การที่ผู้มีอิทธิพลในสังคมไทยสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือกฎหมายนั้น แม้จะมิใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดในสายตาชาวโลก และนับวันจะยิ่งกลายเป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติของประเทศไทยเสียแล้วซึ่งการจะกระทำได้สำเร็จ ก็คงมิใช่ฝีมือของเจ้าตัวแต่ผู้เดียวเป็นแน่แท้ หากแต่ต้องมีความช่วยเหลือเป็นขบวนการ มีผู้สมรู้ร่วมคิดผู้สนับสนุน ผู้มีผลประโยชน์รวม ซึ่งหากสังคมจะเหมารวมไปถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทางกฎหมายและผู้บริหารบ้านเมือง ซึ่ง ณ วันนี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จล้นฟ้า ก็คงไม่แปลกอะไร
โดยในกรณีล่าสุดของไทย ก็คือ การหนีคดีของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งก่อนหน้าได้มีตัวอย่างในระดับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นกันนั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวอย่างให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้คอยสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวด ไม่ให้เกิดเหตุแบบเดียวกันซ้ำสองในสังคมไทย
ฉะนั้น ผู้รักษากฎหมายและผู้บริหารบ้านเมืองสูงสุด ควรจะต้องดำเนินการต่างๆ ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะประกันและให้ความมั่นใจต่อสังคมว่า ในกรณีคดีทุจริตจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ต้องหาจะต้องอยู่ในสายตา และหลุดรอดไม่ได้
แต่แล้วภาพยนตร์เรื่องผู้ต้องหาหนีคดีเรื่องเดิม ก็ฉายซ้ำ เพียงแต่เปลี่ยนตัวละคร สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของกระบวนการยุติธรรม และการบริหารงานบ้านเมืองของประเทศไทย ไปสู่สายตาชาวโลกอีกหน หลังจากข่าวการหนีคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตของทายาทกระทิงแดง ยังไม่ทันจางไป
ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สังคมก็ย่อมมีคำถามที่ว่า แล้วรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรับผิดชอบจะทำอย่างไร?
อย่าลืมว่า ที่ผ่านๆ มานั้น ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ทำหน้าที่หุ่นเชิดได้อย่างสุดยอด ชนิดไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน ดังนั้น ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถคิดอ่าน วางแผน และดำเนินการล่องหนหายตัวไปนอกประเทศได้ด้วยตัวของตัวเองโดยเฉพาะเมื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง จะไปที่ไหนคนเห็นหน้า เขาก็รู้จักกันทั้งเมือง ฉะนั้นต้องมีกลุ่มคนช่วยวางแผน กลุ่มคนช่วยนำทาง และกลุ่มคนช่วยเปิดช่องทางให้ ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีส่วนรู้เห็นดั่งที่ชาวบ้านเขาสงสัย ตั้งข้อสังเกตกัน ก็ยิ่งจะต้องรีบสืบเสาะ ค้นหาผู้ร่วมขบวนการที่ว่าดังกล่าว กระชากหน้ากากออกมาให้สังคมได้รับทราบว่า ใครผู้ใดที่สมรู้ร่วมคิดในแผนการหลบหนีครั้งนี้
ซึ่งหากทำไม่ได้ หรือทำแบบเนือยๆ ล่าช้า สังคมก็ย่อมเข้าใจได้ว่า ฝ่ายบ้านเมืองนั่นแหละที่เป็นผู้สมยอม และอะลุ้มอล่วยซึ่งกันและกัน ซึ่งจะมองในแง่ไหน ก็ไม่ใช่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมือง ว่าด้วยความถูกต้องชอบธรรม หรือเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายบ้านเมืองได้เลยมีเพียงเหตุผลเดียวนั่นคือ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
นอกจากนั้น การที่ผู้นำด้านความมั่นคงของประเทศได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าอย่างเข้มงวดตลอดเวลา แต่ผลกลับกลายเป็นว่าผู้ต้องหาสามารถเล็ดลอดออกไปโดยไม่มีใครรู้ ได้ทำให้สังคมพุ่งเป้าไปว่า ต้องมีผู้เจตนาปล่อยคนหุ่นเชิดชื่อ ปู นามจริงว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไปเป็นแน่ ซึ่งถือเป็นการละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้รักษากฎหมาย และผู้บริหารบ้านเมือง และอาจจะก้าวไกลไปว่า มีผู้บริหารบ้านเมืองสมรู้ร่วมคิดด้วย ก็ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย และความยุติธรรมในสังคมที่ผู้มีอิทธิพลสามารถอยู่เหนือกฎหมาย หรือได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเหนือผู้อื่นใดไปโดยปริยาย
ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ก็คงหวังให้ฝ่ายรัฐตามตัวคนผิดมารับโทษไม่ได้ เพราะเป็นผู้บงการเสียเอง ภาระก็คงจะต้องกลับมาที่ประชาชน โดยเฉพาะแวดวงวิชาการ สื่อ นักเคลื่อนไหว นักประชาสังคม และนักการเมือง (ที่ดี) ที่ต้องช่วยกันออกมาให้ข้อมูล ให้ความรู้ต่อประชาชนพลเมือง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม และเพื่อมิให้มีการถูกมอมเมา หันเห บิดเบือนกันได้ง่ายประชาชนพลเมืองจักได้ไม่ตกอยู่ในอาณัติของปีศาจ เปรต มารสังคมเหล่านี้
ที่ผ่านมา สังคมไทยนิยมทำบุญทำทานด้วยการปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีที่ใดที่มีประเพณีวัฒนธรรมความเชื่อถือว่าด้วยการปล่อยปูเลย ที่พอจะเข้าเค้า ก็มีแต่ไปช่วยให้ลูกปูแรกเกิดออกจากผืนทรายได้เดินกลับสู่ทะเลได้เท่านั้น
ส่วน ปู-ยิ่งลักษณ์ ที่สามารถหนีเงื้อมมือกฎหมายไปได้ แม้จะมีอิสรภาพทางกาย แต่ก็ยังมีโซ่ตรวนทางใจ กลายเป็นสัมภเวสีล่องลอยไปตามที่ต่างๆ ได้ แต่ไม่สามารถกลับบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งจะรับรู้ได้ถึงทุกข์ทรมานของกรรมตามสนองนี้หรือไม่ ก็ยังเป็นที่กังขา เพราะไม่แน่ใจว่าสภาพจิตใจและสมองจะเอื้ออำนวยขนาดไหน
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับการปล่อยปูครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ขอให้รู้ว่า คงไม่ได้บุญจากการทำทานลักษณะนี้เป็นแน่และคงจะไม่ได้ไปสวรรค์อย่างที่ฝันไว้ เพราะมันเป็นเพียงการทำทานทางการเมือง ที่อาจจะส่งผลบุญต่ออายุให้รัฐบาลปัจจุบันอีกเล็กน้อย แต่ในระยะยาวแล้ว ผู้บริหารประเทศและผู้รักษากฎหมาย ก็จะตระหนักว่า การทำทานการเมืองครั้งนี้ จะส่งผลให้ชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่กันอย่างไม่เป็นสุข ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากการรับกรรมของบรรดาสัมภเวสีการเมือง หรือการตรวจสอบย้อนหลังของประชาชนนั่นเอง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี