เดือนสิงหาคมนี้ เจ้าหน้าที่ทูตจากประเทศตะวันตก องค์กรสิทธิมนุษยชนตลอดจนองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพสากลเคลื่อนไหวในประเทศไทยคึกคักเป็นพิเศษ วันที่ 1 ส.ค. แห่กันไปสังเกตการณ์แถลงการณ์ปิดคดีจำนำข้าวที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย วันที่ 4 ส.ค. ไปสังเกตการณ์พิจารณาคดีไผ่ ดาวดิน วันที่ 5 ส.ค. ติดตามสอบสวนกรณีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำร้ายร่างกาย
ในการแถลงปิดคดีจำนำข้าว เจ้าหน้าที่ทูตและองค์กรต่างๆ จากประเทศตะวันตก พอใจที่จำเลยแถลงว่า“ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างล้ำลึก”ดีใจที่จำเลยแถลงว่า “ไม่ได้ทำอะไรผิด”เหนือสิ่งอื่นใดผู้แทนจากประเทศตะวันตกชื่นใจที่เห็นมวลชนยังคงสนับสนุนจำเลยอย่างเนืองแน่น แต่ความพึงพอใจของตัวแทนจากประเทศตะวันตกต้องมลายหายไปเพราะบากบั่นไปถึงขอนแก่น แต่ไม่ได้ให้กำลังใจ นายจตุภัทร์บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เพราะเป็นการพิจารณาลับ
สำนักข่าวต่างประเทศ ที่ร่วมคณะกับตัวแทนประเทศตะวันตกรายงานว่าทุกคนผิดหวังที่ไม่ได้เข้าไปให้กำลังใจจำเลย บีบีซีภาษาไทย ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้นายจตุภัทร์ถูกดำเนินคดี เพราะเป็นผู้เสนอรายงานข่าวบิดเบือนย่ำยีหัวใจคนไทยทั้งชาติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา และนายจตุภัทร์แชร์บทความไม่บังควรชิ้นนี้ในเฟซบุ๊คส่วนตัว บีบีซีภาษาไทย ประโคมข่าวว่าตัวแทนขององค์กรระหว่างประเทศเรียกร้องให้พิจารณาคดีเปิดเผย
การเรียกร้องให้พิจารณาคดีเปิดเผยเป็นเล่ห์ร้ายของ บีบีซีภาษาไทยที่เตรียมจะนำคำให้การในศาลมาเผยแพร่ตอกย้ำความชั่วร้ายที่ตัวเองได้เสนอไว้เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ไม่ได้ซ้ำเติมประเทศไทยสำนักข่าวเอพีกับบีบีซีไทย ก็ได้วิจารณ์ว่านายจตุภัทร์ คือตัวอย่างหนึ่งของการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ทำลายคู่ฝ่ายตรงข้ามและปิดปากผู้วิจารณ์สถาบัน
นายจตุภัทร์ ถูกขังระหว่างดำเนินคดีตั้งแต่เดือน พ.ย. 2559 บอกผู้สื่อข่าวผ่านลูกกรงว่ายังเข้มแข็งในการเผชิญหน้ากับพยานโจทย์ซึ่งเป็นทหารยศพันเอก เขาบอกสำนักข่าวเอพีว่า “ผมรู้สึกเฉยๆ เพราะรู้ว่าเขาทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้ต่อต้านเขา แต่ผมต่อต้านระบอบ” วันที่ 15 ส.ค. องค์กรนิรโทษกรรมสากล ฮิวแมนไรท์วอทช์ และผู้แทนประเทศตะวันตก ออกแถลงการณ์ตำหนิรัฐบาลทหารว่าเลือกบังคับกฎหมายกับผู้ต่อต้านคสช.เป็นเหตุให้ศาลตัดสินจำคุกนายจตุภัทร์สองปีหกเดือน ฐานละเมิดมาตรา 112
เสร็จจากให้กำลังใจ ไผ่ ดาวดินตัวแทนองค์กรต่างๆ จากประเทศตะวันตกและสื่อเจ้าประจำ บีบีซีภาษาไทย ก็กลับมาให้ความสำคัญกับการเสนอข่าวในเชิงสืบสวนสอบสวน กรณีลากคอเด็กเหลือเดน ออกมาจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้พยายามทำลายประเพณีถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล ซึ่งตัวแทนจากประเทศตะวันตกถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน
การหมอบกราบพระมหากษัตริย์พระบรมราชานุสาวรีย์ และพระบรมศพเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาหลายร้อยปีการหมอบกราบที่กระทำด้วยความเคารพรักศรัทธาซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณคนไทยหมอบกราบด้วยความรักเทิดทูนศรัทธา สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสองร้อยกว่าวันที่ผ่านมาคนไทยเกือบเก้าล้านคน ได้หลั่งไหลกันเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศไม่ขาดสาย หลายล้านคนต้องทนแดดทนลมทนฝนนานนับสิบชั่วโมงเพื่อให้ได้กราบถวายบังคมพระบรมศพเพียงไม่กี่วินาที
ประหลาดใจที่ตัวแทนจากประเทศตะวันตกและสื่อบางสำนัก กลับให้ความสำคัญกับเด็กกากเดนสองสามคนที่พยายามแสดงอาการต่อต้าน จาบจ้างล่วงละเมิดต่อสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ น่าสังเกตว่าตัวแทนของประเทศตะวันตกและองค์กรสิทธิมนุษยชน มักสนใจให้การสนับสนุนอุปถัมภ์ค้ำชู บุคคลหรือคณะบุคคลที่ถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นข้อหาต่อต้านสถาบันหลักของชาติ ฤาประเทศตะวันตก มีส่วนได้ส่วนเสียกับคอร์รัปชั่นและการทำลายความมั่นคงในประเทศเป้าหมาย นี้เป็นคำถามที่คนเวียดนามหาคำตอบอยู่ในปัจจุบันนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมาว่าความสัมพันธ์เยอรมนี-เวียดนาม ร้าวฉานอย่างรุนแรงเมื่อรัฐบาลเยอรมนีกล่าวหาว่า หน่วยสืบราชการลับของเวียดนามได้ลักพาตัวนายตรินห์ ซวน แทน ชาวเวียดนามที่กำลังจะได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในเยอรมนี สื่อเยอรมันรายงานว่าหน่วยสืบราชการลับเวียดนาม ได้ลักพาตัวนายตรินห์ไปจากสวนสาธารณะกลางกรุงเบอร์ลิน และด้วยการช่วยเหลือของสถานทูตเวียดนาม หน่วยสืบราชการลับได้พาตัวนายตรินห์หลบหนีกลับประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี