เนื่องมาจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้คนไทยและเยาวชนไทยสนใจการอ่านหนังสือมากขึ้นอย่าเป็นแค่สังคมก้มหน้าจะสมาธิสั้น และรู้ไม่จริง
ผมได้ยกตัวอย่าง การอ่านหนังสือ เป็นการกระตุ้นให้ลูกศิษย์ ทั้งระดับปริญญาเอก หรือระดับหลักสูตรผู้นำต่างๆ ให้อ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องรวมทั้งที่ กฟผ. ได้ทำมา 4-5 รุ่นแล้ว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์3 รุ่น ที่ PSU 3 รุ่น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 1 รุ่น ด้วย
โดยเฉพาะความสำเร็จในการอ่านหนังสือเป็นกลุ่ม โดยแบ่งแต่ละกลุ่มอ่านกันกลุ่มละบทแล้วมาวิจารณ์ร่วมกันคือให้วิจารณ์กันเอง มีผมกับคุณพิชญ์ภูรี จันทรกมลช่วยกันสรุปและวิจารณ์ว่าตัวเองได้อะไร องค์กรได้อะไร ประเทศชาติได้อะไร เป็นการสอดคล้องกับหลักสูตรที่เรียนรู้ทำไปนานๆ ผมก็มีความชำนาญมากขึ้น ทำให้คิดและวางแผนเลือกหนังสือดีๆ จาก Kinokuniya บ้าง ซึ่งทางร้านกรุณาสนับสนุนให้ Sponsor อยู่แล้ว รวมทั้งเลือกจากร้านเดิมของผม Asiabook ด้วย
ต่อมาได้ขยายไปออกทีวีด้วยทำให้ผู้ชมได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น เพราะแม้ว่าไม่ได้อ่าน แต่ได้ฟังคนอ่านมาวิจารณ์ ถือว่าได้ความรู้ไปด้วย อ่านเองก็ดีแต่มีคนอื่นช่วยอ่านสร้างมุมมองใหม่ ก็เป็นประโยชน์ดี
ผมเองชอบมากเพราะมีลูกศิษย์เก่งๆ มาช่วยอ่านและร่วมวิจารณ์ เช่น ที่คณะแพทยศาสตร์ม.อ. 3 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีหัวหน้างานที่ภาษาอังกฤษไม่ดีนักมาเรียนร่วมกัน ระดับผู้ใหญ่ อาจารย์หมอ หรือระดับ PhD. ช่วยกระตุ้นให้หัวหน้างานที่อ่อนภาษาอังกฤษได้ประโยชน์ไปด้วยเพราะได้ฟังและได้แรงกระตุ้น ทำให้ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย ทำให้เขาตื่นเต้นที่ได้รับฟังและสร้างพลังให้เขามองได้กว้างและลึกซึ้งมีคุณค่ามากๆ เลย
ล่าสุดทำวิธีนี้ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปรากฏว่าคุณภาพการอ่านและวิจารณ์สูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากมีอาจารย์ผู้ใหญ่คณะพยาบาลศาสตร์มาเรียนแล้ว ยังมีคณะพันธมิตร เช่น คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัยคณะอุตสาหกรรมเกษตร มาช่วยกัน ทำให้เกิด ValueDiversity สูงขึ้น สร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่อง ผมมั่นใจว่าระดับปริญญาตรี หรือระดับมัธยมก็จะได้ประโยชน์ถ้ามีการกระตุ้นให้อ่านอย่างเป็นทีมและมีการนำเสนอด้วย
วันนี้ผมขอเสนอปรากฏการณ์ใหม่สองเรื่อง คือ FinTech เทคโนโลยีทางการเงิน และ EdTech เทคโนโลยีการศึกษา ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การเงินและการศึกษาของเมืองไทยเปลี่ยนไปมาก
เรื่อง FinTech คือเทคโนโลยีทางการเงิน การทำธุรกรรมทางการเงินใช้ Smart Phone ใช้ระบบ Online มากขึ้นอันตรายมี 2 อย่าง
- คนทำงานธนาคารตกงานมากขึ้น งานทางธนาคารขยายตัวด้าน IT หรือ Digital มากขึ้น แต่งานที่ไม่ใช้ IT หรือ Digital ต่อระบบการเงินจะจ้างงานน้อยลง ธนาคารไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากๆ เหมือนเดิมหรืออาจจะไม่มีธนาคารแบบต้องการสำนักงานหรือสาขา
- คนไทยที่ใช้ Smart Phone ไม่เก่งเป็นแค่โทรออกหรือเล่น Facebook จะลำบากมากขึ้นในการทำธุรกรรมทางการเงินจาก Smart Phone
ที่อันตรายมากไปกว่านั้นคือ EdTech (เทคโนโลยีทางการศึกษา) ซึ่งล่าสุด หนังสือ Economist เล่มใหม่บอกว่าการเรียนรู้ยุคใหม่จะเปลี่ยนอย่างมาก แต่ในหนังสือของEconomist, EdTech ไม่ได้เปลี่ยนแบบที่เราเข้าใจ การหาข้อมูลจาก Google นั้นเรียกว่า Search ข้อมูล แต่ EdTech คือการสร้าง Program Software เป็นการศึกษาที่เหมาะกับการเรียนรายบุคคลตามถนัด ซึ่งขณะนี้มีหลายแห่งกำลังดำเนินการอยู่ทั้งมหาวิทยาลัยดังๆ ทั่วโลกเช่น Harvard, MIT และ Stanford หรือ ธุรกิจ Online เช่น Google หรือ Facebook ก็สนใจเรื่อง EdTech อันเป็นที่มาของบทความพาดหัวของ Economist แปลว่าการศึกษายุคต่อไปจะเปลี่ยนอย่างมากมาย การเรียนรู้ก็จะปรับอย่างมาก ดูจากบทความดังกล่าว ผมกำลังวิตกว่าคนไทย ครูไทย และเด็กไทย รวมทั้งผู้กำหนดนโยบายการศึกษาจะปรับตัวทันหรือไม่ เพราะปัญหาหลักมีอยู่ 3 เรื่อง
1.ถึงจะมี EdTech มากขึ้น ปัญหาคือ เด็กไทยจะเรียนรู้ได้อย่างไร ให้ผสมกันระหว่างวิธีใหม่กับวิธีเดิม
2.จะเกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นหรือไม่ ในปัญหาของการศึกษาไทยโรงเรียนที่มีคุณภาพไม่มาก โรงเรียนยากจน และที่ขาดโอกาสมีจำนวนมาก ปัจจุบันช่องว่างก็กว้างอยู่แล้ว EdTech จะทำให้ช่องว่างมากขึ้นหรือไม่ สร้างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามากขึ้นหรือไม่
3.ครู ยุคใหม่จะต้องปรับตัว ครูที่เก่งคงปรับตัวได้ดี และรับเอา EdTech มาใช้ได้ แต่ครูที่ไม่เก่งอาจจะไม่ยอมรับ EdTech ทำให้ครูแบ่งเป็นสองกลุ่ม
การนำเอา EdTech มาใช้ต้องปรับวิธีการสอนครูให้เข้ากับ EdTech ปัญหาคือครูของเรามีคุณภาพพอเพียงและจัดการกับ EdTech ได้หรือไม่
สำหรับผมเอง การผสมกันระหว่าง Technology กับการเรียนแบบ Face to Face ตัวต่อตัว และการเรียนเป็น Team ยังสำคัญกว่า เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กได้เรียนอย่างสนุก แบบ 2R’s ยังจำเป็นอยู่ ทำอย่างไรให้มีครูเก่งทาง Technology และเก่งในด้านสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กอยากเรียนมีความสุขด้วย
EdTech ต้องสร้างบรรยากาศให้เด็กนักเรียนได้ปะทะกันทางปัญญา การเรียนเป็นกลุ่ม โดยเน้นความหลากหลายของความคิด โดยเรียนเป็นทีมใช้การ Learn, Share, Care ทำอย่างต่อเนื่อง การเรียนเป็นทีม ผมทำมาแล้วและสำเร็จ ทั้งระดับบนและระดับล่าง
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี