ถือเป็นความใฝ่ฝันของครอบครัว ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หลายๆ ครอบครัว ที่เลือกปลูกฝังให้ลูกหลานสืบทอดอาชีพอันมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แม้ต้องใช้ความอดทนสูง บ้างก็เริ่มต้นจากโรงเรียนนายร้อย หรือชั้นสัญญาบัตร บ้างก็เริ่มที่ชั้นประทวน นับตั้งแต่นายสิบตำรวจ แม้จะเริ่มต้นไม่เหมือนกัน แต่เชื่อว่าทุกคนมีจุดหมายเดียวกัน คือ การรับใช้ประชาชน อย่างเต็มภาคภูมิ
สำหรับ พ.ต.ท.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ หรือญา หรือโย่ง นายตำรวจหนุ่มฉกรรจ์ ในวัย 38 ปี ชาว จ.ชัยนาท ผู้นี้ เป็นอีกนายที่เกิดและเติบโตในครอบครัวตำรวจ เป็นลูกชายคนที่ 2 จากจำนวนพี่น้อง 5 คน ของนักล่าพ่อค้ายาเสพติดอย่าง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผบช.ปส.ที่ทำให้ทายาทโดยสายเลือดได้เห็นการทำงานของผู้พ่อมาตั้งแต่เด็ก จนรู้สึกเหมือนถูกปลูกฝัง ให้เลือกเดินเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตามรอยพ่อ พี่ชาย โดย พ.ต.ท.ปริญญา สอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 56
หลังจากสำเร็จการศึกษา ก็ผ่านงานมาหลากหลายด้าน นับตั้งแต่ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวงานสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี งานจราจร สภ.หัวหิน นายเวร พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. ตำรวจทางหลวง ตำรวจปราบปรามยาเสพติด กระทั่งมาดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ขณะเดียวกัน ยังทำงานตามที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.มอบหมาย คืองานกิจการสำนักงาน รอง ผบ.ตร.
“มีความตั้งใจอยากมาศึกษางานโรงพัก รู้สึกว่างาน ป.คืองานพื้นฐานของโรงพัก ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับงาน ป.ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานสืบ งานสอบ งานจราจร มันเกี่ยวกับการป้องกันเหตุ เราก็เลยอยากมาศึกษาตรงนี้ แล้วโรงพักในนครบาล โดยเฉพาะ สน.บางซื่อ ก็เป็นโรงพักที่วุ่นวาย มีงานทุกรูปแบบ แต่เราก็ได้ประสบการณ์ค่อนข้างเร็ว” รอง ผกก.ไฟแรง กล่าว
พ.ต.ท.ปริญญา เล่าว่า เหตุทั่วไปใน กทม.ไม่รุนแรงมาก พื้นที่ 11.35 ตร.กม.อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.บางซื่อ ส่วนใหญ่จะเป็นคดีมโนสาเร่ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น อย่างคดีลักรถจักรยานยนต์ ทะเลาะวิวาท เหตุซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธก็มี แต่น้อย แต่ก็เหมือนท้าทายความสามารถเรา ว่าจะป้องกันเหตุเหล่านี้ที่เกิดกับชาวบ้านทุกวันได้อย่างไร
“เรื่องการทำงาน พ่อผมจะสอนตลอดว่า ให้อ่อนน้อมถ่อมตน ซื่อสัตย์กตัญญู และให้รู้จักมักน้อย คนเรารวยจนไม่เท่ากัน ตำรวจจะไปหวังรวยเหมือนนักธุรกิจ มันก็คงไม่ได้ นักธุรกิจขยันก็อาจมั่งคั่งร่ำรวย แต่เราขยันมากประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่เห็นคนนั้นร่ำรวยแล้วอยากจะมีบ้าง ไม่เช่นนั้นเราอาจเขว เผลอกระทำผิดพลาดมัวหมองได้ ต้องยึดหลักแค่มีพอกิน พอใช้” พ.ต.ท.ปริญญา กล่าว
สิ่งที่พ่อจะเน้นมากๆ คือความเอาใจใส่ลูกน้อง งานเราจะขับเคลื่อนได้เพราะลูกน้องล้วนๆ ไม่ใช่นาย ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เวลามีเรื่องเดือดร้อนจะต้องลงไปคลุกคลี ต้องใส่ใจปัญหาของลูกน้อง และรู้จักใช้คน บางทีลูกน้องเยอะ เราคนเดียวไม่ไหว ก็ต้องอาศัยสารวัตร หรือรองสารวัตรบ้าง ก็ต้องช่วยกัน
“ผมเป็นคนง่ายๆ ลูกน้องเข้าหาง่าย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีพิธีรีตอง ก็จะบอกเสมอว่าใครมีปัญหาอะไรให้มาปรึกษา ถ้าไปเจ้ายศเจ้าอย่างลูกน้องจะรู้สึกว่าเข้าหายาก เวลามีปีปัญหามันก็จะแก้ยาก สุดท้ายมันก็จะกระทบกับการปฏิบัติงาน ส่งผลให้เกิดปัญหาในการบริหารไปด้วย” รอง ผกก.มากประสบการณ์ กล่าว
เราต้องวางระบบให้ดีก่อน จากนั้นก็ใส่แรงจูงใจเข้าไป เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ลูกน้อง แรงบันดาลใจมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือการให้บำเหน็จ ให้ขั้นให้เงินเดือน ด้านลบคือการลงโทษทัณฑ์ ต้องมีทั้งสองด้าน แต่หากระบบไม่ดี ลูกน้องก็ไม่รู้ว่าจะยึดแนวทางไหนในการปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันถ้าเรามั่นใจว่าวางระบบดีแล้ว แต่กลับยังไม่ได้รับความใส่ใจ หรือขาดแรงจูงใจ งานก็จะไม่มีประสิทธิผล
หากจะพูดถึงสไตล์การทำงานของตน ก็ไม่ได้มีจุดเด่นอะไร ตนไม่เป็นศัตรูกับใคร เราไม่ตำหนิ ไม่สร้างศัตรู มีแต่สร้างมิตร หลักการของเรา คือ “ชมกับช่วย” อันไหนชมได้ ก็ต้องชม อันไหนชมไม่ได้ก็นิ่งไป อันไหนช่วยได้ก็ช่วย อันไหนช่วยไม่ได้ก็ไม่ซ้ำเติม ทับถม เราไม่ลงโทษใครอย่างไร้เหตุผล ไม่กลั่นแกล้งใครให้เกิดบาปกรรม ถ้าเขาไม่ได้ทำผิด
พ.ต.ท.ปริญญา พูดถึงความภาคภูมิใจที่ได้รับการพระราชทานกระบี่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้รับการประดับดาวบนบ่าจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ว่า เราจบจากโรงเรียนนายร้อย มีเครื่องแบบอันทรงเกียรติ ก็ต้องดำรงความยุติธรรมให้สมกับเป็นข้าแผ่นดิน ซึ่งการได้ช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ร้อนจากปัญหาอาชญากรรม ตนถือเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตความเป็นตำรวจแล้ว
“มีเกินใช้ ได้เกินเสีย สำหรับข้าราชการถือว่ารวยแล้ว ถ้าเสียเกินได้ ใช้เกินมี อย่างนี้เรียกว่าจน ถ้ายึดหลักนี้ได้ เราก็จะอยู่อย่างพอมีพอกิน มีความสุขในการทำงาน” พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีแง่คิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี