สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มีหน้าที่สำคัญหลายประการ เช่น เสนอแนวทางการกําหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองพระพุทธศาสนา ส่งเสริม ดูแล รักษา และทํานุบํารุงศาสนสถานและศาสนวัตถุทางพระพุทธศาสนาและจัดการวัดร้างทํานุบํารุงพุทธศาสนา สนับสนุนและส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เพื่อการทำนุพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติให้รุ่งเรือง ประกอบกับพระพุทธศาสนาเป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมและวัฒนธรรมไทย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดสรรงบที่เรียกว่า“เงินอุดหนุน”ให้แก่วัดต่างๆ ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อปฏิบัติบูรณะซ่อมแซม
(2) เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม (3) เพื่อการเผยแผ่ ดำเนินกิจกรรมทางศาสนา
วัดที่จะขอเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดต้องประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญ คือ (1) เป็นวัดที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดตามกฎหมาย มีชื่อในทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (2) เจ้าอาวาสได้ดำเนินการปกครองวัดให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และคำสั่งของมหาเถรสมาคม(3) พระสงฆ์และประชาชนที่ขึ้นกับวัดนั้น เอาใจใส่ในการพัฒนาวัด (4) ทางวัดมีเงินทุนในการบูรณะหรือก่อสร้างเสนาสนะที่จะขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด หรือได้จัดหาวัสดุก่อสร้าง หรือได้ลงมือก่อสร้างไว้แล้วอย่างน้อย1 ใน 3 ของงานก่อสร้างนั้น (5) มีเจ้าอาวาส หรือรักษาการเจ้าอาวาส ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคมและมีพระภิกษุ สามเณรอยู่จำพรรษา
พศ.จะพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดตามลำดับความจำเป็น ก่อนหลัง เช่น วัดที่ประสบวินาศภัย วัดที่เป็นโบราณสถานหรือมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์/ท้องถิ่น วัดที่เป็นสถานศึกษาพระปริยัติธรรมหรือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการเผยแผ่เสนาสนะที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับเงินอุดหนุน เช่น อุโบสถ/วิหารกุฏิ หอฉัน/ศาลาการเปรียญห้องน้ำ/สุขา ถนน กำแพงวัด
วัดที่ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดต้องกรอกรายการตามแบบการขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดพร้อมแนบภาพถ่ายอาคารเสนาสนะที่จะบูรณะหรือก่อสร้าง และภาพถ่ายบริเวณวัด โดยเสนอเรื่องผ่านเจ้าคณะพระสังฆาธิการเจ้าสังกัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดจะรวบรวมรายงานการขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด และจัดทำบัญชีรายชื่อวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนและส่งพศ. วัดที่ได้รับเงินอุดหนุนต้องใช้จ่ายเงินในการบูรณะหรือก่อสร้างเสนาสนะตามที่ขอรับเงิน บางกรณีพศ.อาจตรวจพบหรือพิจารณาว่ามีเหตุอันควรที่จะให้เงินอุดหนุนเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์แก่บางวัด ทางวัดที่จะขอรับเงินอุดหนุนจะต้องถ่ายสำเนาเอกสารบัญชีธนาคารของวัดด้วย โดยจะต้องไม่ใช่บัญชีเงินฝากส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
เมื่อต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 หลายสื่อได้นำเสนอข่าวทุจริตเงินทอนวัด
เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเงินอุดหนุนวัดจะติดต่อไปที่วัดสอบถามว่า ต้องการเงินอุดหนุนหรือไม่ และแนะนำให้เจ้าอาวาสกรอกรายการตามแบบขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดเมื่อโอนเงินให้ จะโอนให้มากกว่าจำนวนที่ใช้จริง โดยเงินที่เกินนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวจะให้โอนคืนเข้าบัญชีส่วนตัวหรือส่งคนไปรับเงิน บางครั้งอาจโอนให้พอดีกับที่วัดขอ แต่มีเจ้าหน้าที่มาติดต่อขอให้โอนคืนบางส่วนเข้าบัญชีส่วนตัว อ้างว่า ต้องนำไปจัดสรรให้วัดอื่นที่ลำบากกว่า เงินนี้เรียกว่า “เงินทอนวัด”
จุดเริ่มต้นการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนวัด เกิดจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้รับเบาะแสทุจริต จึงตรวจสอบจนพบความผิดปกติในเส้นทางเบิกจ่ายงบประมาณของพศ. จึงส่งต่อข้อมูลให้กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) เมื่อเดือนสิงหาคมพ.ศ.2558 และจากการตรวจสอบข้อมูลเงินงบประมาณพ.ศ.ปี 2555-2559 ที่เบิกจ่าย 33 วัด พบว่าวัดที่เข้าข่ายทุจริต12 วัด อยู่ในภาคเหนือ 6 วัด, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 วัด,ภาคกลาง 2 วัด และภาคใต้ 1 วัด สูญเงินไปกว่า 60.5 ล้านบาท
เงินทอนวัดจะอยู่ในอัตรา 3 ใน 4 คือ ทอนร้อยละ 75ของเงินที่จ่ายออกไปให้วัด กรณีนี้ทำให้อดีตคนที่นั่งเก้าอี้ตำแหน่งใหญ่โตระดับอดีตผู้อำนวยการ, รองผู้อำนวยการของพศ.อยู่อย่างไม่เป็นสุข มีการตรวจสอบบัญชีส่วนตัวของเจ้าหน้าที่บางคน พบว่ามีเงินสะพัดจำนวนมาก สมุดบัญชีเงินฝาก มีเงินเข้าบัญชีครั้งละ 200,000-700,000 บาทอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจึงถูกแจ้งข้อหาในฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และเบียดบังเอาเงินของรัฐไปเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
สำหรับเจ้าอาวาสนอกจากเป็นผู้แทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลแล้ว ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 ให้ถือว่าเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาด้วย
การเป็นเจ้าอาวาสและพนักงานตามกฎหมายอาญาในขณะเดียวกัน ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนธรรมดา การมีเงินเข้า-ออก ต้องแจงที่มาให้ได้ เรื่องนี้หากหลักฐานแน่ชัดว่า เจ้าอาวาสมีส่วนรู้เห็นทุจริตเงินทอนวัด อาจต้องรับโทษเช่นเดียวกัน ต่างกันที่เป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน
แต่โดยมากพระที่เกี่ยวข้องมักไม่ได้มีส่วนร่วมรู้เห็นโดยตรง บางครั้งอยู่ในสภาพต้องจำยอมเพียงเพื่อให้เงินเข้าเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์วัด
ยุคนี้กรรมติดจรวด “บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี