การประชุมคณะกรรมการบริหารระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดบริหารอีอีซี) ได้รับทราบผลการศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินอู่ตะเภา สุวรรณภูมิ และดอนเมือง แบบไร้รอยต่อ ของกระทรวงคมนาคม
โครงการนี้ รถไฟความเร็วสูงจะวิ่งรับส่งผู้โดยสาร จากสนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน และใช้เวลาเดินทางระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินอู่ตะเภา 45 นาที โดยมีสถานีมักกะสันเป็นสถานีกลางของรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
กรอบวงเงินลงทุน 280,000 ล้านบาท กำหนดรูปแบบให้เอกชนลงทุนทั้งหมด
ประกอบด้วย การลงทุนก่อสร้างและให้บริการรถไฟความเร็วสูง ประมาณ 200,000 ล้านบาท และรัฐลงทุนพัฒนาสถานีมักกะสัน และพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟความเร็วสูงอื่นอีกประมาณ 80,000 ล้านบาท
กำหนดราคาค่าโดยสาร 500 บาทต่อเที่ยว สำหรับเส้นทางด่วนพิเศษดอนเมือง-อู่ตะเภา และ 300 บาทต่อเที่ยว สำหรับเส้นทางด่วนพิเศษสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา
นอกจากนี้ ยังมีรถธรรมดาจอด 10 สถานีระหว่างทาง ขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตนอกเมืองและ 160 กิโลเมตรที่ผ่านกรุงเทพฯ ชั้นใน คาดการณ์ว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้จะสามารถประกาศเชิญชวนนักลงทุนได้ภายในปลายปี 2560
1. ในอดีต สมัยที่ผมเป็นกรรมการของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (บอร์ด ทอท.) ขณะนั้น สนามบินดอนเมืองถูกปิดดำเนินการ ด้วยนโยบายสมัยรัฐบาลทักษิณ ที่อ้างว่า“ซิงเกิ้ล แอร์พอร์ต” ทำให้การเปลี่ยนเครื่องบินสะดวก ให้ย้ายการบินไปที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด โดยที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี และพื้นที่พาณิชย์ทั้งหมดในสุวรรณภูมินั้นเป็นสัมปทานของคิงเพาเวอร์
ขณะนั้น ผมพยายามชี้แจงเหตุผลเพื่อสนับสนุนให้สนามบินดอนเมืองสามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป เพื่อมิให้เสียโอกาส เสียประโยชน์ของประเทศชาติ แต่มีข้ออ้างของกรมการบินพาณิชย์ แย้งว่าจะเกิดอันตราย สนามบินใกล้กัน เครื่องบินขึ้น-ลงตัดกัน อาจจะเกิดอุบัติเหตุ ผมก็ได้แต่พยายามชี้ว่า ในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ เมืองเดียว มีสนามบิน 2 -3 แห่ง ไม่ไกลกัน ก็บริหารจัดการการจราจรทางอากาศได้อย่างปลอดภัย
ตอนนั้น ผมเสนอว่า เมื่อเปิดดำเนินการสนามบินดอนเมืองแล้ว ก็สามารถสร้างรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และถ้ามีอู่ตะเภาอีก ก็เชื่อมอู่ตะเภาด้วย แล้วก็ชี้ด้วยว่า การเชื่อมด้วยรถไฟจะทำให้การต่อสนามบินทำได้สะดวก เพราะแม้แต่สนามบินต่างประเทศใหญ่ๆ อาคารผู้โดยสารห่างกัน ยังใช้รถไฟเชื่อมระหว่างอาคาร เพราะฉะนั้น แม้หลายสนามบินก็จะกลายเป็นเสมือนสนามบินเดียวกันได้ หากมีระบบรถไฟเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ
แนวทางในความคิดขณะนั้น คือ รถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อโดยตรงระหว่างสนามบิน เพื่อประหยัดเวลามากที่สุด ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อสูงที่สุด
2. แต่แนวทางของโครงการที่ปรากฏล่าสุด คือ รถไฟฟ้าความเร็วสูงจะวิ่งจากสนามบินดอนเมือง ไม่ได้ตรงดิ่งไปที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย แต่จะวิ่งแฉลบเข้าเมืองไปที่สถานีมักกะสัน ก่อนจะวิ่งต่อไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ และไปสนามบินอู่ตะเภา ตามลำดับ
แน่นอน การแวะรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีมักกะสัน เข้าสู่กลางเมืองกรุงเทพฯ ย่อมเป็นประโยชน์ ทำให้ฐานผู้โดยสารกว้างขึ้น ทั้งคนที่เข้าเมือง คนที่ออกจากเมือง โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้จะเดินทางไปต่อเครื่องบินเท่านั้น ย่อมจะทำให้ผู้โดยสารใจกลาง กทม. ไม่ว่าจะเดินทางไปดอนเมือง สุวรรณภูมิ หรืออู่ตะเภา สามารถทำได้ง่าย สะดวกขึ้น นับว่าพอจะมีเหตุผลรับฟังได้
3.ข้อสังเกตสำคัญ คือ ที่ดินตรงมักกะสันนั้น การรถไฟเวนคืนมาจากประชาชน ตั้งแต่ปี 2450 สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้ในกิจการรถไฟ เพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นอู่ซ่อมสร้างรถไฟที่มักกะสัน
ปัจจุบัน เนื้อที่ 497 ไร่ ย่านมักกะสันนี้ เป็นที่ดินทำเลทองผืนใหญ่ ใจกลางกรุงเทพมหานคร แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าและศูนย์กลางการคมนาคม ทั้งสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นักธุรกิจจ้องตาเป็นมัน รัฐบาลที่แล้วเคยคิดจะใช้ทำเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์
ผมเคยตั้งข้อสังเกตว่า ที่ดินใช้เพื่อกิจการรถไฟตามการเวนคืน ได้มาด้วยการใช้อำนาจรัฐบังคับเอา ผ่านการออกเป็นกฎหมายเวนคืนในอดีต หากไม่ได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ในกิจการรถไฟ เพื่อสาธารณประโยชน์เดิมแล้ว รัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะนำไปใช้เรื่องการค้าพาณิชย์อื่นไม่ได้ จะต้องคืนประชาชน มิฉะนั้น จะกลายเป็นว่า บังคับเวนคืนเอาที่ดินจากชาวบ้านรายหนึ่ง แต่สุดท้าย ไม่ได้ใช้ในกิจการรถไฟเพื่อสาธารณประโยชน์ กลับเอาไปแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน แบ่งปันกัน กับเอกชนอีกรายหนึ่ง เกิดปัญหาความถูกต้องเป็นธรรม
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี