สมชื่อ “เจาะข่าวตื้น” โดยแท้ เมื่อประเด็น “คดีจำนำข้าว” ที่ จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์พิธีกร นำเสนอออกมา ไม่เพียงบอก “ความตื้นเขินของสติปัญญา” แต่ยังชวนตั้งคำถามว่า นี่เป็นการ “เชลียร์” เจ๊ปูว์ (ตามที่เขาเรียก)และอาจเข้าข่ายหมิ่นศาล กับ “น้ำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ สู่ระบบคอมพิวเตอร์” ด้วยหรือไม่
รายการเจาะข่าวตื้น วันที่ 24 ส.ค. ก่อนวันพิพากษาคดี 1 วันเสนอตอน “อธิบายปรากฏการณ์อีปูว์จนมุมจำนำข้าวแบบง่ายๆ ควายทุกสียังเข้าใจ” ระบุว่า
(1) ข้าวเป็นสินค้าการเมือง เพราะเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันและมีคนผลิตเยอะ จึงถูกควบคุมโดยรัฐ ทั้งราคา กลไกตลาด และการอุดหนุนช่วยเหลือ เพราะกระทบต่อฐานเสียง
(2) นโยบายจำนำข้าว และประกันราคาข้าว มีกว่า 30 ปีแล้วทำมาทุกรัฐบาล ขาดทุนทุกรัฐบาล แต่เป้าหมายเพราะชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ หรือเพราะรัฐบาลจะต้องช่วยเหลือคนจน
(3) การจำนำข้าว นอกจากจะขาดทุนแล้ว ยังโกงสะดวก เพราะทุกขั้นตอนมีช่องโหว่เหมือนกันหมด แต่ไม่มีใครดำเนินคดี เพราะถ้าผิดก็ผิดด้วยกันหมด
(4) อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่ได้ทำมาเพื่อแสวงหากำไรการขาดทุนก็มีมาทุกสมัยไม่มีข้อยกเว้น และใครจะเป็นคนตัดสินว่าอะไรคือขาดทุนมากเกินไป ไม่ว่าจะขาดทุนเท่าไหร่ ก็คือความเสียหายของรัฐเหมือนกัน แล้วทำไมหัวหน้ารัฐบาลทุกรัฐบาลถึงไม่โดนจับมาขึ้นศาลยึดทรัพย์เหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ บ้าง ถ้าจะจับก็จับมาให้หมด ทุกหัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าหน่วยงาน มาตรฐานเดียวกัน
(5) กฎหมายตรงไหนที่กำหนดว่าห้ามขาดทุนเกินกว่าเท่าไหร่ ก็อยากจะเคลียร์ให้ชัดเจน จะได้รู้ว่ารอบหน้าใครเป็นนายกฯ ถ้าทำผิดแบบนี้ก็จะโดนจับเหมือนกัน หรือว่าใครที่เคยทำแบบนี้แต่ไม่โดนจับเพราะไม่ได้ทำความเสียหายถึงจุดที่ต้องโดนจับ จะได้แบบชัดเจนกันไปหรืออยู่ที่ว่าเป็นนายกฯ ของใคร ที่ว่าไม่ได้รับเงินทักษิณมา
(6) ส่วนข้อหาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตรา 157 ก็ดูปาหี่มากๆ เพราะถ้าเกิดปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตอย่างที่ว่า ป่านนี้
น่าจะจับคนเข้าคุกได้เป็นร้อย ก่อนจะมาจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
(7) อีกทั้งความผิดพลาดหรือการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะโดยใครจะต้องจับผู้บริหารสูงสุดของผู้บริหารนั้นๆ เข้าคุกหรือยึดทรัพย์ เช่น อุปกรณ์ GT200 เรือเหาะบอลลูนยักษ์ ทหารเกณฑ์ตายในค่ายบ่อยๆ รถกู้ภัยหรือเรือกู้ภัยที่จอดไว้ไม่ได้ใช้งาน โรงพักไม่เสร็จ ฯลฯ นายกฯ ติดคุกทุกคน
เด็ดที่สุดก็คือข้อความที่ว่า
“กูเดือดร้อน เพราะจับเจ๊ปูขึ้นศาลยึดทรัพย์หรือยัดคุก กูเดือดร้อนเพราะมันเป็นการทำลายระบบยุติธรรมในประเทศนี้ให้ฉิบหายไปยิ่งกว่า มีอย่างที่ไหน จับหัวหน้าใหญ่ขังคุก ด้วยเหตุผลว่าปล่อยให้ลูกน้องคอร์รัปชัน แต่ยังไม่มีลูกน้องซึ่งมีเยอะมาก มีเป็นแสนๆ คนที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีการจับหรือพิสูจน์ความผิดอะไรกับใครเลย คือมันกลับหัวกลับหางไปหมด กูไม่อยากอยู่ในสังคมกลับหัวกลับหาง มันทุเรศ มันหาความแน่นอนอะไรกับชีวิตไม่ได้เลย ตามใจผู้มีอำนาจล้วนๆ” นายวิญญู กล่าว
เอาละ เรามาดู “ความตื้น” ซึ่งต้องวิเคราะห์ต่อไปด้วยว่า ตื้นแบบ “โง่จริงหรือแกล้งโง่ ตื้นแบบโง่อย่างบริสุทธิ์ หรือรับงานมาโง่ที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณา ทั้งในฐานะความเป็นสื่อ การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อความอันเป็นเท็จ และการเข้าข่ายหมิ่นศาลด้วยหรือไม่ ตามมา!
1) ข้าว ไม่ใช่สินค้าที่รัฐควบคุม ข้าวไม่เหมือนน้ำมันปาล์ม ที่รัฐควบคุมราคาขายต่อขวดต่อลิตร แต่ข้าว เป็นสินค้าที่ปล่อยไปตามกลไกตลาด เว้นเสียแต่มีการแทรกแซงเป็นบางช่วงตามแต่นโยบายของรัฐบาลในช่วงนั้นๆ จะเลือกทำ ซึ่งมีทั้งแทรกแซงราคา พยุงราคา จ่ายเงินชดเชย จำนำ ประกัน ข้อมูลนี้ของจอห์น วิญญู จึงเป็นข้อมูลเท็จ!
แต่ข้าวเป็นสินค้าการเมืองจริง จริงเสียจนทำให้ชาวนาเคยตัว เพราะมีอำนาจต่อรองกับรัฐสูง และมีฝ่ายการเมือง เอามาเป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วย ในอนาคต ควรดึงข้าวและชาวนาออกจากการเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับหาเสียง แลกคะแนนเลือกตั้ง หรือเครื่องมือในการใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ชาวนาก็ไม่ต่างจากเกษตรกรอื่นๆ แต่กลับมีอำนาจต่อรองมากกว่าเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง สับปะรด มะนาว ทุเรียน ลำไย ฯลฯ เพราะฝ่ายการเมืองไปลากมาใช้นั่นเอง ทางแก้จึงควรสร้างระบบการเกื้อหนุนที่มีเหตุผล ตามสมควร เน้นการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม พันธุ์ข้าว และเครื่องมือ ลงไป เพื่อลดต้นทุนการผลิต อีกด้านก็เพิ่มมูลค่าผลผลิต ผ่านการให้ความรู้เรื่องการสร้างตลาด สร้างแบรนด์ การเพิ่มมูลค่าผ่านระบบแพ็กเกจจิ้ง เหมือนที่ นายกรณ์ จาติกวณิช ทำในโครงการ “ข้าวอิ่ม” รวมไปถึงระบบ “ประกันรายได้” ตามควร
2.ใช่ รัฐบาลต้องช่วยคนจน แต่คนจนในสาขาอาชีพอื่นๆ ทำไมรัฐไม่ช่วย เท่ากับที่ทุ่มช่วยชาวนา? นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เกิดในสังคม ดังนั้น ทิศทางจึงควรเปลี่ยนเป็นว่า รัฐส่งเสริมให้เขามีองค์ความรู้และปัจจัยที่ชาวนาจะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างยั่งยืน แต่จอห์นก็ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ เรื่อง “กำไร-ขาด” เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นของการดำเนินคดี
3.ไม่เคยมีการดำเนินคดีนโยบายช่วยเหลือประชาชนด้วยเหตุจาก “กำไร” หรือ “ขาดทุน” เช่นเดียวกับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือ “เจ๊ปูว์” ของน้องจอห์น ก็ไม่ใช่เอาผิดที่เธอทำโครงการขาดทุนหยุดบิดเบือนเสียที แล้วไปดูข้อกล่าวหาที่แท้จริง คือ เป็นจำเลยในความผิด ตามคดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558 กล่าวหาว่า กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าวที่ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย
โดยพฤติการณ์ก็คือ ได้รับการแจ้งเตือนว่าโครงการรับจำนำข้าวมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน และหลังการปิดบัญชีรอบแรก ก็พบการทุจริต นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์เลือกให้ทำหน้าที่ปิดบัญชีรับจำนำข้าวรอบที่หนึ่ง ทำข้อมูลสรุปและแจ้งให้ระงับยับยั้งโครงการ พร้อมด้วยหนังสือเตือนจากทีดีอาร์ไอ ป.ป.ช. สตง. ฯลฯ เจ๊ปูว์ของน้องจอห์น ซึ่งเป็นคนเดียวที่มีอำนาจยับยั้ง ควรต้องยับยั้งแต่ไม่ยับยั้ง จนเกิดการทุจริตเพิ่มเติมตามมา นำความเสียหายมาสู่งบประมาณแผ่นดินอย่างมหาศาล และเกิดภาระค่าใช้จ่ายมากมาย เช่นค่าเช่าโกดัง เดือนละ 1,000 กว่าล้าน ดอกเบี้ยเงินกู้วันละ 36 ล้าน เป็นต้นหากยับยั้งโครงการ แล้วเปลี่ยนวิธีดำเนินโครงการ ซึ่งมีอำนาจทำได้ ก็จะยังได้ช่วยเหลือชาวนา แต่ปิดช่องทางการโกง และประหยัดงบประมาณแผ่นดินในส่วนที่ไม่ควรจ่ายได้มาก ทำไมไม่ทำ และทำไมจอห์น เจาะข่าวตื้น จึงไม่เกิดคำถามในส่วนนี้เลย
4.จอห์น จึงวนเวียนแก้ตัว มั่วนิ่ม อยู่กับประเด็น ขาดทุน-กำไรซึ่งไม่ใช่ประเด็นเอาผิด เจตนาคือ บิดเบือนช่วยเจ๊ปูว์ หรือกูไม่รู้ กูโง่กันแน่?!
5.จึงต้องบอกจอห์นว่า หยุดทำตัวหย่อนปัญญา เพราะที่ถามว่า กฎหมายฉบับไหน เอาผิดเรื่อง กำไร-ขาดทุน นั้น มันไม่มี!
6.การปล่อยปละละเลย ตาม ม.157 ก็ไม่ใช่ปาหี่ เพราะหากใช้สมองมากกว่านี้ แค่เข้ากูเกิ้ลก็จะรู้ว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการเอาผิด โรงสี โกดัง เซอร์เวเยอร์ฯลฯ เกือบ 1,000 คดี แต่คดีใหญ่ๆ อย่าง จีทูจีเก๊ กับปล่อยปละละเลยของเจ๊ปูว์ เป็นคดีในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. ที่จอห์นบอกว่าลูกน้องยังไม่ผิด มาเอาผิดนายเลย เป็นการดำเนินคดีแบบกลับหัวกลับหาง จึงเป็นความโง่และความขี้เกียจเสาะหาข้อมูลของจอห์นเอง ก็อย่างว่าล่ะน่ะ รายการมันชื่อ “เจาะข่าวตื้น” มันก็เลยทำงานแบบ “ตื้นๆ” อย่างนี้เอง
7.ส่วนคดีที่จอห์นยกมาอ้าง อย่างเช่น อุปกรณ์ GT200 เรือเหาะบอลลูนยักษ์ ทหารเกณฑ์ตายในค่ายบ่อยๆ รถกู้ภัยหรือเรือกู้ภัยที่จอดไว้ไม่ได้ใช้งาน โรงพักไม่เสร็จ ถ้าตรวจสอบข้อมูลก่อนพูด ก็จะรู้ว่ามีการตรวจสอบโครงการเหล่านั้น บางส่วนยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช. เช่น คดีโรงพัก บางส่วน สตง. ตรวจสอบ และสรุปไปแล้ว ว่าการจัดซื้อจัดจ้างไม่ผิดขั้นตอนหรือระเบียบ เพียงแต่อาจจะซื้ออย่างโง่ๆ ซื้อเพราะหลงเชื่อในสรรพคุณที่โฆษณาก็มีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจนำมาอ้าง เพื่อให้ “เจ๊ปูว์”พ้นผิดได้ ตรรกะวิบัติแบบนี้เราไม่ใช้ เพื่อช่วยคนที่เราชอบ
8.ไอ้ที่จอห์น บอกว่า “กูเดือดร้อน” นั้น ผมก็ขอบอกสั้นๆ ว่า“เรื่องของมึง” ส่วนถ้อยคำจะเข้าข่ายหมิ่นศาล หมิ่นองค์กรตรวจสอบใดหรือไม่ ก็ให้เขาไปพิจารณากันเอง
แต่สิ่งที่ผมอยากจะสรุปก็คือ ในขณะที่ศาลพิพากษาคดีจีทูจีออกมาแล้วว่า เป็นการกระทำที่ “ทุจริตจริง” มีการเอาข้าวของรัฐออกขายด้วยการไป “ปลอม” ตัวแทนจากรัฐบาลจีนมา แล้วถูกจับได้ว่า ไม่ใช่ตัวแทนจริง แถมพบว่าคนเหล่านั้น คือคนที่พัวพันนุงนัง ไม่ห่างจากคนชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” เลย เรียกว่า รัฐบาลน่าจะรู้จักคนเหล่านั้น แต่ยังขายข้าวในราคา “ถูกแสนถูก” ให้พวกมัน แล้วมันก็เอามาเวียนเทียนขายอยู่ในตลาด เผลอๆ สวมรอยย้อนกลับมาเข้าโครงการจำนำ รับ 15,000 บาทต่อตันไปเหนาะๆ ด้วยซ้ำ บัญชีจ่ายค่าข้าว กับปริมาณข้าวจริงมันจึงไม่เท่ากัน ข้าวจริงน้อยกว่าข้าวซื้อ จนต้องแทงเป็นบัญชี “ข้าวหาย” เรื่องพวกนี้ “เจาะข่าวตื้น” จะเจาะบ้างไหม?
และไอ้จีทูเจี๊ยะนี่แหละ เป็นหนึ่งในเครื่องยืนยันว่า “เจ๊ปูว์ของน้องจอห์น” ปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้ง เพราะพรรคฝ่ายค้าน คือ ประชาธิปัตย์ อภิปรายในสภา ว่ามีจีทูจีเก๊เกิดขึ้น แทนที่เจ๊ปูว์จะระงับการทำจีทูจี กลับทำต่ออีกสองสามรอบ และเป็นคดีอยู่ในชั้น ป.ป.ช. ตอนนี้ น้องจอห์นจะว่ายังไง
และจากเรื่องนี้ ก็ให้ข้อฉุกคิดแก่เราด้วยว่า ทุกวันนี้ เรามี
“สื่อเทียม สื่อรับจ้าง” ที่เข้าข่ายเป็น “ภัยสังคม” ปลอมปนมาสร้าง
ข้อมูลปลอม สร้างเรื่องบิดเบือนกรอกใส่หูเรามากน้อยเพียงใด ประชาชน
พึงตระหนักและไล่จับ “สื่อโจร” ให้ได้ อย่าปล่อยให้ลอยนวล กสทช.
พึงสนใจ และคุ้มครองสังคมไทย จากสื่อจำพวกนี้ให้ดีๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี