นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย 2-3 วันนี้ รับแขกบ้านแขกเมืองกันเรียกว่าหัวบันไดทำเนียบไม่แห้ง วันวานนายแร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแวะมาเยือนห้าชั่วโมงก่อนบินจากไป วันนี้นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ก็มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการนานสองวัน
การเยือนประเทศไทยของมหามิตรสองชาติที่เป็นคู่กรณี ต่างมาเยือนด้วยความตั้งใจหาพวกพ้องในที แต่ทำหน้าที่แตกต่างกัน นายทิลเลอร์สัน เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดของสหรัฐ ที่มาเยือนประเทศไทยหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจเมื่อ 3 ปีก่อน การยึดอำนาจจากรัฐบาลเด็กดีของนักการเมืองอเมริกัน ทำให้เกิดความบาดหมางทางการเมือง ดังนั้นภารกิจของตัวแทนจากวอชิงตัน คือ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ แต่ดังที่คนทั่วไปคาดหมาย อเมริกันก็คืออเมริกัน ที่ไม่มีวันลดความโอหัง มาถึงออกคำสั่งทำตัวดังเป็นนายใหญ่
ในการเยือนครั้งนี้ นายทิลเลอร์สันเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่รัฐบาลให้คำตอบว่า เราพร้อมปฏิบัติตามมติมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่ให้คว่ำบาตรเกาหลีเหนือจากกรณีเปียงยาง ฝืนข้อห้ามของสหประชาชาติโดยการทดลองขีปนาวุธ 4 ครั้ง ในห้วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมามติมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่ทั้ง 15 ประเทศให้การรับรองเป็นเอกฉันท์ คือไม่ให้ซื้อขายถ่านหิน แร่ธาตุเหล็ก และจ้างชาวเกาหลีเหนือทำงาน
แต่กับประเทศไทยนายทิลเลอร์สัน กดดันให้รัฐบาลทำนอกเหนือจากมติมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติดังที่ซูซาน ธอร์นตัน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายเอเชียแปซิฟิก บอกกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินระหว่างเดินทางมากรุงเทพฯว่า “สหรัฐต้องการให้ประเทศไทยตัดเส้นทางการเงินของเกาหลีเหนืออย่างเข้มข้น ถึงแม้ประเทศไทยไม่ได้ค้าขายเป็นทางการกับเปียงยางเหมือนกับ เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย แต่ประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลางเส้นทางผ่านการเงินที่สำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือในภูมิภาคอาเซียน มีบริษัทบังหน้าทำธุรกรรมการเงินให้เกาหลีเหนืออยู่หลายแห่ง และบริษัทที่จัดการบริหารการเงินให้เปียงยางเหล่านี้ก็เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสถานที่บ่อยๆ หมุนเวียนอยู่ในประเทศไทย สหรัฐจึงต้องกดดันให้ไทยปฏิบัติการตัดเส้นทางการเงินอย่างเข้มข้นและจริงจัง..”
..“นอกจากกดดันให้ประเทศไทยตัดเส้นทางการเงินที่ไหลผ่านไปเปียงยางแล้ว สหรัฐฯยังต้องการให้ประเทศไทยรับผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือไว้ในประเทศให้มากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยรับได้...” นี่มันไม่ใช่เป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศเสรีที่มีอธิปไตยสมบูรณ์ แต่เป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ฉันเจ้านายกับลูกน้อง เรื่องความซับซ้อนของธุรกรรมการเงิน สหรัฐเป็นผู้เชี่ยวชาญมากที่สุดและมีสายลับมีซีไอเออยู่ทุกหัวระแหงซึ่งถ้ามีจริง สหรัฐจัดการเองได้ทำไมต้องให้รัฐบาลไทยเอามือไปซุกหีบ นายทิลเลอร์สัน เองก็ได้ยินนายรี ฮงโย รมต.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ พูดในที่ประชุม ARF แล้วใช่ไหมว่า “เราไม่มีเจตนาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือข่มขู่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อประเทศใดๆ ทั้งนี้ยกเว้นเพียงสหรัฐอเมริกา นอกเสียจากว่าประเทศนั้นจะเข้าร่วมกับสหรัฐเพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือ”
ส่วนเรื่องรับผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือไว้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของประเทศไทยที่ต้องทำตัวเป็นม้าอารีโง่ๆ อีกต่อไป เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า อเมริกาคือหัวขบวนใหญ่ที่จัดการให้ประชาชนในประเทศต่างๆ ที่เป็นปรปักษ์กับสหรัฐหนีออกจากประเทศ สหรัฐทำสงครามจิตวิทยาปลุกระดมให้ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ไปอยู่เกาหลีใต้ไปประเทศที่สามและสหรัฐอเมริกา เพียงเพื่อสร้างภาพให้ชาวโลกเห็นว่าผู้นำเกาหลีเหนือเป็นเผด็จการ กดขี่ข่มเหงจนประชาชนอยู่ไม่ได้ สหรัฐฯปลุกระดมยุยงให้มุสลิมอุยกูร์ก่อขบถในมณฑลซินเจียง จัดการให้ชาวอุยกูร์หนีออกนอกประเทศเพื่อจะได้ประจานว่า รัฐบาลจีนกดขี่ข่มเหง นั้นคือแผนการชั่วร้ายของสหรัฐอเมริกา แล้วสร้างภาระให้ประเทศไทยรับเลี้ยงคนที่สหรัฐฯยุยงให้หนีออกนอกประเทศ ในข้ออ้างมนุษยธรรมจอมปลอมของวอชิงตัน
นอกเหนือจากที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแล้ว นายทิลเลอร์สันได้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-อเมริกา ให้เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯฟังว่า “เราต้องการเห็นประเทศไทยพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ที่รับประกันสิทธิพื้นฐานในประเทศ และมีบทบาทสำคัญด้านความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอาเซียน..” โฆษกสถานทูตสหรัฐกล่าวเสริมว่า นายทิลเลอร์สันไม่ได้พูดถึงรายละเอียดในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่พูดกว้างๆ ว่าไทยได้ดุลการค้าสหรัฐอเมริกากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ เป็นเรื่องได้เปรียบทางการค้าที่ต้องเจรจากันต่อไป
คำพูดของนายทิลเลอร์สัน แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีบทบาทและยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคอาเซียนที่สหรัฐต้องพึ่งพา แต่ด้วยความทะนงกับนโยบายที่ว่า “อเมริกาต้องกลับมายิ่งใหญ่” ทำให้การเยือนไทยที่น่าจะมีความหมายกลายเป็นการเยือนของเจ้านายมาสั่งให้บริวารสนองตัณหา จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ต้องใช้เหตุผลพิจารณาว่าจะสนองตัณหาของนายใหญ่ หรือจะบอกว่าไทยเป็นประเทศเสรีที่เคารพมติสหประชาชาติแต่ไม่ใช่ทาสอเมริกา
เสร็จจากการรับคำสั่งนายทิลเลอร์สัน วันนี้รัฐบาลมีภารกิจต้อนรับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่มากระชับความสัมพันธ์ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนจะพบกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เพื่อหารือการพัฒนาความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศรวมถึงความร่วมมือทางการเมือง เศรษฐกิจ และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
รัสเซีย ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตรอย่างรุนแรงจากข้อกล่าวหาว่าเข้าไปแทรกแซง การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่มาของชัยชนะเหนือความคาดหมายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แปลกไหมเล่นการเมืองภายใน แพ้ชนะฉ้อโกงทุจริตกันเองภายในบ้านแล้วพาลโวยวายให้รัสเซียเป็นแพะรับบาป เมื่อถูกคว่ำบาตรจากยุโรป-อเมริกา รัสเซียต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อระบายซื้อขายสินค้ากับประเทศอาเซียน ดังที่นายเองการ์เตีย สโตลูกิตา รัฐมนตรีการค้าอินโดนีเซียกล่าวว่า “รัสเซียกำลังแสวงหาตลาดการค้าแหล่งใหม่และเราก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือ”
รัฐมนตรีการค้าอินโดนีเซีย บอกสำนักข่าวเอเอฟพีว่าระหว่างที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเยือนอินโดนีเซีย 2 วัน รัสเซีย-อินโด ได้ทำเอ็มโอยูซื้อขายสินค้าต่างตอบแทนกันหลายฉบับ การซื้อขายต่างตอบแทนรวมถึงรัสเซียขายเครื่องบินรบ Sukhoi 11 ลำ เป็นการค้าต่างตอบแทนกับน้ำมันปาล์ม กาแฟ และชา จากอินโดนีเซีย “รัสเซียทำวิกฤติจากการคว่ำบาตรในยุโรปอเมริกา ให้เป็นโอกาสโดยมาทำการค้าทดแทนกับอาเซียน” ลูกิตา บอกสำนักข่าวเอเอฟพี
นั้นคือภารกิจที่แตกต่างผู้แทนจากรัสเซียกับผู้แทนสหรัฐอเมริกา เพราะขณะนายเซอร์เก ลาฟรอฟ แสวงหาตลาดการค้าทดแทนการคว่ำบาตรจากอเมริกาและตะวันตก แต่นายแร็กซ์ ทิลเลอร์สัน กลับเที่ยวเรียกร้องข่มขู่กดดันให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคประณามเกาหลีเหนือและคว่ำบาตรเปียงยางอย่างเข้มข้น ในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาเซียนเพียงแต่รับปากจะปฏิบัติตามมติมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ส่วนการเรียกร้องให้ประณามเกาหลีเหนือ ที่ประชุมอาเซียนเพียงออกแถลงการณ์ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดกลั้น ไม่สุมไฟความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้นไปอีกและเรียกร้องให้เปิดการประชุม 6 ฝ่าย อันประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐ รัสเซีย เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ให้เปิดการเจรจาขึ้นมาใหม่ หลังจากการเจรจาที่ว่าด้วยการให้เกาหลีเหนือยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ชะงักไปกว่าสิบปี
นายทิลเลอร์สัน ซึ่งล้มเหลวจากความพยายามให้ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ออกแถลงการณ์ประณามจีนเนื่องมาจากข้อพิพาททะเลจีนใต้ และล้มเหลวที่ไม่สามารถยุยงให้ประเทศใดในที่ประชุมความมั่นคงในภูมิภาค (Asean Regional Forum) กระทำการใดๆนอกเหนือจากมติมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติได้ ความเก็บกดทั้งหมดจึงมาตกที่ประเทศไทย โดยการสั่งให้รับผู้อพยพเกาหลีเหนือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และให้ตัดเส้นทางการเงินเกาหลีเหนือที่กล่าวหาว่ามีศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทย พฤติกรรมอย่างนี้เรียกว่ามาสร้างความสัมพันธ์หรือมาบัญชา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี