ปลายเดือน ก.พ. 2551 นายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ถึงความรู้สึกที่ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากระเหเร่ร่อนต่างประเทศตั้งแต่ถูกยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ว่า “ผมกลับมาต่อสู้คดีที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของผม จะไม่หนีไปไหนอีก ไม่มีที่ไหนให้ความสุขปลอดภัยได้เท่ากับบ้านตัวเอง”
เมื่อทักษิณกลับมา คดีความต่างๆ ตลอดถึงคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ก็เดินหน้าไปได้ การสู้คดีเพื่อกอบกู้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของนายทักษิณ ดำเนินไปอย่างเข้มข้นทั้งในศาลนอกศาล ทั้งที่ลับที่แจ้ง ใต้ดินบนดินจนกระทั่งวันที่ 10 ก.ย. 2551 ข่าวเรื่อง ทนายความลืมถุงขนมที่มีเงินสดอยู่ข้างใน 2 ล้านบาท ถูกเปิดโปงออกมา ทนายความถูกดำเนินคดี วันที่ 5 สิงหาคม 2551 น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ทำหน้าที่โฆษกส่วนตัว บอกผู้สื่อข่าวว่า นายทักษิณได้รับเชิญเป็นประธานกิตติมศักดิ์ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งวันที่ 17 ก.ย. 2551 นายทักษิณยังไม่กลับประเทศไทย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุกนายทักษิณ 2 ปี ในความผิดซื้อที่ดินรัชดาฯ ตั้งแต่นั้นมา นายทักษิณก็เร่ร่อนกอบกู้ศักดิ์ศรีไปหลายประเทศยกเว้นไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ทักษิณบอกว่า เธอคือโคลนนิ่งของเขามีกำหนดในวันที่ 1 ส.ค. จะแถลงปิดคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อหาละเลยปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.
ตลอดเวลาการดำเนินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดหลายครั้งหลายคราว่า เธอไม่เดินตามรอยพี่ชาย เธอเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกที่รักศักดิ์ศรี ขอสู้คดีจนถึงนาทีสุดท้าย ไม่หนีไปต่างประเทศ แต่หลายครั้งหลายคราที่เธอเปล่งวาจาว่า จะสู้คดีจนนาทีสุดท้าย อากัปกิริยา สายตา ภาษากายได้บ่งบอกความรู้สึกส่วนลึกในก้นบึ้งหัวใจว่า เธอคิดอย่างไร เช่น พูดว่า “ปีหน้าไม่รู้จะได้อยู่ฉลองวันเกิดในประเทศนี้หรือไม่....” หรือคำพูดที่ว่า “ต้องเข้มแข็งสู้ถึงที่สุดถึงแม้จะมีโอกาสเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ตาม..”คำพูดจากความรู้สึกที่แท้จริงของจำเลยในคดีรับจำนำข้าวบ่งบอกว่า ลึกๆ แล้วมีความคิดในระนาบเดียวกับจำเลยในคดีที่ดินรัชดาฯ
ถึงแม้จะเป็นโคลนนิ่งที่มีความคิดเหมือนกัน แต่จำเลยทั้งสองอยู่ในภาวะและสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จำเลยคดีที่ดินรัชดาฯกลับมาต่อสู้คดีในขณะที่คนในเครือข่ายสมุนบริวารมีอำนาจราชศักดิ์ เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรมให้ความเคารพเหมือนหนึ่งเป็นนายกฯตัวจริง ตำรวจพินอบพิเทาก้มกราบถึงเป้าถึงเอว รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ พินอบพิเทารับฟังคำสั่งในการบริหารประเทศ การต่อสู้เพื่อกอบกู้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีโดยการหนีไปปักกิ่ง จึงทำได้อย่างง่ายดาย
ส่วนจำเลยในคดีรับจำนำข้าว ต่อสู้คดีในขณะที่ คณะผู้รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารไปให้ความสะดวกและดูแลรักษาความปลอดภัยให้ทุกฝีก้าว จนหลายครั้งหลายคราเธอต้องร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจว่า เมตตาเธอมากเกินไปแล้ว “แม้แต่เข้าห้องน้ำยังมีคนตามมาถ่ายรูป” บริษัทประชาสัมพันธ์ที่จ้างไว้ในวอชิงตันดี.ซี.วิ่งเต้นให้องค์กรนั้นโน้นนี้เชิญไปยุโรป ไปอเมริกา คสช. ก็ห่วงแต่ความปลอดภัย หายอมให้ไปไม่ หลายครั้งลงทุนจ้างฝรั่งอียูให้เชิญไปบรรยาย คสช. ก็ไม่ยอมให้ไป
จึงเป็นเหตุให้มีวลีเด็ดออกมาว่า “สู้จนถึงที่สุดแม้จะมีโอกาสเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์.....” ดังนั้นจากนี้ถึงวันที่25 ส.ค. ต้องลุ้นกันอย่างระทึกใจว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นหรือไม่ในหนึ่งเปอร์เซ็นต์....แต่ถึงแม้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น จำเลยคดีจำนำข้าวได้เดินตามรอยพี่ชาย ก็ต้องเดินคอดกันไปจนวันตายเพราะ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเห็นชอบผ่านพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ให้พิจารณาคดีลับหลังได้ และคนหนีคดีต้องหนีกันจนตายไม่มีวันสิ้นอายุความ
พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยโวยวายจะคว่ำให้ได้ โดยอ้างว่า ผิดหลักนิติธรรม ไม่เป็นไปตามวิธีการพิจารณาตามหลักสากล มาตรฐานสากลคืออะไร? เพราะการพิจารณาลับหลังมีอยู่ทั่วไปทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ในอาเซียน เช่น ประเทศกัมพูชา นักการเมือง อาทินายโสม รังสี นายเขม โสกา ฯลฯ ล้วนถูกศาลตัดสินลงโทษ จากการพิจารณาคดีลับหลัง นายโสมรังสี ถูกดำเนินคดีขณะหลบหนีอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ส่วนนายเขม โสกา ถูกตัดสินจำคุก ขณะที่หลบหนีอยู่ในที่ทำการพรรคกอบกู้ชาติกัมพูชา ในกรุงพนมเปญ นั้นเอง
ฤาพรรคเพื่อไทยยึดมั่นว่า มาตรฐานสากลต้องเป็นยุโรป อเมริกา ก็มาดูว่า เขาพิจารณาคดีลับหลังกันหรือไม่
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบรอบสามปีที่เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ MH17 ถูกยิงตกขณะบินอยู่เหนือน่านฟ้ายูเครนใกล้ชายแดนรัสเซีย ผู้โดยสาย 298 คนตายหมด ในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นชาวดัตช์ 193 รายและเป็นออสเตรเลีย 33 ราย เนเธอร์แลนด์กับออสเตรเลียเสนอญัตติให้สหประชาชาติตั้งอนุญาโตตุลาการสากลขึ้นพิจารณาคดี แต่ถูกขัดขวางจากรัสเซีย จนกระทั่งครบรอบสามปี นายกรัฐมนตรี Mark Rutte แห่งเนเธอร์แลนด์บอกผู้สื่อข่าวว่า การนำคดีขึ้นศาลใกล้จะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ “เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ คดี MH17 เราใช้วิธีดำเนินคดีลับหลังแบบเดียวกับคดี Lokerbie...”
Lokerbie คือ คดีที่เครื่อง Pan Am ถูกยิงตกขณะบินอยู่เหนือเมือง Lokerbie เมื่อปี 1988 ที่มีคนตาย 259 คน ผู้ก่อการร้ายสองคนถูกจับได้ในประเทศลิเบียในปี 1999 แต่รัฐบาลลิเบียไม่ยอมส่งตัวให้อเมริกา ยื้อกันไปยื้อกันมาจนในที่สุดศาลอาญาสากล ต้องพิจารณาคดีและตัดสินลงโทษจำเลยลับหลัง
สองตัวอย่างที่ว่านี้เป็นคดีการเมืองและผู้ก่อการร้าย ถ้าเป็นคดีอาญาทั่วไปพิจารณาลับหลังได้ไหม
ศาสตราจารย์ James Strazzela แห่งมหาวิทยาลัย Temple กล่าวว่า การพิจารณาคดีลับหลังมีทั่วไปในยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะอิตาลีเป็นหนึ่งในหลายประเทศยุโรปที่มีคดีพิจารณาความลับหลังมาก หรือตัวอย่างในสหรัฐฯปี 1993 นาย Andrew Luster หนีคดีข่มขืนไปประเทศเม็กซิโก แต่ถูกศาลแคลิฟอร์เนียพิจารณาคดีลับหลังและตัดสินจำคุก 124 ปี มาตรา 43 ของกฎหมายรัฐบาลกลาง (federal law) บัญญัติว่า “กรณีที่จำเลยหนีระหว่างดำเนินคดี ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่า จะต้องมาปรากฏตัวสู้คดีในศาลตามวันเวลาที่กำหนด เมื่อจำเลยไม่มาปรากฏตัวในศาลให้ถือว่าจำเลยสละสิทธิ์ ในการไต่สวนต่อหน้าทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมายจึงมีพันธะทางกฎหมายแทนจำเลย....”
ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษย์ประจำสหประชาชาติ เคยทักท้วงว่าอิตาลี ละเมิดสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิทางการเมืองมาตรา 14..ที่พิจารณาคดีลับหลังเจ้าหน้าที่ซีไอเอกับพวก อัยการอิตาลี ตอบโต้ว่าถึงแม้จำเลยไม่ปรากฏตัวระหว่างการไต่สวน แต่การมีทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมายของจำเลยมาร่วมไต่สวนให้ถือว่า จำเลยสละสิทธิ์ในการปรากฏตัวและทนายความจำเลยทำหน้าที่เสมือนหนึ่งตัวจำเลยอยู่ในศาล...การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ กับพวก 26 คน ในข้อหาลักพาตัวและสังหารผู้ก่อการร้ายชาวอียิปต์ ที่ชื่อ Osama Hassan Mustafa ก็ดำเนินต่อไปจนสิ้นเสร็จในปี 2009 ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่หนึ่ง ส่วนจำเลยที่สองถึงยี่สิบหกปี ถูกตัดสินจำคุกคนละยี่สิบปี
ยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่นักกฎหมายระดับโลกชี้ให้เห็นว่าการดำเนินคดีลับหลังมีอยู่ทั่วไป และความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่จำเลยหรือคู่ความมีทนายความ มีที่ปรึกษากฎหมายได้ทำหน้าที่แก้ต่างสู้คดีให้คู่ความอย่างโปร่งใส
กรณีประเทศไทย พ.ร.บพิจารณาคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้สิทธิ์แต่งตั้งทนายตลอดถึงอุทธรณ์ได้อย่างโปร่งใส จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่พรรคเพื่อไทยจะคว่ำกฎหมาย เพียงเพื่อให้นายได้กลับบ้านเท่ๆ หลังคดีหมดอายุความตามกฎหมายเก่า วันนี้เส้นทางนั้นตีบตันแล้ว สิ่งเดียวที่พรรคเพื่อไทยทำได้ คือ รอด้วยความระทึกใจว่าก่อน 25 สิงหาคม จะมีปาฏิหาริย์หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี