คนไทยจำนวนมากมักจะชอบใช้เงินเพื่อทำบุญกับวัดและกับพระสงฆ์ โดยไม่ได้ใช้วิจารณญาณให้ลึกซึ้งและถี่ถ้วน คนบางคนนั้นก็สักเพียงแต่ว่าเมื่อเห็นว่าเป็นวัด และเป็นพระสงฆ์ก็ให้เงินบริจาคจำนวนมากบ้าง น้อยบ้างไปโดยทันที โดยอ้างแบบไร้ตรรกะว่าเป็นการทำบุญเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบต่อไป
ด้วยเพราะเหตุที่คนจำนวนไม่น้อยลุ่มหลงแล้วชอบถวายเงินให้พระสงฆ์และวัด โดยที่ไม่เคยเข้าไปศึกษาและตรวจสอบให้ลึกซึ้งว่า พระสงฆ์นำเงินที่ได้รับบริจาคไปทำกิจอันใดเพื่อเป็นการสืบสานทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาโดยแท้จริงหรือไม่ดังนั้นจึงเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนใจบาปจำนวนไม่น้อยพากันเข้าไปหากินโดยไม่ชอบอยู่ภายในวัด ด้วยการแปลงร่างตนเองให้มีสภาพเป็นเสมือนพระภิกษุสงฆ์ ทั้งที่จริง ๆ แล้วคนสามานย์เหล่านั้นมิใช่พระภิกษุสงฆ์ผู้เคร่งครัดในหลักพระธรรมวินัยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังจงใจละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
กรณีการฟอกเงินจำนวนมหาศาลที่กลายเป็นคดีความใหญ่โต ซึ่งเกิดขึ้นภายในวัดพระธรรมกายนั้น ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่ปรากฏอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะเมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้แล้วก็จะพบด้วยว่า มีสภาพปัญหาคล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในวัดอื่นๆ เป็นจำนวนมากในประเทศไทย เพียงแต่กรณีปัญหาที่เกิดในวัดอื่นๆ ของไทยมิได้มีเงินจำนวนหลายพันล้านเหมือนเช่นคดีความที่เกิดขึ้นในวัดพระธรรมกาย แต่ถึงแม้เรื่องราวการยักย้ายยักยอกเงินบริจาคให้วัดและให้พระสงฆ์ในวัดอื่นๆ จะไม่ได้มีมูลค่ามากมายเหมือนกับคดีที่เกิดในวัดพระธรรมกาย แต่เมื่อรวมเงินบริจาคของทุกวัดทั่วประเทศที่มีปัญหาทำนองนี้แล้ว ก็นับได้ว่ามีจำนวนเงินมหาศาลเช่นกัน
ล่าสุด สาธารณชนที่สนใจเรื่องการยักยอกและฟอกเงินของวัดพระธรรมกายคงได้ทราบแล้วว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ออกหมายเรียกตัวนายอนันต์ อัศวโภคิน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีสมคบและร่วมกันฟอกเงินคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น มูลค่าความเสียหายประมาณ 13,000 ล้านบาท
ทั้งนี้มีหลักฐานจาก DSI ระบุว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด นายอนันต์ อัศวโภคิน และพระธัมมชโยมีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุอันเชื่อได้ว่าไม่สุจริตในประเด็นนี้ (ติดตามอ่านรายละเอียดได้ในข่าวรายวันเรื่อง DSI ออกหมายเรียกนายอนันต์ อัศวโภคิน รับทราบข้อหาฟอกเงิน ได้จากหนังสือพิมพ์แนวหน้าไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ และหนังสือพิมพ์รายวันฉบับอื่นๆ)
มีคำถามว่า ทำไมวัดจึงกลายเป็นแหล่งทำมาหากินโดยไม่สุจริตของเหล่ามิจฉาชีพไปได้ และมีคำถามอีกว่า เหตุใดพระสงฆ์จำนวนไม่น้อยจึงกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในฐานะตัวการหลัก หรือตัวการรอง ในการกระทำเหตุทุจริตผิดกฎหมายขึ้นภายในวัด เรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นได้เพราะพระสงฆ์เป็นตัวการหลัก หรือเป็นเพราะว่าฆราวาสเข้าไปส่งเสริมให้พระสงฆ์กระทำผิด
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะต้องเร่งยุติการบริจาคเงินให้วัดและพระสงฆ์ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พุทธศาสนิกชนจะต้องเข้าไปร่วมกันตรวจสอบการใช้เงินบริจาคในวัดต่างๆ วิญญูชนต่างรู้ดีมิใช่หรือว่าเมื่อพระสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินทองแล้ว ความบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัยของสงฆ์จะมัวหมอง ถึงเวลาแล้วที่พุทธศาสนิกชนจะต้องช่วยกันชำระล้าง แล้วทำความสะอาดให้วัดทุกแห่งให้ปราศจากเหล่าอลัชชีโล้นชั่ว และฆราวาสสามานย์ที่ร่วมกันบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี