ขออธิบายเพิ่มเติมเรื่องการโพสต์บทความของตัวผมเองเรื่องมงเตสกิเออร์ ลงในคอลัมน์ฉบับวันนี้ครับ
คุณผู้อ่านแนวหน้า น่าจะได้อ่านบทความนี้ที่แชร์ไปมากมายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลังจากที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้ Tweet ไว้ในทวิตเตอร์แบบผิดๆ
คุณผู้อ่านเชื่อไหมครับว่า ณ พ.ศ.นี้ คือปี 2560 เรามีกลุ่มเยาวชนคนไทยลูกหลานของเราจำนวนสูงถึง 5 ล้านคนที่ไม่เคยเลือกตั้งเลยแม้แต่ครั้งเดียว และจำนวนประมาณ 10 ล้านคนที่เคยเลือกตั้งไปครั้งเดียวคือปี 2554 ดังนั้นการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้มีความสำคัญยิ่ง และแน่นอน พรรคการเมืองของไทยเราไม่เหมือนกับของสหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น
สาเหตุที่ยกตัวอย่างประเทศเหล่านี้ก็เพราะเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับในการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตยที่พัฒนาจนประเทศของเขาเจริญเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ที่สำคัญประเทศเหล่านี้ไม่มีพรรคการเมืองแบบที่ทำตัวเป็นบริษัทจำกัด คือมีนายใหญ่เจ้าของกิจกรรมอยู่คนเดียวสั่งการได้ทุกอย่าง
สิ่งที่ผมจะพูดก็คือว่า เด็กๆ เยาวชนคนไทยรุ่นใหม่ของเราจำนวนไม่น้อยกลุ่มนี้ เกิดไม่ทันเห็นความชั่วร้ายของคุณทักษิณ และสิ่งที่คุณทักษิณได้วางรากฐานของ ระบอบทักษิณ เอาไว้ ผมโชคดีรู้เรื่องบ้างเพราะเติบโตที่ใต้ ไปที่ไหนทุกคนก็พูดการเมืองกัน อ่านหนังสือพิมพ์ เปิดทีวีดูอภิปรายไม่ไว้วางใจกันตลอดเวลา
คนรุ่นใหม่จำนวนนี้ จำเป็นต้องรู้ครับว่าอดีตนายกฯทักษิณทำอะไรกับประเทศของเราเอาไว้บ้าง ผมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องโพสต์บทความที่ว่านี้ลงไปใน Facebook ส่วนตัว Phasanoch Hautavanija เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้อย่างน้อยๆ กลุ่มน้องๆ รุ่นนี้จะได้เห็นและรับรู้บ้าง ในรูปแบบการเขียนที่สรุปสั้นๆ ให้รู้ประเด็นทั้งหมด ส่วนรายละเอียดของแต่ละเรื่องนั้น หาได้ไม่ยากครับ หลายเรื่องอยู่ในคำพิพากษาศาลแล้ว หลายเรื่องก็มีอยู่ในหน้าข่าวที่มาจากแหล่งข่าวอย่างหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมต่างๆ
ประกอบกับการที่คุณทักษิณชอบ (ให้ทีมงาน)ยกเอาคำพูดของปราชญ์โบราณคนละยุคคนละสมัยกันมาเทียบเพื่อหวังจะหลอกด่ารัฐบาลทหาร แต่ดันเข้าตัวแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่รวบหัวรวบหางเอามูลความผิดที่จริงๆ แล้วเข้าตัวตระกูลคุณทักษิณทั้งบ้านนั่นแหละ มาย้อนสรุปให้ได้อ่านกัน
มงเตสกิเออร์ จริงๆ คือนักปราชญ์ที่ทนทุกข์อยู่ในการปกครองอันเลวร้ายหลายรูปแบบในยุคสมัยนั้น มงเตสกิเออร์จริงๆ แล้ว ทำทุกวิถีทางเพื่อที่ “รัฐ” จะได้ปลดแอกตัวเองจากผู้นำอย่างคุณทักษิณเองนั่นแหละ เขาจึงผลิตนวัตกรรมทางการปกครองเอาไว้และเป็นรากฐานให้ใช้เรื่อยมานั่นคือ 3 เสาหลักประชาธิปไตย
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ก็ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า.. “วิธีการบริหารประเทศของ
คุณทักษิณในอดีต ขัดแย้งกับหลักการแบ่งแยกอำนาจของมงเตสกิเออร์อย่างสิ้นเชิง ถ้ามงเตสกิเออร์ยังมีชีวิตอยู่คงตะโกนกลับไปว่า นายทักษิณไร้ความชอบธรรมที่จะมาอ้างทฤษฎีของฉัน” อาจารย์ให้สัมภาษณ์ไว้ ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2560
ส่วนเนื้อหารายละเอียดที่ได้เขียนเอาไว้นั้นขอนำมาเผยแพร่อีกครั้งพร้อมการขยายความเพิ่มเติมในบางช่วงบางตอนดังนี้ครับ..
_______________________
“ทักษิณชินวัตร Tweet ในทวิตเตอร์เอาไว้ว่า : มงเตสกิเออร์เคยกล่าว “ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้
กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”
โดยบริบทของ Quote นี้เมื่อ 300-400 ปีก่อนนั้น เป็นยุคที่ผู้มีอำนาจออกกฎหมายเองใช้เอง แต่บริบทที่เข้าใจได้ว่า อดีตนายกฯยกมาทวิตในวันนี้นั้นคือเรื่องของการที่คุณยิ่งลักษณ์“หนีศาล” ที่กำลังจะพิพากษาว่า คุณยิ่งลักษณ์ปล่อยให้มีการโกงจำนำข้าว ทั้งที่มีอำนาจระงับยับยั้งจริงหรือไม่..
และการพิพากษานี้ก็เป็นผลมาจากกฎหมายที่ออกไว้ก่อนที่ผู้มีอำนาจในสมัยนี้จะเข้ามาด้วยซ้ำไป ยืนยันได้จากการส่งยื่นฟ้องต่อป.ป.ช.นั้น เกิดขึ้นช่วงหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2555 หากใครจำได้การที่คุณยิ่งลักษณ์ต้องมาขึ้นศาลในครั้งนี้ เป็นผลของการทำงานของฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์โดยอดีตสส.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมได้อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกเมื่อปี 2555 ในสภา จากนั้นก็ยื่นประธานสภาส่งต่อให้ป.ป.ช. แล้วป.ป.ช.ก็ทำเรื่องตามกระบวนการยุติธรรมเรื่อยมาสองปีจนกระทั่งถึงวันที่ศาลพิพากษา ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินเรื่อยมาตั้งแต่ก่อนปี 2557 เพราะฉะนั้นทักษิณจะมาอ้างในเชิงว่ารัฐบาลทหารใช้อำนาจในการรังแกรัฐบาลน้องสาวตัวเองนั้นเป็นการพยายามกล่าวอ้างที่ผิดข้อเท็จจริง!
ดังนั้นการที่ทักษิณทำแบบนี้จึงเป็นการยก Quote คำพูดของคนที่เป็นนักปรัชญาชื่อดังมากล่าวอ้างแบบไม่ได้คำนึงถึงบริบทที่แท้จริงและชัดเจนอีกครั้งหนึ่งนี้ ชวนให้สังเกตว่า คงมาจากทีมงานกลุ่มเดียวกันที่เคยใช้เฟซบุ๊คของพานทองแท้ที่ครั้งหนึ่งเคยยก Quote คำพูดของ วอลแตร์ มาใช้แบบผิดๆ อีกเหมือนเคย
มงเตสกิเออร์เป็นผู้สร้างทฤษฎีแบ่งแยกอำนาจในระบอบการปกครองเสรีเป็น 3 ฝ่ายหรือ 3 เสาหลักประชาธิปไตยนั่นคือ นิติบัญญัติ,บริหาร และตุลาการ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบประชาธิปไตยเสรีของทั่วโลกและที่ขำไม่ออกก็คือ “เสาตุลาการ” เสานี้แหละที่ทักษิณชอบบ่อนทำลายโดยเฉพาะเสาตุลาการของประเทศที่เป็นแผ่นดินเกิดของตัวเขาเอง
ประเด็นนี้ในคอมเมนต์มากมายมีการมาบอกว่า แล้วทีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ไม่ทำลาย 3 เสาหลักเลยหรืออย่างไร ...ผมก็ไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องพลเอกประยุทธ์โดยตรงนะครับ แต่ก็ต้องดูว่า พลเอกประยุทธ์เข้ามามีอำนาจ เพราะรัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งคือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช่หรือไม่ ที่พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง ทำลายกระบวนการยุติธรรม บ่อนทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมของชาติ พยายามล้วงลูกนิติบัญญัติแก้รัฐธรรมนูญในหมวดที่จะเอื้อให้ตัวเองผู้เป็นฝ่ายบริหารไปแอบตกลงเรื่องเงินๆ กับต่างชาติได้แบบไม่ต้องผ่านสภา และอื่นๆอีกมากมาย ความขัดแย้งจากเรื่องทั้งหมดที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก่อ เป็นเหตุให้รัฐบาลทหารเข้ามายึดอำนาจ
กลับมาที่เรื่องของการถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองของคุณทักษิณก็จะพบความจริงที่ว่าถ้าหากจะให้ประชาชนคนหนึ่งได้นึกย้อนไปว่า สิ่งที่คุณทักษิณได้กระทำเลวร้ายต่อแผ่นดินเกิดนั้นมีอะไรที่ทำไว้บ้างก็คงจะพอนึกได้คร่าวๆดังนี้
และถ้ามงเตสกิเออร์อยู่ในยุคเดียวกับทักษิณคงจะมี Quote อะไรที่เด็ดๆ ออกมาอีกไม่น้อย...
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการอ้างต่อประชาชนว่ารวยแล้วพอแล้ว แต่เมื่อเข้ามามีอำนาจก็ทำนิติกรรมอำพรางซุกหุ้นเอาไว้ในชื่อเครือญาติ คนรถคนใช้เพราะกลัวว่าจะต้องเสียภาษีจากการขายหุ้นนอกตลาดให้แผ่นดิน
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯปล่อยกู้ Exim Bank ให้พม่าแบบอัตราดอกเบี้ยที่รัฐวิสาหกิจของชาติขาดทุนแล้วให้พม่ามาซื้อของจากบริษัทในเครือของตัวเอง
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯ เปลี่ยนวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันทำงานของกรมที่ดิน เพื่อให้ภรรยาได้สามารถไปซื้อขายที่ดินในราคาถูกกว่าคนอื่นได้ ..ตรงนี้คนที่มีข้อขัดแย้ง ผมขอให้ไปดูคำพิพากษาศาลครับเพราะตัดสินไว้หมดแล้วและเป็นเหตุให้คุณทักษิณต้องหนีคุกอยู่ทุกวันนี้
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯบีบให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทที่เจ๊งไม่มีสิทธิ์กู้ แต่แล้วสุดท้ายพบก้อนเงินจากบริษัทนั้นไหลไปอยู่ในกระเป๋าลูกชายตัวเอง
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิตเอื้อประโยชน์เฉพาะบริษัทตัวเอง ทำให้รัฐสูญรายได้แต่ธุรกิจตัวเองจ่ายต้นทุนน้อยลงแต่คู่แข่งยังจ่ายอัตราแพงกว่าเหมือนเดิม
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการฆ่าตัดตอนยาเสพติดจนมีคนตาย 2,500 ศพรวมทั้งคนผิดจริงและผิดไม่จริง
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการผิดพลาดทางนโยบายจนเกิดเหตุการณ์กรือเซะ-ตากใบและวาทกรรมโจรกระจอกที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในชายแดนใต้จนถึงทุกวันนี้
---ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าการสู้ในศาลแล้วพอรู้ว่าจะแพ้ เลยสั่งให้ลูกน้องเอาเงินสด 2 ล้านใส่ถุงขนมหวังจะไปติดสินบนศาลแต่ศาลไม่รับ
---ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการพยายามล้างความผิดที่ตัวเองทำไว้ทั้งหมดด้วยการลักหลับประชาชนตอนตี 4 สั่งการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม อ้างความปรองดองแต่พ่วงคดีทุจริตของตัวเองเอาไว้
และท้ายที่สุด
---ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าการที่ตระกูลโกงที่ไม่เคยยอมรับในการโกงแบบล้างผลาญชาติของตัวเอง แต่ยังคงสร้างวาทกรรมบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมของชาติอันเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่มองเตสกิเออร์ได้สรรสร้างเอาไว้..
แต่กระนั้นก็ตามเมื่อเป็นกรณีที่ตัวเองได้ประโยชน์จากกระบวนการยุติธรรมในกรณีไหน ก็พร้อมจะกลับลำเชิดชูศาลทันทีตัวอย่างเช่นกรณีคดีสลายม็อบพันธมิตร.. “ซาบซึ้งใจที่สถาบันตุลาการเป็นที่พึ่งของประชาชนได้” - สมชายวงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีน้องเขยคุณทักษิณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี