สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 คาบมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก โดยตลอดประวัติศาสตร์มิต้องการให้ภยันตรายใดๆ เข้ามาคุกคาม หรือให้ประเทศหนึ่งใดเข้ามามีอิทธิพล หรือแทรกแซงกิจการภายใน รวมทั้งในภูมิภาคอเมริกาเหนือและใต้ ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งเขตอิทธิพลและเขตความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา
ด้วยความเจริญก้าวหน้าและความใหญ่โตของเศรษฐกิจอีกทั้งการปลูกฝังและยึดมั่นในอุดมการณ์เสรีนิยม รวมถึงการสนับสนุนการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในต่างประเทศ ส่งผลให้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมไปทั่วโลก ขณะเดียวกันประชาคมโลกต่างหวังพึ่งพาสหรัฐฯ โดยเฉพาะบรรดาประเทศพันธมิตรที่มีอุดมการณ์และผลประโยชน์ร่วมในการเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้า สหรัฐฯจึงเป็นผู้มีอิทธิพลโลก ซึ่งเห็นได้จากการที่สามารถวางกองกำลังทัพไว้ทั่วโลก โดยแสนยานุภาพทางทหารของประเทศหนึ่งใดหรือของหลายๆ ประเทศทรวมกัน ก็ยังไม่สามารถตามก้นหรือขึ้นมาทัดเทียมสหรัฐฯได้
ในการขัดแย้งต่อกร เช่น สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและที่สอง สหรัฐฯเป็นกำลังสำคัญยิ่งที่ทำให้ฝ่ายพันธมิตรมีชัยชนะเหนือฝ่ายอักษะ จนกระทั่งถึงการที่โลกเสรีได้ชัยชนะเหนือโลกเผด็จการคอมมิวนิสต์ช่วงสงครามเย็น ก็ต้องยอมรับว่าเป็นผลงานอันสำคัญของสหรัฐฯ
ปัจจุบันเมื่อโลกก้าวย่างสู่ยุคโลกาภิวัตน์ของสภาวะไร้พรมแดน เทคโนโลยีการสื่อสาร และเทคโนโลยีการคมนาคมพัฒนาก้าวไกล สหรัฐฯก็ยังเป็นตัวนำและผู้บุกเบิกให้โลกเปิดกว้างต่อกันและกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นสหรัฐฯยังเป็นหัวหาดต่อต้านและทำลายล้างลัทธิสุดโต่งทางความคิดเชื่อถือต่างๆซึ่งควบคู่กับการใช้ความเหี้ยมโหดรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อได้มาซึ่งเป้าประสงค์ของฝ่ายเขา
ยุทธศาสตร์ชาติของสหรัฐฯจึงเป็นเรื่องของการสร้างความมั่นคงปลอดภัยต่อชายฝั่งทะเลทั้ง 2 ด้าน โดยมิให้ใครและอะไรรุกล้ำเข้ามาได้ การป้องกันตัวเองมิได้จำกัดอยู่ที่ขอบเขตชายแดนเท่านั้น แต่เป็นการป้องกันตนเองออกไปนอกอาณาเขตทุกแห่งหนในโลกกว้าง เป็นการป้องกัน ป้องปราบแบบรุกลุยไปข้างหน้า(Forward Defense) คู่ขนานไป ก็เสริมสร้างพันธมิตรและแนวร่วม ช่วงหนึ่งถึงขั้นเข้าไปสนับสนุนค้ำจุนฝ่ายเสรีประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ เพื่อล้มล้างความเป็นเผด็จการ(Regime Change) จนเกิดสงครามการเมืองหรือขยายสงครามการเมืองให้กว้างขวางหนักหน่วงยิ่งขึ้น
แต่บัดนี้ยุคของประธานาธิบดีคนใหญ่คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จัดได้ว่ายุทธศาสตร์ชาติหลักของสหรัฐฯไม่ได้เปลี่ยนแปลง หากแต่เข้มข้นขึ้นอีกด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องแสนยานุภาพทางการทหาร ที่มุ่งมั่นจะคงความเป็นหนึ่งไว้แบบมิให้มีประเทศใดตามหรือไล่ทัน และยังมุ่งมั่นขจัดความสุดโต่งและการก่อการร้าย พร้อมจะต่อกรกับประเทศหนึ่งใดที่ตั้งตนเป็นศัตรูสหรัฐฯและคุกคามประเทศพันธมิตร เช่น กรณีเกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา และอิหร่าน และยังคงกดดันประเทศที่คงความเป็นเผด็จการ หรือประเทศที่มีประชาธิปไตยถดถอยอยู่ แต่ไม่เข้มข้นเหมือนประธานาธิบดีสหรัฐฯคนก่อนๆกล่าวคือ มากน้อยขึ้นกับความกดดัน กับความโอนอ่อนผ่อนปรน หรือการคล้อยตามร่วมมือกับสหรัฐฯในเรื่องที่ตอบสนองยุทธศาสตร์หลักของสหรัฐฯ หรือตอบสนองผลประโยชน์ร่วมกัน
ที่ผ่านมา แม้ไทยมีการถดถอยของประชาธิปไตย แต่ยังมีคำมั่นสัญญาต่อประชาคมโลกว่า อีกไม่นานประชาธิปไตยจะกลับคืนมาโดยมีเส้นทางดำเนินการด้วย(Road Map) ซึ่งการลิดรอนสิทธิ การกดขี่ทำร้าย กระทำรุนแรงต่อประชาชนพลเมือง จึงทำให้ไม่มีข่าวฮือฮาฉาวโฉ่ จนไปสร้างปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงจากรัฐบาลสหรัฐฯและมิตรประเทศ มีเพียงการตอบสนองในลักษณะเฝ้ามองดูเป็นหลัก ขณะเดียวกันสหรัฐฯคาดหวังว่า ไทยยังคงความเป็นพันธมิตรที่เป็นมากันยาวนาน ผ่านการร่วมมือด้านการฝึกร่วมกองกำลังทัพ การป้องกันและการปราบปรามก่อการร้ายและขบวนการสุดโต่งหัวรุนแรง
การปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือตามมติมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นพันธกรณีของทุกประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ การไม่เข้าร่วมมือกับจีนถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์หรือคุกคามต่อผลประโยชน์และเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติของสหรัฐฯ การร่วมมืออำนวยความสะดวกต่อกันเรื่องทำมาค้าขายโดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงการผลิตสินค้าที่ตอบสนองหลักการว่าด้วย การเคารพสิทธิมนุษยชนและรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษาและป้องกันความปลอดภัยสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงระงับและป้องกันการลักลอบค้าสัตว์หวงห้ามต่างๆ
ซึ่งไทยเราในฐานะประเทศพันธมิตรก็ต้องพินิจพิจารณาว่า จะมีนโยบายและมาตรการสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติและผลประโยชน์ของสหรัฐฯได้มากน้อยหรือสมดุลแค่ไหน รวมทั้งในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกประชาคมโลกที่มีพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติต่างๆ อีกทั้งไทยก็ต้องขบคิดไตร่ตรองก่อนประเทศใด กลุ่มประเทศใดหรือกลุ่มขบวนการใด ปฏิบัติตนตามพันธกรณีดังกล่าวเช่นกันหรือไม่ และไม่คุกคามต่อความเป็นราชอาณาจักรไทยและความดีงามของสังคมไทย โดยไทยเราต้องแยกแยะมิตรศัตรู และผลประโยชน์ร่วมให้ได้ชัดเจน
อีกทั้งประเทศไทยก็ต้องคิดและตระหนักด้วยว่า ประเทศที่เราจะคบหามากน้อยด้วยนั้น เขาประพฤติอย่างไรต่อผู้คนของเขา ในเมื่อเราภูมิใจในความเป็น“ไท” เราก็ต้องประสงค์ให้ประพฤติต่อคนชาติของเขาอย่างดีด้วย และไม่“ส่งออก” ปัญหาไปให้ประชาคมโลก
บางครั้งเราวิพากษ์วิจารณ์ว่า เราเดินตามก้นสหรัฐฯหรือปล่อยให้สหรัฐฯเข้ามาแทรกแซง ซึ่งเราควรคิดว่า ที่เราจะคิดจะทำนั้น สนองผลประโยชน์ไทยแค่ไหน และการกระทำของเราที่สอดคล้องกับฝ่ายสหรัฐฯนั้น เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรเพราะเข้ากับอุดมการณ์และจุดยืนของเรา และมันเป็นไปตามพันธกรณีที่มีกับประชาคมโลกผ่านองค์การสหประชาชาติหรือไม่เราคิดและแยกแยะได้ ประเด็นปัญหาการใช้ความรู้สึกว่า ถูกสหรัฐฯบีบหรือเพราะเราไม่มีสันหลัง ไม่มีจุดยืนก็จะไม่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อเรา ก็ต้องพูดให้ชัด อาทิ การแข่งขันค้าขาย ถ้าจุดเริ่มต้นไม่เท่าเทียมกัน เราก็ต้องพอมีแต้มต่อ มีเวลาปรับตัว ถ้ามีเรื่องเกี่ยวข้องมนุษยธรรมและการลดความเหลื่อมล้ำต้องมาก่อนการค้าสำเร็จเช่น เรื่องสิทธิบัตรยา เราต้องยืนหยัดเรื่องนี้และเร่งช่วยตัวเอง ค้นคว้าวิจัยและลงทุนร่วม เราพูดกันมากว่า เขามีความหลากหลายทางชีวภาพ และเรามีองค์ความรู้ด้านแพทย์และยาแบบโบราณ เราก็ควรลงทุนลงแรงใช้สติปัญญาที่มี จะได้ลดพึ่งพายาฝรั่งราคาแพงๆได้
คงถึงเวลาที่เราต้องนั่งคิด ทบทวนและวางแนวทางว่า ไทยจะคบหาสมาคมกับสหรัฐฯอย่างไร ผลประโยชน์ร่วมมีอะไร เรื่องต่างๆที่ต้องยอมรับกันและกันมีอะไร แทนที่จะเป็นการดำเนินนโยบายแบบการใช้ปฏิกิริยาปากไว และการใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง
หรือการคิดว่า จะลองสลับไปเล่นไพ่จีน ไปเล่นรูเล็ตรัสเซีย เพื่อประชดประชันสหรัฐฯหรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สหรัฐฯเปลี่ยนท่าที จากแข็งกร้าวกลายเป็นมาอ้อนวอนเราเป็นหลัก ก็คงลำบาก ซึ่งการหันไปเพิ่มมิตรภาพกับจีนและรัสเซียนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี หากแต่ต้องรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯให้ได้ควบคู่ไปด้วย นับเป็นการเสริมสร้างความสมดุลและความน่าเชื่อถือให้แก่ตนเอง และไทยก็จะมิเป็นเครื่องมือ หรือเครื่องเล่นของประเทศมหาอำนาจใดๆ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี