ท่านผู้หลักผู้ใหญ่บอกกล่าวกันไว้ว่า งานการเมืองเป็นงานอาสา เพราะมิได้มีใครขอร้องหรือบังคับให้เข้ามากัน และถือเป็นงานอาชีพถาวรมิได้ เพราะมิได้ต้องไปเล่าเรียนมา เป็นงานไม่ถาวร มีสิทธิ์ตกงานได้ทุกเมื่อ เพราะการยุบสภา รวมทั้งโอกาสที่จะชนะเลือกตั้งนั้น มีความเสี่ยงสูง นอกจากนั้น เมื่อได้รับเลือกมาแล้ว หากไม่ประพฤติตนให้ดี ก็มีสิทธิ์ถูกขับไล่ได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ผู้อาสาเข้ามา“เล่น”การเมือง จึงควรต้องมีรายได้อื่นสำรอง หรือมีอาชีพอื่นๆรองรับไว้
จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมเขาถึงใช้คำว่า“เล่น”กับ“การเมือง” ก็เพราะมันเป็นการเข้ามาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เข้ามาเพื่อแสดงตัว แสดงความสามารถตามสติปัญญา นึกคิด อุดมคติและอุดมการณ์ และมาเสริมสร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม ซึ่งจะไปเป็นอื่นมิได้
แต่ทว่าความหอมหวานของ“อำนาจ”ที่หลายๆคน เมื่อได้รับมาอยู่ในมือ ก็มัวเมา ใช้มันตามใจ จนลืมไปว่า ตนเอง“อาสา”เข้ามาทำไม? สุดท้ายก็ประพฤติร้ายต่อชาติบ้านเมือง ผลที่ตามมาคือ ความเสื่อมเสีย ทั้งเสียศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน ครอบครัวพังทลาย แถมยังถูกสาปแช่งไม่ได้ผุดได้เกิด รวมทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานในคุกในตะราง ที่น่าจะใช้เป็นบทเรียนได้ก็ตามที
แต่ทุกยุคสมัย คนเหล่านี้ก็ไม่เคยกลัว ไม่เคยเข็ดหลาบ นั่นเพราะบางคนคิดว่าจะสามารถอยู่ในอำนาจแบบค้างและค้ำฟ้า ไม่มีความถูกต้องชอบธรรมใดๆเอื้อมไปแตะถึงตัวเขาได้ ซึ่งบางคนก็มั่นใจว่า ได้ปิดช่องโหว่ต่างๆไว้ดีแล้ว ไม่มีทางค้นเจอ หรือไม่ก็มั่นใจว่า สามารถหนีกระบวนการยุติธรรมไปได้ จนหมดอายุความ โดยบ้างไปฝังตัวอยู่ต่างประเทศ หรือแม้คดีที่ไม่มีอายุความ ก็ไม่กลัว เพราะมีปัญญาจ้างทนายต่างชาติให้อ้างโน่นอ้างนี่ ตีกินไปได้อีกนาม รายได้สะสมยังเหลือไปลงทุนให้รายได้ใหม่ๆ ไหลเข้ามาได้อีก ทั้งหากสถานการณ์บ้านเมืองพลิกแพลง อาจได้กลับสู่เหย้าแบบสง่างามอีกก็เป็นได้
ถึงจะรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ แต่จะหนีกฎแห่งกรรมพ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะความเจ็บปวดภายในใจอันเกิดจากปกป้องครอบครัวตนเองไม่ได้ เพราะอยู่ไกล มีครอบครัวก็เสมือนไม่มี ต่อให้สุขกาย ก็คงไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ความห่างไกลแผ่นดินเกิด ความไม่สบายใจ กังวลใจ ก็จะร้อนระอุ เผาไหม้อยู่ในหัวใจอยู่ตลอดเวลา ก็เรียกว่า เป็นการตกนรกบนพื้นโลกดีๆ นี่เอง
ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมนี้ ชาวโลกก็ได้เห็นศาลสูงสุดปากีสถาน ถอดถอนนายชารีฟ จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปากีสถาน จาก คดี“ซุกทรัพย์สิน” เพราะไม่สามารถชี้แจงบรรดารายรับรายจ่าย และทรัพย์สินที่ผองถ่ายออกไปต่างประเทศได้ นอกจากต้องพ้นตำแหน่งแล้ว บรรดาลูกเมียยังต้องเดินตามขึ้นศาลอีกด้วย ซึ่งที่มาของเรื่องนี้ก็สืบเนื่องจากการรั่วไหลของข้อมูลลับทางการเงิน ที่เรียกว่า “เอกสารปานามา” ซึ่งเปิดเผยว่า บรรดาผู้นำการเมืองและธุรกิจต่างๆทั่วโลก มีบริษัทวิสาหกิจเปลือกหอยตั้งอยู่ในปานามาและประเทศที่ดินแดนหมู่เกาะโดยเฉพาะแถบทะเลคาริบเบียน โดยบัญชีเงินฝากและการโยงเงินไปมาเพื่อทำธุรกิจแบบสีเทาต่างๆ ไม่มีความโปร่งใส ไม่สามารถชี้แจงได้อย่างถ่องแท้ ตรงไปตรงมา
ก่อนหน้านี้ นายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดีบราซิล ผู้เลื่องลือในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ก็ถูกตัดสินจำคุก 9 ปี เพราะพัวพันการโยกเงินจากบริษัทวิศวกรรม โอเอเอส เพื่อแลกกับการได้สัญญาว่าจ้างกับบริษัทเปโตรบราส (Petrobras) กิจการน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐ ผ่านบริษัทก่อสร้างต่างๆมาเข้ากระเป๋าพรรคและนักการเมือง ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีคนต่อจากเขาคือ นางจิลมา วานา รูเซฟ ก็ถูกปลดจากตำแหน่งข้อหาโยกย้ายงบประมาณจากหมวดหนึ่งไปอีกหมวดหนึ่ง ซึ่งผิดกฎหมาย แล้วอ้างว่า คนอื่นๆก็ทำกันมา ฟังไม่ขึ้น ศาลไม่รับฟัง นอกจากนั้น นายมีเชล เตเมร์ ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบัน(ซึ่งเคยเป็นรองประธานาธิบดีของนางจิลมา) ก็กำลังเจอข้อหามีส่วนร่วมรับและฟอกเงินแบบเดียวกับนายลูลา โดยทั้ง 3 มาจากพรรคเดียวกันคือ พรรคผู้ใช้แรงงาน ซึ่งมีความโดดเด่นในการต่อสู้กับรัฐบาลทหารและรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย แต่ดันมาตกม้าตายเพราะเพลิดเพลินกับอำนาจเงินแท้ๆ ที่สำคัญ ขณะนี้สมาชิกรัฐสภาบราซิลจำนวน 1/3 กำลังเจอข้อหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นการสะท้อนกระบวนการยุติธรรมบราซิลเขาเอาจริง
ย้อนไปเอเชียกลางที่อุซเบกิสถาน นายอิสลาม คาริมอฟ ผู้นำตลอดกาลตั้งแต่สมัยโซเวียต ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน (เมื่อกันยายน 2559) ซึ่งช่วงที่มีชีวิตอยู่ ก็มิได้สร้างภูมิคุ้มกันให้ครอบครัวและลูก 3 คน โดยลูกสาวคนโตกำลังถูกกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่นและฟอกเงิน เข้าคุกอยู่ ขณะที่ลูกชายต้องลี้ภัยอยู่ที่กรุงลอนดอน ภรรยาและลูกสาวคนเล็กก็ถูกกักบริเวณ ติดต่อกับภายนอกไม่ได้ เสมือนกรรมนั้นตามสนอง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา นายอิสลาม คาริมอฟ เป็นประธานาธิบดีที่แสนโหดร้าย
เอาแค่ปัจจุบันที่เห็นกัน ก็ใช้เป็นบทเรียนเพียงพอแล้ว มิพักต้องย้อนอดีตอีกมากมาย แต่ก็น่าแปลกใจที่บรรดานักการเมืองน้ำครำ ก็ไม่เข็ด ไม่เกรงกลัวที่กระทำผิดต่อประเทศชาติ คงเพราะอำนาจมันแสนหอมหวน หากจะปราบปรามให้นักการเมืองชั่วช้าออกไปจากวงการเมือง ต้องอาศัยประชาชนนั่นเอง ที่จะทำหน้าที่พลเมืองที่เข้มแข็ง ด้วยองค์ความรู้และจิตสำนึกที่ดีต่อบ้านเมือง ไปเลือกตั้งคนที่ดีเข้าบริหารบ้านเมือง และยังตรวจสอบตลอดเวลาที่นักการเมืองเหล่านั้น ใช้อำนาจบริหารในสภาฯ รวมทั้งตรวจสอบภาครัฐในการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อสนองนโยบายฝ่ายการเมืองว่า ถูกต้องโปร่งใสหรือไม่ เมื่อประชาชนเข้มแข็งและศาลเข้มแข็งด้วย บ้านเมืองจะฟันฝ่าอุปสรรคไปรอดได้
บทเรียนวันนี้สำหรับประเทศไทยคือ อำนาจเบ็ดเสร็จที่ปฏิเสธการตรวจสอบทุกรูปแบบ จะทำให้ผู้มีอำนาจสามารถบริหารประเทศแบบลอยตัว แต่ถึงอย่างไร อำนาจนั้นไม่เคยคงทนนาน แม้ความจริงถูกเขี่ยออกจากสายตาสาธารณชนได้ระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายจะวนกลับมา เช่นเดียวกับที่ใครจะไปคิดว่า “เอกสารปานามา”จะหลุดออกมา โดยเฉพาะนับวันประชาชนก็มีองค์ความรู้มากขึ้น จนตระหนักได้ว่า จะปล่อยผู้แทนหรือผู้อาสามาบริหารบ้านเมือง ไม่ว่ามาด้วยบัตรเลือกตั้งหรือกระบอกปืน ทำตามอำเภอใจโดยไม่ตรวจสอบไม่ได้อีกแล้ว หากแต่จะต้องมีการถ่วงดุลและควบคุมอย่างเข้มงวด
อีกประเทศหนึ่งที่กระบวนการยุติธรรมยังอยู่ในอาณัติฝ่ายการเมืองคือมาเลเซีย ซึ่งวันนี้ นายกฯนาจิบ ราซะก์ ยังเถลิงอำนาจ ท่ามกลางข้อครหาเรื่องยักยอก ซ่อนเงิน แต่จะกุมอำนาจได้อีกนานเท่าใด เพราะในสายตาสาธารณชนและเวทีโลก คะแนนนิยมและความน่าเชื่อถือหมดสิ้นแล้ว ที่ยังอยู่ในอำนาจได้ เพราะยังมีอำนาจเงินที่จะกดขี่ผู้คนที่เห็นต่าง ซึ่งในที่สุด จะนำประเทศตนไปสู่อนาคตที่มืดมน
กลับมาบ้านเรา ใครเป็นนักการเมืองก็มักป่าวประกาศว่า ตนมีภารกิจที่ต้องช่วยชาวไร่ชาวนา และช่วยคนจน แต่ด้านวิธีการเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหลายคนก็แฝงด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน หรือนโยบายเชิงทุจริต หรือนโยบายมาตรการเพื่อการอุปถัมภ์ค้ำจุน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และผิดความชอบธรรม เพราะใช้ชาวไร่ชาวนามาเป็นข้ออ้าง แต่จริงๆ แล้วตั้งใจโกงกิน
ดังนั้น หากจะทำเช่นนั้นแล้ว เมื่อถูกจับได้ ก็จงก้มหน้ารับผลแห่งกรรมไป โดยเฉพาะเมื่อทำในสิ่งที่ไม่สมควร แล้วประชาชนทน
ไม่ไหว จนต้องออกมาคัดค้าน ก็อย่ามาพูดว่า ประชาชนพวกนี้แหละ ที่ทำให้
บ้านเมืองยุ่งเหยิง หรือประชาชนเหล่านี้ละเมิดกฎหมายความมั่นคง เพราะต้นเหตุความวุ่นวายนั้น มักจะเป็นพฤติกรรมที่ละเมิดหลักประชาธิปไตยของรัฐบาลที่โฉเกนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี