หลังจากเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 สำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกระเบียบว่าด้วยการให้บริการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาระหว่างศาลยุติธรรมทั่วประเทศ พ.ศ. 2559 เพื่อให้คู่ความสามารถคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาได้ที่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ระเบียบนี้ทำให้การขอคัดถ่ายคำพิพากษากลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น ก่อนหน้านี้การคัดถ่ายคำพิพากษาต้องดำเนินการที่ศาลที่มีคำพิพากษาคดีเท่านั้น
เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2560 เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีผู้บริโภคเป็นไปโดยสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรีได้ออกระเบียบศาลแพ่งธนบุรี ว่าด้วยการยื่นฟ้องและส่งเอกสารในคดีผู้บริโภคทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2560 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560
การยื่นฟ้องและส่งเอกสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์จะใช้เฉพาะคดีผู้บริโภคที่ยื่นต่อศาลแพ่งธนบุรี โดยปกติแล้วการฟ้องคดีผู้บริโภค ผู้บริโภคหรือผู้เสียหายมีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่หรือต่อศาลแห่งอื่นได้ แต่สำหรับผู้ประกอบธุรกิจจะฟ้องคดีผู้บริโภคได้เฉพาะเขตศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาเท่านั้น
ไม่ใช่ทุกคดีผู้บริโภคทุกที่โจทก์สามารถยื่นฟ้องและส่งเอกสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ระเบียบศาลแพ่งธนบุรีกำหนดว่า ต้องเป็นคดีผู้บริโภคที่มีจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 500,000 บาท และโจทก์ต้องเป็นบุคคลที่ลงทะเบียนยื่นฟ้องทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้กับศาลแพ่งธนบุรี โดยโจทก์ต้องยื่นคำขอเข้าเป็นผู้ใช้ระบบต่อเจ้าหน้าที่ศาลแพ่งธนบุรีด้วยตนเอง จะต้องแสดงเอกสารยืนยันตัวบุคคลพร้อมสำเนา เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตว่าความ
เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์โจทก์จะได้รับชื่อผู้ใช้(Username) และรหัสผ่าน (Password) โจทก์จึงสามารถยื่นฟ้องทางระบบอิเล็กทรอนิกส์กับชำระค่าธรรมเนียมศาล ค่าส่งคำคู่ความและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีได้ผ่านทางเว็บไซต์ศาลแพ่งธนบุรี คือ www.civiltbc.coj.go.th
คำฟ้องและเอกสารคดีผู้บริโภคที่ยื่นทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วย (1) แบบคำฟ้อง (2) ใบแต่งทนาย (3) หนังสือมอบอำนาจ (4) สัญญาหลัก (5) บัญชีพยาน (6) คำแถลงขอปิดหมายพร้อมเอกสารหลักฐานที่อยู่จำเลย (7) คำแถลงขอขยายระยะเวลากำหนดนัดพิจารณา
คำฟ้องและเอกสารหมายเลข (1)-(7) ต้องทำในรูปแบบไฟล์ PDF (Portable Document Format) ขนาดต้องไม่เกิน 10 MBถ้าไฟล์เกิน ระบบจะปฏิเสธและถือว่าไม่มีการยื่นเอกสารใดๆ ต้นฉบับเอกสารและสำเนาเอกสารที่ต้องส่งให้แก่ศาลและคู่ความฝ่ายอื่น โจทก์ต้องส่งให้ศาลก่อนหรือภายในวันนัดพิจารณานัดแรก
การยื่นฟ้องทางระบบอิเล็กทรอนิกส์จะถือว่าเสร็จสมบูรณ์เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินทุกประเภทครบถ้วนตามที่กำหนดเช่นค่าธรรมเนียมศาล ค่าส่งคำคู่ความ ค่าใช้จ่ายการดำเนินคดีโดยผ่านระบบชำระค่าสินค้าและบริการ(Bill Payment) ตู้เอทีเอ็มเคทีบี ออนไลน์ (KTB Online) ของธนาคารกรุงไทย
โจทก์สามารถยื่นฟ้องและส่งเอกสารทางระบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมหลักฐานการชำระเงินได้ตลอดเวลาที่ระบบเปิดใช้งานนับได้ว่าเป็นการอำนวยความสะดวกอย่างยิ่ง แต่หากยื่นเกินเวลา 15.00 นาฬิกา ให้ถือเป็นการยื่นในเวลาหรือวันทำการแรกที่ศาลเปิดทำการปกติถัดไป
หลังจากนั้นศาลจะแจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบทางบริการส่งข้อความสั้น (SMS) ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ซึ่งถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งแล้ว ทั้งนี้ก่อนหรือภายในวันนัดพิจารณา โจทก์มีหน้าที่ต้องลงลายมือชื่อในคำฟ้องที่ศาลจัดพิมพ์ออกจากระบบแล้ว
แม้ศาลแพ่งธนบุรีจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่เมื่อใดที่พบว่ามีเหตุจำเป็นที่อาจทำให้ไม่มีความปลอดภัยในการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่อาจดำเนินการปิดซ่อมแซมระบบเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
การฟ้องคดีผู้บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้นในแต่ละปี จากข้อมูลของสำนักงานศาลยุติธรรม ปีพ.ศ. 2557 มีการยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคทั่วราชอาณาจักร 452,674 คดี ปีพ.ศ. 2558มี 521,426 คดี ช่วงครึ่งปีแรกของปีพ.ศ. 2559 มีไม่ต่ำกว่า 300,000 คดี
คดีผู้บริโภคเป็นคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันการอำนวยความสะดวกในการยื่นฟ้อง ย่อมมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาปกป้องสิทธิของตนมากขึ้น ย่อมมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการบางราย
บางประเทศ เช่น สิงคโปร์ อินเดีย มีกระบวนการพิจารณาคดีที่ทำได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องใช้แบบฟอร์มศาลในการยื่นฟ้อง โดยใช้ระบบที่เรียกว่า ระบบการดำเนินคดีโดยไร้เอกสาร (Paperless Litigation System) คู่ความสามารถยื่นคำฟ้อง คำร้องต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่จำเป็นต้องร่างคำฟ้อง คำร้องต่างๆ ลงในแบบฟอร์มศาล ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ต่างจากไทยที่ต้องใช้แบบฟอร์มศาลในการยื่นฟ้องหรือคำร้องต่างๆ
การที่ศาลแพ่งธนบุรีนำร่องเปิดบริการยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถือได้ว่าเป็นการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ในอนาคตอันใกล้ศาลยุติธรรมจะเร่งปรับปรุง พัฒนา ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ศาลทั่วประเทศจัดเก็บข้อมูลคดีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ง่ายต่อการสืบค้น ทั้งเมื่อสืบพยานบุคคลในศาลชั้นต้น จะบันทึกวีดิทัศน์ (video) นอกเหนือจากการบันทึกคำพยานเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่ศาลสูงจะได้ใช้ประกอบการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่า พยานบุคคลนั้นมีความน่าเชื่อถือเพียงใด มีอากัปกิริยาหรือมีพิรุธใดๆ หรือไม่
นับว่าเป็นก้าวใหม่ของระบบศาลไทยที่จะเป็นศาลยุติธรรม 4.0 ในยุคประเทศไทย 4.0
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี