังชุมนุมกันต่อและขับไล่รัฐบาลกันต่อไป จนทหารเข้าควบคุมอำนาจทางการเมืองบ้านเมืองก็สงบราบคาบ
แต่การทุจริตในบ้านเมืองก็ยังมีอยู่ รวมทั้งการก่อหวอดทางการเมือง จึงต้องใช้มาตรา ๔๔ เพื่อให้เกิดความชอบธรรม เมื่อมีการเลือกตั้งวนเวียน เหตุการณ์อย่างนี้ก็กลับมาอีก จนมีคนเรียกว่าเป็น วงจรอุบาทว์ เป็นวัฏจักรการเมืองในประเทศไทยอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
เมื่อรัฐบาลเรียกหาความปรองดอง ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ ขึ้นมา ข้าพเจ้ายังมองไม่ออกว่า เป็นการปรองดองระหว่างอะไรกับอะไรในเมื่อคนในชาติไม่ได้แตกแยก แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา หรือดินแดน หรือชาติพันธุ์ ล้วนเป็นคนไทยรักใคร่สามัคคีมีวัฒนธรรม เรียกพี่ เรียกน้อง ลุงป้าน้าอา เป็นเหมือนญาติสนิทมิตรสหาย
การปรองดองแห่งชาติจะให้ประชาชนกับประชาชนปรองดองกัน ก็ไม่อาจจะพูดได้ ความแตกแยกที่จะต้องปรองดองกับแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกันโดยไม่เคารพกติกากฎหมายบ้านเมือง เขาห้ามซื้อเสียงก็ซื้อ เขาห้ามมีผลประโยชน์ขัดกันก็ทำ เขาห้ามเอาประโยชน์เข้าครอบครัวพี่น้องตนก็ทำกัน
เมื่อคนเป็นนักการเมืองไม่เคารพกติกากฎหมายบ้านเมือง บ้านเมืองจึงขาดขื่อแปที่เป็นหลัก รัฐไทยจึงขาดหลักนิติธรรม (Rule Of Law) แต่เต็มไปด้วยเนติบริกรคอยรับใช้สร้างอภินิหารทางกฎหมายต่างๆ มาให้ประชาชนได้ขื่นขมกัน
เมื่อเข้าใจตามนี้แล้ว จะต้องหาความปรองดองอะไรครับ มีแต่การเคารพและรักษากฎหมาย ปล่อยให้การบริหารจัดการบ้านเมืองเดินไปตามกฎหมายทุกอย่างก็สงบราบคาบ รัฐบาลขึ้นมาต้องไม่โกงตำรวจต้องเข้มแข็งเด็ดขาด ใครผิดต้องจับ เพราะเป็นผู้รักษากฎหมายของประชาชน รักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน
ข้าพเจ้าเห็นใจนายกรัฐมนตรีท่านรู้ปัญหาของตำรวจดีว่า ไม่ดีอย่างไร ท่านได้พยายามแก้ไข และให้กำลังใจมาตลอด แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นท่านเคยใช้มาตรา ๔๔ มอบอำนาจให้ผบ.ตร. แต่งตั้งโยกย้ายมาก่อนแล้ว ก็ยังมีเสียงว่า ไม่เป็นธรรมและมีการซื้อขายตำแหน่งกันอยู่อีกท่านจึงออกคำสั่งที่ ๗/๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ได้วางกฎเกณฑ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายไว้เป็นขั้นเป็นตอนใหม่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและของข้าราชการตำรวจทั้งหมด เพื่อเป็นหลักประกันในความมั่นคง ความเจริญในหน้าที่ราชการตำรวจ และขอให้ตำรวจทั้งหลายได้ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.วรรค ๑ ท้ายบทความนี้
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี