ผู้นำต้องแสดงให้เห็นถึงความเสียสละ ความซื่อสัตย์ สำคัญที่สุดคือ ต้องปกป้องดูแลผู้อื่นอย่างจริงใจ โดยเฉพาะผู้นำประเทศที่ต้องดูแลทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน โดยไม่เลือกกลุ่มเลือกภาค แต่มีผู้นำบางจำพวก เมื่อตัวเองมีปัญหามักเรียกลูกน้องพรรคพวกให้มาช่วยเหลือ แต่เมื่อลูกน้องตกยาก คนเป็นผู้นำกลับไม่เคยช่วย แถมโยนความผิดเพื่อให้ตัวเองรอดเสมอ หรือประชาชนลงขันจ่ายภาษีมาให้ดำเนินนโยบาย แต่ภายหลังเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ล้มเหลว และมีข้อทุจริต คนอื่นเคยห้ามแต่ไม่ฟัง พอนโยบายเจ๊ง ประเทศเสียหายกลับบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวและไม่ร่วมรับผิดชอบ แบบนี้ยังเรียกว่าผู้นำหรือ?
คดีจีทูจี ไม่น่าจะจบที่แค่รัฐมนตรีพาณิชย์
คดีจีทูจีที่จำเลยมีทั้งอดีตรัฐมนตรีช่วย อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ เสี่ยป. ที่ว่ากันว่าเป็นผู้มีอิทธิพลอันดับต้นๆ ในวงการค้าข้าวของไทยและยังสนิทกับนายใหญ่ระบอบทักษิณ และหมอโด่งที่เป็นอดีตเลขานุการรัฐมนตรีพาณิชย์ที่ว่ากันว่าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของคดีจีทูจี ใช่หรือไม่? ที่ทุกวันนี้เจ้าตัวยังหนีแบบเจ้าไร้ศาลอยู่ จนมีกระแสข่าวว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของเหล่าจำเลยและผู้มีอำนาจเหนือจำเลย ทำให้ใครบางคนได้ผลประโยชน์บางอย่างจากกระบวนการขายข้าวในกรณีนี้ ใช่หรือไม่? ไปจนถึงกระแสข่าวที่ว่าอดีตรมต.พาณิชย์ยังต้องเกรงใจเสี่ยป.และหมอโด่ง เพราะคำสั่งจากหมอโด่ง หมายถึงคำสั่งของใครบางคนที่มีอำนาจเหนือเสี่ยป. หมอโด่ง และกระทรวงพาณิชย์หรือไม่?
ทั้งๆ ที่ตามความจริงแล้ว รมช.และรมว.พาณิชย์ มีหน้าที่เพียงกำกับดูแลการระบายขายข้าวในฐานะประธานอนุกรรมการระบายข้าวที่อยู่ๆไม่ได้เป็นเอง แต่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มีอดีตผู้นำหญิงเป็นประธาน ใช่หรือไม่? เช่นนี้เมื่อสังคมเกิดสงสัยว่า อาจมีความเสียหายกับการระบายข้าว ทั้งกระแสข่าวหรือข้อสงสัยที่ว่ามีการหมุนเวียนข้าวขายในประเทศแทนส่งออกไปขายหรือไม่? ประเด็นที่อดีตอธิบดีฯให้ข้อมูลว่า บริษัทที่ทำสัญญากับรัฐบาลไทย แท้จริงไม่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลจีนอย่างถูกต้อง จึงไม่ถือเป็นการขายข้าวแบบจีทูจี หรือไม่? รวมถึงเรื่องที่นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเคยให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ไม่มีการส่งออกข้าวจริง และวิธีส่งมอบแบบเอ็กซ์-แวร์เฮ้าส์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริงตามที่อ้างกันหรือไม่?
ถ้าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แสดงว่าข้าวไม่ได้ออกนอกประเทศ ใช่หรือไม่? แล้วข้าวหายไปไหน?ทำไมสุดท้ายจึงเกิดความเสียหายจากการขายข้าวจีทูจีที่สรุปตัวเลขว่า ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท?เรื่องนี้ไม่ใช่ไม่เคยมีคนสงสัย หรือไม่ใช่ไม่เคยมีสื่อหรือพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามเคยตั้งคำถาม แต่ประเด็นคือ ข้อสงสัยทั้งหมดไม่เคยได้รับคำตอบจากอดีตผู้นำหญิงคนนี้เลย แถมบอกปัดข้อท้วงติงจากหน่วยงานต่างๆ และปล่อยให้ดำเนินการซื้อขายข้าวต่อด้วย ใช่หรือไม่? ข้อท้วงติงจากองค์กรอิสระหลายหน่วยงาน หลายครั้งที่สงสัยว่า อาจส่อมีการทุจริต? ซึ่งในที่สุดก็เป็นคดีความขึ้นมาจริงๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างรมต.พาณิชย์กับนายกฯ เป็นทั้งเชิงอำนาจในระดับพรรค และระดับครม.ก็เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง
คนหัวโต๊ะกับครม. และในระดับนโยบายคือประธานคณะกก.นโยบายข้าวแห่งชาติกับประธานอนุกรรมการระบายข้าว การมอบนโยบาย สั่งการ การอนุมัติ คนเป็นผู้นำจะปฏิเสธความรับผิดชอบเช่นนั้นหรือ? หลายคนจึงสงสัยว่า เหตุใดคนที่บอกว่า ตัวเองเป็นผู้นำจึงปล่อยให้อดีตรมต.และพวกเป็นจำเลยของสังคมอย่างโดดเดี่ยว ทั้งๆ ที่ทั้งหมดเป็นการดำเนินการตามนโยบายจำนำข้าว ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่อดีตผู้นำหญิงหาเสียงไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งและดำเนินการเรื่อยมาใช่หรือไม่?
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเกิดคำถามว่า อดีตผู้นำหญิงควรร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่? เพราะถ้าปฏิเสธความรับผิดทั้งหมด ทั้งที่ตัวเองเป็นหัวหน้า เป็นประธานคณะกก.นโยบายข้าวแห่งชาติ เป็นนโยบายที่หาเสียงไว้และที่สำคัญเป็นผู้แต่งตั้งจำเลยทั้งหลายให้มีหน้าที่ขายข้าวด้วย คงไม่ใช่วิสัยผู้นำที่เหมาะสมใช่หรือไม่?
ผู้นำต้องร่วมรับผิดชอบ
เพราะอย่าลืมว่า ความเป็นผู้นำไม่ใช่เพียงลงนามในคำสั่งแต่งตั้งแล้วจบแค่นั้น แต่ยังรวมถึงการต้องควบคุมครม.ให้อยู่ในกรอบการรับผิดชอบต่อนโยบายที่หาเสียงไว้และต่อประชาชนด้วย ดังนั้นจะบอกว่า ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรมต.พาณิชย์ในขณะนั้นหรือ? ถ้าจำกันได้ช่วงนั้นหลายคนออกมาเรียกร้องว่า นโยบายจำนำข้าวมีปัญหา มีปมน่าสงสัย เรียกร้องให้ทบทวน ตลอดจนให้เปลี่ยนตัวรมต.พาณิชย์ แต่ผู้นำหญิงยืนยันว่า จะให้ทำงานเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับกระแสข่าวที่ว่า ไม่กล้าเปลี่ยน เพราะรัฐมนตรีทำงานให้ใครเป็นพิเศษหรือฟังคำสั่งของใครใช่หรือไม่? แต่วันนี้ เมื่อลูกน้องเข้าตาจน ผู้นำได้แต่นั่งเงียบ ไม่ปกป้อง ไม่ช่วยสู้คดี แถมคำสัมภาษณ์หลายครั้งแทบจะโยนเป็นเรื่องของลูกน้องเพียงผู้เดียว ไม่กลัวว่าสังคมครหาว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลหรือ?
ผู้นำต้องยอมรับความจริง
แม้แต่คดีตัวเอง ยังแสดงความเป็นผู้นำไม่ต่างกัน ด้วยข้อครหาคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการจำนำข้าวนั้น อดีตผู้นำหญิงเคยได้รับข้อท้วงติงจากองค์กรอิสระและหน่วยราชการต่างๆ มาแล้วจริงหรือไม่? ตั้งแต่ป.ป.ช.ที่ยื่นหนังสือมานับไม่ถ้วนขอให้ทบทวนและยุติโครงการ หรือสถาบันวิชาการอย่างทีดีอาร์ไอเคยสรุปถึง 5 ประเด็นเกี่ยวกับการจำนำข้าวที่ทำลายระบบเศรษฐกิจไทย ใช่หรือไม่? หรือแม้กระทั่งภายหลังกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และ อคส.ยังยอมรับมีข้อผิดพลาดหลายประการ จนเรียกร้องให้ตรวจสอบบางจุดถึงตรวจสอบใหม่ทั้งหมด แต่อดีตผู้นำหญิงยังยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไปเหมือนกับคดีจีทูจี ในที่สุดความเสียหายจึงเกิดเป็นมูลค่าห้าแสนล้านบาท ใช่หรือไม่? กระทบโดยตรงกับงบประมาณแผ่นดินที่ต้องนำไปจ่าย จนต้องเบียดบังงบฯมูลค่ามหาศาลที่ต้องไปช่วยความเดือดร้อนประชาชนในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะงบฯรักษาพยาบาลที่โดนตัดต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ผู้นำที่แท้จริงต้องยอมรับความจริง แต่ถึงขณะนี้อดีตผู้นำหญิงก็ยังไม่ยอมรับว่า โครงการจำนำข้าวมีความเสียหายจริง และยังเรียกร้องแต่เรื่องราวฝั่งตัวเองด้านเดียวว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยไม่ยอมรับความเสียหายและไม่เคยคิดแก้ไขปัญหาที่เกิดกับประเทศ นี่หรือคนที่เรียกตัวเองว่า ผู้นำ?
ผู้นำต้องเสียสละและไม่ดื้อรั้นต่อสิ่งที่ผิดเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้
เพราะผู้นำจำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริงในการตัดสินนโยบายให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่องบฯลงทุน และให้เกิดผลเสียน้อยที่สุดต่อประเทศ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ดำรงตำแหน่งจนหมดวาระ อย่าว่าแต่ความรับผิดชอบ ขอเพียงยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ก็ยังไม่เคยได้ยินจากปากแม้แต่คำเดียว ใช่หรือไม่? จึงไม่แปลกที่พบตั้งงบฯก่อหนี้สะสมทุกปี ทำให้งบประมาณรัฐจากภาษีประชาชนต้องสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ เพื่ออุดช่องว่างโครงการจำนำข้าวที่ลุกลามเกินเยียวยา และถ้ายังปล่อยให้โครงการมาถึงปัจจุบัน ก็ไม่ทราบจะเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศมากเท่าไหร่?
ผู้นำต้องปกป้องประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนมาปกป้องตัวเอง
มากกว่านั้นการที่จู่ๆช่วงนี้มีทั้งเกษตรกร โรงสีบางคนออกมาพูดถึงแต่ข้อดีโครงการจำนำข้าว ทำนองว่าข้าวไม่เน่า ข้าวไม่เสื่อมคุณภาพ ทำนองสรรเสริญอดีตนายกฯอย่างบังเอิญนั้น หลายคนมองว่า อาจไม่ใช่เรื่องปกติ? ที่สำคัญการมาพูดตอนนี้ก็เลยเวลาที่บรรดาเกษตรกร เจ้าของโรงสี จะออกมาแล้ว ใช่หรือไม่? เพราะกระบวนการยุติธรรมชั้นศาลเสร็จสิ้นทั้งหมด เหลือเพียงฟังคำพิพากษาเท่านั้น จึงไม่แปลกที่หลายคนมองว่า การออกมาครั้งนี้มีเพียงจำเลยคดีจำนำข้าวเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์?
อย่างไรก็ตาม เรื่องเล็กน้อยนี้ไม่สามารถกลบปัญหาแท้จริงได้ เพราะความเสียหายที่เกิดจากโครงการตีเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทนั้น มีประเด็นปัญหาที่ไม่เคยแก้ตัวต่อสาธารณชนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ ประเด็นข้าวหาย ข้าววน ข้าวเสื่อมเนื่องจากไม่จำกัดสายพันธุ์ในการจำนำข้าวและค่าความชื้นที่ทำให้มูลค่าตกต่ำ รวมถึงประเด็นทุจริตทุกขั้นตอนจนถึงเรื่องที่ว่ากันว่ามีเกษตรกรบางรายร่วมกับเจ้าหน้าที่จดทะเบียนพื้นที่เพาะปลูกสูงเกินจริง อีกทั้งรัฐบาลต้องเสียเงินจัดเก็บและรักษาข้าว ซึ่งล้วนแต่เป็นภาษีประชาชนที่สูญเสียไปหลายหมื่นหลายแสนล้านบาทแล้ว ใช่หรือไม่? ถามว่าเคยพูดสักคำไหมว่า จะหาเงินมาชดใช้ที่สูญเสียไปอย่างไร?
ผู้นำที่ไม่อาจเทียบได้
อย่างไรก็ตามวันนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าอดีตผู้นำหญิงมีความผิดจริงหรือไม่?เพราะศาลยังไม่ตัดสิน และคดีก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ไม่มีใครกล้าล่วงคำตัดสินศาล เพียงแต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น นำมาซึ่งความสงสัยต่อสังคมว่าเหตุใดไม่ยอมรับความจริงหรือแสดงความเป็นผู้นำ? และอย่าได้คิดถึงการที่มีลิ่วล้อบางคนนำอดีตผู้นำหญิงไปเปรียบเทียบอยู่ระดับเดียวกับนางอองซาน ซู จี เพราะทั้งหมดเป็นคนละเรื่อง คนละแบบ คนละม้วนกัน เพราะออง ซาน ซู จี เป็นผู้นำที่ต่อต้านการทุจริต และเคารพกระบวนยุติธรรม ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาหลายสิบปีเพียงลำพัง ขณะที่ผู้นำหญิงที่บอกว่าตัวเองเป็นนำ ใช้เวลาหาเสียเพียงกี่วันก็ได้เป็นนายกฯ? และตลอดเวลาที่บริหารประเทศ บริหารได้ดีแล้วหรือ? การจัดการน้ำท่วนปี’54 ทำได้ดีแล้วหรือ? การจัดความขัดแย้งทำได้ดีแล้วหรือ? การจัดการลูกน้องที่ทำความผิดต่างๆ ทำได้ดีแล้วหรือ? การจัดการคนใกล้ชิดต่อข้อครหาขัดต่อผลประโยชน์ทำได้ดีแล้วหรือ การนิรโทษกรรมให้พรรคพวกตัวเองนั่น ถูกต้องดีงามหรือ? คำตอบที่ได้จึงเกิดคำถามว่า
คล้ายกันกับผู้นำพม่า หรือคล้ายกับผู้นำเกาหลีใต้กันแน่?
ขณะที่ประเทศกำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประสบภาวะอุทกภัยในภาคเหนือและภาคอีสาน น้ำท่วมหนัก บ้านเรือน
เสียหาย การเกษตร พืชไร่เสียหายมหาศาล คนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้นำหรือบรรดานักการเมืองที่บอกว่าอาสามาดูแลประชาชน ควรต้องรีบไปช่วยเหลือประชาชนมิใช่หรือ? ขณะที่มีอดีตผู้นำประเทศท่านหนึ่ง ทั้งที่ไม่มีตำแหน่งและไม่ได้เป็นพื้นที่ฐานเสียงเลยด้วยซ้ำ ยังลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมทุกวัน ในวันเดียวกันนี้พรรคการเมืองอีกฝั่งที่เป็นเจ้าของฐานเสียงพื้นที่นั้นโดยตรง และบอกว่ารักประชาชนชาวอีสานแทบขาดใจ นอกจากไม่ลงไปช่วยประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังปลุกระดมประชาชนทางสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสังคมออนไลน์ อีกทั้งตัวเองให้สัมภาษณ์ขอให้ประชาชนเดินทางมาที่ศาล เพื่อหวังให้เป็นเกราะกำบังตนเอง?
พฤติกรรมแบบนี้หรือที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้นำ?
..................................................
“...พยายามทำให้ฝ่ายตรงข้ามประเมินขุมกำลังท่านต่ำทรามไป แต่อย่าได้ประเมินศัตรูของท่านต้อยต่ำเด็ดขาด”
(คำคมโกวเล้ง จากเรื่อง ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี