เล่นเอา “ภูเขาทองแทบหมองไหม้” เมื่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยกคณะไปทำบุญวันเกิด แล้วหลั่งน้ำตาอาบแก้ม ขณะให้สัมภาษณ์สื่อ
เธอให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ว่า...
(1) ไม่ได้เป็นปีแรกที่พบเจอปัญหาอุปสรรค วันเกิดปีนี้คงใกล้จะถึงเรื่องที่หนักหนาของชีวิต ที่เราต้องสร้างพลังใจของเราให้เข้มแข็ง หลายครั้งที่เห็นว่าเรายิ้มได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถที่จะระงับความรู้สึกได้ ต้องขอโทษที่ทำให้เห็นน้ำตาในวันนี้ ซึ่งได้พยายามอย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นห่วง แต่ก็เป็นเหตุสุดวิสัย ตนพยายามที่จะเข้มแข็ง และเชื่อว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้ตนสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ เธอเล่าด้วยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พี่ชายได้โทรศัพท์พร้อมส่งดอกไม้มาให้กำลังใจตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยอยากให้เราสดชื่น และท่านอวยพรให้น้องพ้นทุกข์พ้นโศก อยากให้น้องมีความสุขและบอกพี่รักน้องนะ
(2) “ส่วนตัวเป็นห่วงบ้านเมืองและเชื่อว่าผู้อื่นก็เป็นห่วงบ้านเมืองเช่นกัน เพราะเราทุกคนรักประเทศไทย และอยากเห็นประเทศมีความสุข ให้ทุกคนหันมามองหน้ากัน ไม่อยากเห็นบรรยากาศที่มีการต่อว่าหรือทำให้ทุกฝ่ายเกิดการแบ่งแยก พร้อมขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้คุ้มครองคนไทย และประเทศไทยให้มีความรักและสามัคคี ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น และสิ่งที่สำคัญอยากให้ทุกคนกินดีอยู่ดี มีกินมีใช้อย่างพอเพียง ทั้งหมดถือเป็นความฝันสูงสุด แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ถ้าหากทุกคน
ทุกฝ่ายช่วยกัน ก็เชื่อว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้”
(3) น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการต่อสู้คดีในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะทุกอย่างอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาคดี สิ่งใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะร้องขอต่อศาล หวังว่าศาลจะเมตตาให้ความเป็นธรรม โดยเห็นว่าหากผู้ที่ดำเนินนโยบายได้รับผลเช่นนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อตนได้ดำเนินการทุกอย่างแล้ว ตนก็รู้ว่าที่ทำเพื่ออะไร สิ่งต่างๆ เหล่านั้น หวังว่าจะมีคนเข้าใจ มีคนเห็นใจและให้ความเป็นธรรมบ้าง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอให้เห็นความตั้งใจของเราอย่ามองแค่ปลายทาง อย่าเอาเหตุการณ์ปัจจุบันมาตัดสินการกระทำในอดีตเลย เพราะบางครั้ง สิ่งต่างๆ ได้เดินผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ ไม่สามารถระบุได้ว่า ผลการวินิจฉัยคดีจะออกมาในทางลบหรือไม่ แต่ก็พยายามเข้มแข็งตลอดเวลาที่ถูกดำเนินคดี และนำพยานขึ้นสู่ศาลทุกนัด ความเข้มแข็งเรามีขีดจำกัด ถ้าใครเจออย่างตน ก็คงจะหนักหนาเหมือนกัน หวังว่าอีกไม่กี่นัดที่เหลือจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้ และคงได้รับความยุติธรรม
(4) “ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจที่หน้าศาลเกือบทุกนัดด้วยความยากลำบาก ขอบคุณในสิ่งที่เมตตาคนชื่อยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด หวังว่าจะได้มีโอกาสขอบคุณทุกคนด้วยตัวเองที่ประเทศนี้” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
คราวนี้ก็มาวิเคราะกันว่า น้ำตาของยิ่งลักษณ์ เป็นน้ำตาแห่งมารยา น้ำตาแห่งการแสดง หรือน้ำตาแห่งความทุกข์ และดูด้วยว่า คำพูดของยิ่งลักษณ์ “แพร่สัญญาณ” อะไรออกมาให้จับต้องบ้าง
1.คุณว่า “ยิ่งลักษณ์” มีความทุกข์มั้ย?
ยิ่งลักษณ์โตมาท่ามกลางการประคบประหงมของพี่ชายซึ่งเป็นเหมือนพ่อ เกิดมาในวันที่ครอบครัวไม่ได้ยากลำบากเหมือนสมัยพี่ๆ ที่ต้อง “สู้ชีวิต” กันอย่างสุดใจขาดดิ้นแล้ว เป็นน้องสาวคนเล็ก เป็นคนสวย มีชีวิตสุขสบาย และแล้วก็ถูกพี่ชายใช้เวลา 49 วัน ปั้นและส่งลงการเมืองแทนตัวเอง มี “พี่เลี้ยงแวดล้อม” มีบทบาทให้แสดง มีคนคนพะเน้าพะนอเอาใจ ไปทางไหนก็มีการตระเตรียมบรรยากาศที่คนรุมรักรอไว้แล้ว ยิ่งลักษณ์จึงเติบโตมากับโลกเสมือน ไม่ต้องต่อสู้กับอะไร ทว่าวันนี้คือ “ชีวิตจริง” ของเธอ ที่พี่หรือพ่อ “หนีคดี” ไปจากประเทศไทย ไปอยู่ไกลกันมาก อยากจะออกไปหา ศาลก็ไม่อนุญาตให้ออกนอกประเทศ ในยามแบกทุกข์เธออยู่ทางนี้ ในสภาพที่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จะหวนกลับสู่ชีวิตสวยงามดังเดิมก็ไม่ได้ ซ้ำยังต้องทำงานแทนพี่ชายเยอะแยะไปหมด ทุกเดือนต้องไปศาล (คดีจำนำข้าว) สลับกับตระเวนทำบุญ (เยียวยาความรู้สึก) ทรัพย์สินก็สุ่มเสี่ยงจะถูกยึด การเมืองก็ต้องเว้นวรรค ชีวิตรักก็ไม่รู้เป็นไง ดังนั้น การที่เธอ “ร้องไห้” จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันเป็นน้ำตาของหญิงวัย 50 ปี ที่วันนี้มาทำบุญวันเกิด แต่ “อกไหม้ไส้ขม” เมื่อมองดูปัจจุบันและอนาคตของชีวิต ส่วนคนที่ยิ้มละไม เอาใจอยู่รอบตัว ล้วนเป็นพวก “รอดตัว” ทั้งนั้น!
2.อนาคตอันใกล้ที่น่า “ใจหาย”
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีอยู่ในช่วงการไต่สวนพยานจำเลยซึ่งเหลืออีก 3 นัด คือวันที่ 29 มิ.ย. มีการไต่สวนพยานจำเลย 3 ปาก, วันที่ 7 ก.ค. ไต่สวนพยานจำเลย 8 ปาก และนัดสุดท้ายวันที่ 21 ก.ค. ไต่สวนพยานจำเลย 8 ปากสุดท้าย จากนั้นศาลก็คงจะให้โอกาสคู่ความแถลงการณ์ปิดคดี ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคู่ความว่าจะแถลงด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร ซึ่งศาลจะกำหนดในวันไต่สวนพยานปากสุดท้ายว่าจะให้แถลงปิดคดีภายในกี่วันและนัดฟังคำพิพากษาในวันที่เท่าไหร่ เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะแถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตนเองหรือไม่ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดกัน ว่าจะใช้วิธีใด
3.ถ้อยคำที่ย้ำความหลง
คำให้สัมภาษณ์ของเธอนั้น ยังแยกไม่ออกระหว่าง “กรรม” ที่ทำไว้ กับ “เคราะห์กรรม” หรือ “โชคชะตา” ที่พเนจรเข้ามา แบบเป็น “คราวเคราะห์” คนใกล้ตัวควรหยุดใช้เธอ รักเธอ เมตตาเธอ บอกความจริงกับเธอ แต่ไม่เลย... ทุกคนรอบตัวยังใช้ประโยชน์จากเธอ ไม่ให้การศึกษาแก่เธอ ว่ารูปคดีที่แท้จริงแล้วคืออะไร เว้นเสียแต่บอกแล้ว แต่เธอเลือกจะจำในมุมมนี้ ว่าอิฉันไม่ผิด เธอจึงให้สัมภาษณ์แบบคนที่ยังไม่รู้ว่า
โทษภัยหรือกรรมเวรของเธอในวันนี้นั้น...
3.1) เกิดจากความอำมหิตของพี่ๆ ของเธอเอง ที่ใช้เธอ หาประโยชน์จากเธอ ผลักดันเธอ จนมาถึงจุดนี้ นั่นรวมถึงพี่เลี้ยงและบริวารจอมสอพลอทั้งหลายด้วย
3.2) เกิดจากการละเลยหน้าที่ของตัวเธอเอง และเกิดจากการที่คนรอบตัวหลอกเธอ ว่าเธอไม่ผิดหรอก เธอแค่มีนโยบายช่วยชาวนา แต่ความจริงคือ---เขาไม่ได้เอาผิดเธอฐานช่วยชาวนาหรือทำโครงการ “ขาดทุน” แต่ความผิดของเธอเกิดจากการที่เธอ
“ไม่กำกับดูแล” การดำเนินนโยบายในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และปิดช่องทางการทุจริต ทั้งๆ ที่มีการแจ้งเตือนจากหลายฝ่าย ซ้ำมีพฤติกรรมที่คล้ายกับจะ “เอื้อให้มีการทุจริต” ด้วย นั่นต่างหาก ความผิดของเธอ เธอจึงยังคงท่องจำประโยคที่ว่า ถ้าดิฉันผิด ต่อไปคงไม่มีใครกล้ามีนโยบายช่วยเหลือประชาชน ซึ่งไม่จริง ทุกคนยังคงมีนโยบายเพื่อประชาชนได้ แต่นโยบายนั้น ต้องไม่ทำให้ประเทศชาติฉิบหายวายป่วง พ่วงด้วยการโกงและแอบหาประโยชน์ในหมู่สมัครพรรคพวกอย่างปราศจากการกำกับดูแลของผู้มีอำนาจหน้าที่ เช่นที่ยิ่งลักษณ์มี ในนโยบายรับจำนำข้าวนี่เอง
4.เป็นน้ำตามารยาหรือไม่
ผมเชื่อว่าเป็นน้ำตาแห่งความทุกข์ ความอัดอั้น และความตื้นตันเมื่อเห็นคนมาแสดงความรักและปเนห่วง ยิ่งได้อ่านเฟซบุ๊คของ “เต่านา” ที่พูดถึงน้ำตาของ “นายกฯปู” สุดที่รัก รักที่สุดของเธอแล้ว ยิ่งเชื่อว่า เป็นน้ำตาจากชีวิตจริงของผู้หญิงชื่อยิ่งลักษณ์
ลองอ่านที่ ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ “เต่านา” โพสต์สิ มีใจความบางช่วงบางตอนระบุว่า
“...เนื่องจากเราได้รับเกียรติเป็นผู้จัดการ จนนายกฯปูร้องให้น้ำตาเป็นเผาเต่า ต่อหน้าลูกน้องพรรคตัวเอง ที่ท่านภูมิธรรมบอกว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นท่านหมดสภาพแบบนี้มาก่อน เราก็เลยชินแล้วกับการร้องไห้นี้ พร้อมๆ กับตะโกนตะคอกใส่เข้าไปอีกว่า ร้องไห้แม่งไปเลยโน่น ที่ไหนอยากร้องก็ร้อง ..เพราะไอ้ที่พยายามยิ้มแย้มแจ่มใสใส่ทุกคนนั้นน่ะ มันผิดปรกติ อะไรจะมาร่าเริงบ้าบออะไร ตัวเองก็เปราะบางจะตายห่าอยู่แล้ว ข้างในใจ ทั้งเหนื่อยต้องไปอ้อนวอนคนโน้นคนนี้มาเป็นพยาน ทั้งห่วงลูก ทั้งกลัวติดคุก ยึดทรัพย์ ฯลฯ แต่ก็พยายามจะยิ้มแย้มตลอดเวลา..บ้าหรือเปล่า??
เราทดลองดูมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว..ที่ศาล บางทีแค่บอกว่า วันก่อนมีคนเอาเสื้อเหลืองมาให้เราใส่ แล้วเราใส่แล้วก็สวยดี..นายกฯปูแม่งก็จ้องหน้าเราเขม็ง แล้วก็กรี๊ดออกมาว่า หม่อมจะไปจากปูแล้วใช่มั้ย..ใช่มั้ย ใช่มั้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หม่อมไปเลย หม่อมไปเล้ย..ต่างๆ นานา คนแม่งก็เยอะแยะ แถวนั้น จริงใจดีนะท่านน่ะ…โอเค นะ นายกฯปูเขาเครียดมากจริงๆ เปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์วุ่นวายใจ น้อยใจ น้อยเนื้อต่ำใจเต็มเปี่ยมค่ะ แล้วตอนนี้ก็ไม่มีฟอร์มแล้วค่ะ เพราะมันก็ใกล้เวลาเต็มทีแล้ว ไม่มีอะไรจะเสียแล้วค่ะ
ท่านนายกฯปูน่ะ เหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่งสำหรับเรา ลูกคนเล็กด้วย โก๊ะด้วย แสบด้วย..น่ารักดี ลูกบ้าก็เยอะ กวนประสาทก็ที่หนึ่ง..นี่ป่านนี้นั่งหัวเราะอยู่แล้วมั้ง.. แกก็ร้องไห้ สลับหัวเราะ ไปๆมาๆ นี่เป็นปรกติมานานแล้ว ยิ่งสามสี่ปีนี้ ..ก็เอาเถอะท่านนายกที่รัก สุดที่รัก รักจะตายห่า ..ไม่เป็นไรหรอกใจเย็นๆ…รักนะคะ รักที่สุดสุดที่รัก รัก รัก รัก รัก รัก รักๆๆๆๆๆๆๆ…รักเกลี้ยงใจ ทุกอย่างมีทางไปของมัน..ใจเย็นๆๆๆๆๆ..ได้ร้องไห้เยอะแยะขนาดนี้แล้ว วันนี้ น่าจะรู้สึกดีขึ้น..ก็เอาให้มันผ่านไปวันๆ ตามแบบฉบับที่ท่านทำๆ มาก่อนละกันคะ...”
นอกจากนี้ “เต่านา” ยังได้อวยพรวันเกิด ว่าขอให้ชนะทุกคดี และในกรณีทถ้าหากแพ้คดีมีโทษทั้งจำคุกและยึดทรัพย์..ก็ขอให้มีความเข้มแข็งที่จะยืนยันในความถูกต้องชอบธรรม …และเดินเชิดหน้าเข้าคุกไปอย่างมีเกียรติ..ในฐานะ นายกรัฐมนตรีที่มาจากการชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนถล่มทลาย..ด้วยศักดิ์ศรีแห่งการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงและรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศไทย แต่ถ้าหากปรากฏว่าท่านไม่สามารถทำตามข้อสองได้ในกรณีที่ท่านแพ้คดี และท่านต้องการที่จะลี้ภัย..ก็ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการลี้ภัย !!
อ่านแล้ว เห็นชัดถึง “ภาวะอารมณ์ไ และ “บุคลิกภาพ” ของนายกฯ ปูของหนูเต่านา พร้อมๆ กับเกิดคำถามว่า นี่โพสต์เพราะห่วงเธอจริงๆ (ฮา...)
5.จะยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์เมื่อไหร่
นอกเหนือจากการต่อสู้คดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ยิ่งลักษณ์ยังต้องคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจำนวน 35,717 ล้านบาท จากการปล่อยปละละเลย ไม่กำกับดูแลโครงการรับจำนำข้าวด้วย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินเรื่องยึดทรัพย์โครงการจำนำข้าวจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ตั้งคณะทำงานสืบทรัพย์เพื่อติดตามสืบหาทรัพย์สิน น.ส. ยิ่งลักษณ์ อยู่ โดยทำหน้าติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมที่ดินเพื่อสืบหาว่ามีสินทรัพย์เท่าไร รวมถึงตรวจดูรายการที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังจากนั้นจะนำมาสรุปจำนวนทรัพย์สิน เพื่อส่งให้กรมบังคับคดีดำเนินการติดตามยึดทรัพย์ต่อไป
“อย่างไรก็ตาม ยังระบุเวลาไม่ได้ว่าจะทำเสร็จเมื่อไร เพราะเป็นเรื่องของคณะทำงานที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และยึดหลักการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกับให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายด้วย”
ผมคิดว่า หากกระทรวงการคลังเอาจริงเอาจังและตั้งใจที่จะเรียกคืนความเสียหายกลับมาให้ประเทศชาติ คงไม่ต้องรอช้า เพราะทรัพย์ตามบัญชีที่แสดงกับ ปปช. นั้น เป็นทรัพย์ที่ยืนยันโดยเจ้าตัวเอง แค่พิสูจน์ให้ทราบว่า ยักย้ายถ่ายโอนไปให้คนอื่นแล้วหรือไม่ จากนั้น แจ้ง “กรมบังคับคดี” เข้ายึดอายัดได้ อยู่ที่จะเร่งทำหรือเปล่าเท่านั้น
ฝ่ายยิ่งลักษณ์ ก็เรียกหาความยุติธรรมได้ ด้วยการไปร้องให้ศาลปกครอง คุ้มครองชั่วคราว ระหว่างรอการตัดสิน ว่าจะเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่เรียกค่าเสียหายกับเธอหรือไม่ หรือหากยืนยันว่าเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว จะเรียกเท่าไร จะยึดทรัพย์ส่วนไหนบ้าง ก็เป็นกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรมเอาไว้ในกระบวนการเรียบร้อยแล้ว
6.ยิ่งลักษณ์จะหนีหรือไม่
ไม่ทราบ แต่ถ้าดูจากคำพูดของเธอที่ว่า “หวังว่าจะได้มีโอกาสขอบคุณทุกคนด้วยตัวเองที่ประเทศนี้” กับข้อความตอนจบของ “เต่านา” แล้ว ก็ชวนคิดอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ยิ่งลักษณ์ได้อธิบาย กรณีที่ระบุว่า อยากขอบคุณพี่น้องประชาชนด้วยตัวเองอีกครั้งในปีหน้าที่ประเทศนี้ ว่า ความหมายจริงๆ แล้ว คือ อยากขอบคุณประชาชน ที่มาร่วมทำบุญด้วยกัน พร้อมยืนยัน จะไม่หลบหนีคดีออกนอกประเทศ โดยจะพิสูจน์ความจริง ต่อสู้คดี เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
กระนั้นก็ตาม เพื่อความไม่ชะล่าใจ ก็ให้ดูว่าท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการติดตาม ป้องกันการหลบหนีของยิ่งลักษณ์แค่ไหนหากหนีตามด่านปกติ ไม่ว่าทางบก น้ำ หรืออากาศ คงอกไม่ได้แต่ แต่ประเทศนี้มีช่องให้หนีเยอะแยะ ไม่เช่นนั้น เครือข่ายโกตี๋และเสื้อแดงมากมาย จะหนีออกนอกประเทศไปได้อย่างไร
จริงไหมล่ะ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี