เวลานี้ ผู้คนสนใจกันมากว่า วันที่ 25 สิงหาคม จะมีการลงโทษผู้กระทำผิด ทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปะละเลย ทำให้ชาติต้องเสียหายเป็นตัวเงิน มากกว่า 500,000 ล้านบาท แล้วยังมีความเสียหายจากการทำลายระบบการค้าข้าวในประเทศ สูญเสียตลาดข้าวต่างประเทศอีกมหาศาล
เราจำเป็นต้องกลับมาทบทวนว่า นโยบายการแทรกแซงตลาดและราคาข้าวของรัฐบาล ควรจะต้องยุติอย่างถาวรหรือไม่และจะต้องหันมาดูแลเอาใจใส่ด้านการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิต หรือเพิ่มผลผลิตต่อไร่ของการปลูกข้าวของไทย เพื่อให้เรายังสามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ในระยะยาวแม้ราคาตลาดโลกจะลดลงเราก็สามารถต่อสู้แข่งขันกับประเทศอื่นได้
มิเช่นนั้น ทุกปี พอถึงเดือนกันยายน ตุลาคม เรามักจะพูดถึงนโยบายข้าวอย่างซ้ำซาก วนเวียนเปลี่ยนนโยบายแต่เพียงการแทรกแซงด้วยการรับซื้อ หรือล่าสุดเรียกว่า “จำนำข้าว”
มหาวิทยาลัยรังสิตได้ใส่ใจในปัญหานี้ และได้มอบหมายให้ผมเป็นประธานกรรมการปฏิรูปและพัฒนานโยบายข้าวของไทย โดยมีโจทย์ที่สำคัญ คือ เราจะปฏิรูปนโยบายให้สมจริง เพื่อให้ไทยเป็นแชมป์ส่งออกข้าวในระยะยาว อย่างยั่งยืน ได้อย่างไร?
1. รัฐบาลสามารถกำหนดนโยบายได้ 2 แนวทาง คือ
ด้านการตลาดและราคา
ด้านการผลิตและต้นทุนการผลิต
2. การแทรกแซงตลาดที่ล้มเหลวซ้ำซาก
ในอดีต เราใช้วิธีการแทรกแซงตลาด โดยการให้หน่วยงานราชการรับซื้อข้าวในราคาสูง หรือที่เรียกว่า “จำนำข้าว”
แต่ผลลัพธ์ของการแทรกแซงตลาด ไม่สามารถยกระดับราคาตลาดได้ เป็นการสร้างราคาเทียมเฉพาะจุด เฉพาะที่เฉพาะเวลา แต่สูญเสียงบประมาณเกิดการโกงกิน ทุจริต อย่างมโหฬาร
3. บทเรียนที่ไม่ควรทำผิดซ้ำอีก
แม้ไทยจะเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ครองตลาดส่งออกถึง 1 ใน 3 ของปริมาณส่งออกทั้งหมด
แต่ปริมาณข้าวทั้งหมดที่เราส่งออก เมื่อเทียบกับปริมาณผลผลิตรวมของโลก ก็มีขนาดเล็กมากเพียง 2% ของปริมาณผลผลิตของโลก
เพราะปริมาณข้าวที่ซื้อขายกันระหว่างประเทศ มีสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 6% ของผลผลิตรวมของโลก
ดังนั้น เมื่อไทยส่งออก 1 ใน 3 ของปริมาณที่ค้าขายกันในโลก จึงนับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตทั้งโลก
การแทรกแซงตลาดโดยสร้างราคาเทียมในประเทศไทย จึงไม่สามารถยกระดับราคาข้าวตลาดโลกได้
ปัญหาใหญ่ คือ ถ้ายังจะกลับไปดำเนินนโยบายอย่างนี้อีก ประเทศไทยจะส่งออกข้าวได้อย่างไรในอนาคต?
4. ปฏิรูปนโยบายข้าว ตั้งเป้าหมายใหม่
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องหันกลับมาเน้นการกำหนดนโยบายด้านการผลิต เพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ได้ เราจะได้สามารถยืนเป็นแชมป์ส่งออกข้าวของโลกได้ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน
ต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ จากเดิมที่มุ่ง “ให้ชาวนาได้ราคาสูงสุด”
เปลี่ยนเป็น “ให้ชาวนาได้กำไรสูงสุด”
แต่หากมีความจำเป็นที่ต้องช่วยชาวนารายย่อยอย่างเร่งด่วนควรใช้นโยบายการประกันรายได้ที่ไม่บิดเบือนแทรกแซงกลไกตลาดโดยรัฐบาล
5. ข้อจำกัดของตลาดข้าวในอนาคต
อนาคตตลาดข้าวของโลก คงไม่ค่อยแจ่มใสนัก เพราะ
ประชากรของโลกจะเพิ่มน้อยลง
เมื่อคนมีรายได้สูงขึ้น จะบริโภคข้าวและแป้งน้อยลง
ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศผู้บริโภค ผลิตข้าวเองมากขึ้น
ราคาข้าวในตลาดโลกอาจทรงตัว หรือลดลงอย่างช้าๆ
หากต้องการอยู่รอดบนเวทีข้าวระดับโลก เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายการผลิตข้าวของไทย
จาก “ปลูกข้าวที่มีอยู่ดาษดื่น หรือข้าวโหลๆ” เป็น “ข้าวคุณภาพพิเศษ” ที่เน้น “Tasty Safety Healthy”
คือ ไม่ใช่เพียง “กินอิ่ม” แต่ “กินอร่อย” รวมทั้ง “กินแล้วปลอดภัย เสริมสุขภาพและป้องกันโรค”
6. การลดต้นทุนการผลิตข้าวของไทย
เราจะต้องเน้นนโยบายด้านการผลิต และลดต้นทุนกันอย่างไร เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปลูกข้าวแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าราคาตลาดโลกจะสูงหรือต่ำ เราก็สู้ได้
แนวทางที่สำคัญ คือ ลดต้นทุนการผลิตข้าวของไทยให้ได้
นั่นคือ จะต้องมุ่งให้ “ชาวนาได้กำไรสูงสุด” ไม่ใช่ได้ราคาสูงสุด
ต้องไม่ใช้การแจกเงินชาวนาเพื่อช่วยต้นทุนการผลิต เพราะนั่นเป็นเพียงการลดต้นทุนที่เกิดแก่ชาวนา แต่ประเทศยังมีภาระต้นทุนเท่าเดิม แต่ต้องเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ให้สูงขึ้นให้ได้
ทุกวันนี้ เราเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ แต่เรามีผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ มาก
ความจริง ชาวนาไทยที่ปลูกข้าวได้ผลผลิตต่อไร่สูงมากก็มีแต่ขณะเดียวกันเราก็มีชาวนาจำนวนไม่น้อยที่ปลูกข้าวได้ผลผลิตต่ำเพราะไม่ได้ใส่ใจประกอบอาชีพทำนาอย่างแท้จริง
เรียกว่า เรามีชาวนามืออาชีพน้อย แต่คนมีอาชีพทำนามาก
จึงจำเป็นต้องหาแรงจูงใจให้ชาวนาทำนาอย่างจริงจัง
และที่สำคัญ ต้องเรียนรู้จากชาวนาด้วยกันเอง โดยเฉพาะจากชาวนามืออาชีพ ชาวนาจะมั่นใจ ในการปฏิบัติจริง เชื่อใจในประสบการณ์ของชาวนาด้วยกันที่ประสบความสำเร็จ ได้มากกว่าเรียนรู้จากนักวิชาการ ข้าราชการ ที่อุดมด้วยทรัพยากรและงบประมาณ
7. ปัจจัยความสำเร็จของการลดต้นทุน
จะลดต้นทุนการผลิตข้าว รัฐต้องใส่ใจ เอาจริงกับนโยบาย 4 ประการ
1) เมล็ดพันธุ์
2) น้ำและดิน
3) การขนส่ง
4) การบริหารจัดการ
8. พัฒนาพันธุ์ข้าว
แม้ประเทศไทยจะสามารถวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ล้ำหน้า แต่ยังต้องพยายามพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เพียงเพิ่มผลผลิต ทนแล้งทนแมลง แต่ต้องสร้างสายพันธุ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด ที่เน้นข้าวคุณภาพ ประเภทกินอร่อย ปลอดภัย หรือเสริมสุขภาพ
9. คุณภาพดินและระบบชลประทาน
นอกจากจะต้องเร่งพัฒนาคุณภาพดิน ซึ่งแต่ละท้องที่แตกต่างกันแล้ว หากสามารถปรับระดับพื้นที่ดิน พร้อมทั้งพัฒนาคลองส่งน้ำให้ทั่วถึง โดยให้ชุมชนและท้องถิ่นร่วมกันเป็นผู้กำหนดรักษา เพื่อให้การจัดสรรน้ำมีประสิทธิภาพ
10. การจัดการน้ำ
ในขณะที่น้ำต้นทุนมีอยู่จำกัด การเก็บค่าใช้น้ำโดยองค์กรของชุมชน เพื่อนำรายได้ไปพัฒนาซ่อมบำรุงอาจจำเป็น เพราะทำให้ผู้ใช้น้ำต้องระมัดระวัง และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
11. ต้องส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวนาปรัง ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ให้ช่วงข้าวผสมพันธุ์หรือตั้งท้องตรงกับช่วงอากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด เพราะจะทำให้ได้ผลผลิตต่ำลง
การที่ชุมชนและท้องถิ่นจะได้รับข้อมูล และร่วมกันกำหนดแผนการปลูกและการส่งน้ำในเวลาที่เหมาะสมก็จะช่วยได้เป็นอย่างมาก
12. การบริหารจัดการนาข้าว
นาแปลงใหญ่ ที่ชาวนาจะร่วมกันทำนาในขนาดที่ใหญ่ขึ้น แม้จะช่วยลดต้นทุนการใช้เครื่องจักรในการไถและเก็บเกี่ยวลงได้แต่ก็อาจติดปัญหาความเป็นอิสระของชาวนาแต่ละราย แต่การทำนาแปลงรวม ที่ซื้อปัจจัยร่วมกันและขายผลผลิตร่วมกันเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน
ทั้งนี้ รัฐต้องพึงระวัง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของธุรกิจเอกชน ที่จะใช้อำนาจรัฐช่วยบังคับให้ชาวนารายย่อยต้องกลายเป็นชาวนาพันธสัญญาในนาแปลงใหญ่ที่ธุรกิจเอกชนเป็นผู้ประกอบการ
13. ลดการสูญเปล่า
ต้องหาแนวทางลดการสูญเปล่าจากการขนส่งหลังเก็บเกี่ยว
เพราะการขนส่งข้าวเปลือกที่มีความชื้น เปลือกข้าวข้าวลีบ และสิ่งเจือปน รวมกันทั้งสิ้นเกือบ 40% ของน้ำหนักการขนไปอบและสีข้าวที่โรงสีเป็นการขนส่งที่สูญเปล่า
นอกจากนี้ ในการขนส่งข้าว พบว่า ปัจจุบัน มากกว่า 90% ของการขนส่งข้าว เป็นการขนส่งทางถนน
ทั้งนี้ เพราะการขนส่งทางน้ำ แม้จะมีต้นทุนต่ำกว่า แต่ก็ติดอุปสรรคที่สะพานข้ามแม่น้ำในบางช่วงเวลา น้ำขึ้นสูง เรือลอดไม่ได้
ที่สำคัญ ประเทศของเราละเว้นไม่พัฒนาการขนส่งทางน้ำมาเป็นเวลายาวนาน
14. การจัดเกรดข้าว
จะต้องส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการจัดเกรดแบ่งชั้นข้าวเปลือก ที่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายมั่นใจในคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันที่ดูเพียงความชื้นและลักษณะเมล็ดที่บ่งบอกพันธุ์ข้าว จึงทำให้ผู้ซื้อลดความเสี่ยงด้วยการตีราคาข้าวให้ต่ำ
ในส่วนของข้าวสาร ก็จะต้องพัฒนาการจัดเกรด แบ่งชั้น ที่ดีไปกว่าการดูเปอร์เซ็นต์เมล็ดหัก สี และลักษณะของเมล็ดข้าว โดยไม่สามารถจัดเกรดตามคุณภาพการหุงต้ม คือ ความเหนียวนุ่มและความหอมได้
การจัดเกรดแบ่งชั้นที่ชัดเจน จะทำให้ข้าวเกรดที่ดีๆ จะได้ราคาสูงแตกต่างออกไป จะได้ช่วยให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวคุณภาพดี
15. ข้าวคุณภาพ
ปัจจุบันชาวนาหลายพื้นที่รวมตัวกันปลูกข้าวคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวอินทรีย์ ข้าวปลอดสารพิษ ข้าวพันธุ์พิเศษ มีโรงสีข้าวเฉพาะของตนเอง เสาะแสวงหาตลาดต่างประเทศ และในประเทศด้วยตนเอง เช่น กลุ่มชาวนาที่ยโสธร สุรินทร์ ศรีสะเกษ หรือที่หนองสาหร่าย กาญจนบุรี
รัฐบาลต้องสนับสนุน และต้องไม่กำหนดนโยบายที่ทำลาย ดังเช่นนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ไปจูงใจให้ชาวนาปลูกข้าวอะไรก็ขายได้ราคาดี ชาวนาบางรายจึงแตกกลุ่มไปปลูกข้าวคุณภาพต่ำ ใช้ปุ๋ย ใช้ยาฆ่าแมลงให้ได้ผลผลิตสูง เพราะปลูกข้าวอะไรก็ขายให้กับรัฐบาลได้ในราคาสูง ทำให้การรวมตัวของชาวนาเกือบล่มสลาย
เรือลำเล็กต้องวิ่งคู่กับเรือลำใหญ่
ถ้าจะเปรียบอุตสาหกรรมข้าวของไทย ที่มีการผลิต แปรรูป ส่งออก เป็นหลัก
เสมือนเรือลำใหญ่ ที่วิ่งช้าและวิ่งมายาวนาน
ขณะนี้ มีเรือลำเล็ก ที่ชาวนาเจาะจงปลูกข้าวคุณภาพ และจัดการเรียนรู้ที่จะแปรรูปแสวงหาตลาดด้วยตนเอง
เราจำเป็นต้องส่งเสริมเรือลำใหญ่ให้วิ่งอย่างมีประสิทธิภาพลดต้นทุน และผลิตข้าวคุณภาพสอดคล้องกับตลาดและทิศทางที่ผู้บริโภคต้องการ
ขณะที่เรือลำเล็ก น่าจะเป็นทางเลือกในการเจาะตลาดใหม่ๆ ตลาดพิเศษของคนที่มีรายได้สูงที่ต้องการข้าวคุณภาพพิเศษ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี