ในสมัยที่ผู้เขียนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยจำได้ว่าท่านประธานสภาทุกท่านในสมัยนั้นมีท่านศาสตราจารย์มารุต บุนนาค ท่านพิชัย รัตตกุลท่านอุทัย พิมพ์ใจชน และท่านประธานสภาทุกท่านได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการพิจารณาร่างกฎหมายที่คณะกรรมาธิการพิจาณาเสร็จแล้วทั้งในวาระที่สองและสาม โดยจะให้ท่านเลขาธิการอ่านเรียงตามลำดับทุกมาตราที่คณะกรรมาธิการ “ไม่มีการแก้ไขและที่แก้ไข” เพื่อให้สมาชิกพิจารณาและลงมติว่า“เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง” เรียงตามลำดับมาตราจนจบร่าง ที่ผู้เขียนในเวลานั้นต้องลงมติอย่างนี้ทุกวาระที่มีการพิจารณาร่างกฎหมายที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เพราะตามข้อบังคับของสภาได้บัญญัติอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญให้บัญญัติไว้ข้อบังคับจึงเป็นธรรมนูญของรัฐสภา ในข้อบังคับปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ใช้บังคับในปัจจุบันนี้ มีข้อ ๑๒๒ กำหนดไว้เช่นเดียวกันนี้ทุกถ้อยกระทงความเหมือกันทุกสมัยที่ผ่านมา
ข้อ ๑๒๒ “ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ให้สภาพิจารณาเริ่มต้นด้วยชื่อร่าง คำปรารภ แล้วพิจารณาเรียงตามลําดับมาตรา และให้สมาชิกอภิปรายได้เฉพาะถ้อยคำหรือข้อความที่คณะกรรมาธิการมีการแก้ไขเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่มีการสงวนคำแปรญัตติหรือการสงวนความเห็นให้อภิปรายได้เฉพาะผู้แปรญัตติที่ได้สงวนคำแปรญัตติหรือกรรมาธิการที่ได้สงวนความเห็นไว้เท่านั้นทั้งนี้ เว้นแต่ที่ประชุมสภาจะได้ลงมติเป็นอย่างอื่น
การพิจารณาเรียงตามลําดับมาตราตามวรรคหนึ่ง ให้สภาพิจารณาและลงมติเรียงตามลําดับมาตราทีละมาตราจนจบร่าง....”
จะเห็นได้ว่าข้อบังคับกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วในวาระที่สอง....จะต้องพิจารณาและลงมติเรียงลำดับมาตราที่มีการแก้และไม่แก้ไขที่ละมาตราจนจบร่าง จึงไปลงมติในวาระที่สามได้
เพียงแต่มาตราที่กรรมาธิการไม่มีการแก้ไขสมาชิกจะอภิปรายไม่ได้เท่านั้น แต่จะต้องอ่านเพื่อให้มีการลงมติว่าจะ “เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียง” เช่นเดียวกับมาตราที่มีการแก้ไข เพราะจะต้องมีการนับจำนวนที่ลงมติและบันทึกไว้ในรายงานการประชุมที่เป็นหลักฐานสำคัญและเปิดเผยต่อประชาชนที่ขอตรวจดูได้
แต่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ เวลาประมาณ๑๓.๓๐-๑๔.๓๐ น. ที่ผู้เขียนนั่งดูการถ่ายทอดสดและอัดเทปไว้เพื่อใช้ประกอบการสอนวิชากฎหมายการคลังที่คณะนิติศาสตร์ มธ.และที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ปรากฏว่าท่านศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ให้เลขาธิการสภาอ่านเฉพาะมาตราที่คณะกรรมาธิการวิสามัญมีการแก้ไขเพื่อการลงมติเท่านั้น แต่มาตราที่กรรมาธิการไม่มีการแก้ไขทุกมาตราท่านประธานจะข้ามไปไม่อ่านสมาชิกสภาจึงไม่มีการพิจารณาและลงมติในมาตรานั้นๆ โดยมีหลายมาตราที่ไม่มีการอ่านให้ลงมติตามข้อบังคับ ตั้งแต่ชื่อร่างพระราชบัญญัติ คำปรารภ ดังนี้
มาตรา ๑ ชื่อร่างพระราชบัญญัติ
มาตรา ๒ วันใช้บังคับ
มาตรา ๓ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ตั้งเป็นจำนวน รวมทั้งสิ้น๒,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ....
มาตรา ๖๑ งบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ให้ตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ เป็นจำนวน ๒๖๐,๘๑๘,๙๓๒,๒๐๐ บาท ...
มาตรา ๖๓ งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการในพระองค์ ให้ตั้งเป็นจำนวน ๔,๑๙๖,๓๒๓,๕๐๐ บาท ...
มาตรา ๖๔ อำนาจสั่งจ่ายเงินแผ่นดิน
มาตรา ๖๕ ผู้รักษาการ ทีเป็นมาตราสุดท้ายที่ตามข้อบังคับกำหนดให้ต้องพิจารณาลงมติจนจบถึงมาตราสุดท้ายนี้
การผิดพลาดไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับตามข้อ ๑๒๒ ดังกล่าวจึงมีผลกระทบตามมาถึงการลงมติในวาระที่สามอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ที่แม้สภาจะลงมติในวาระที่สามว่าสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ก็สืบเนื่องมาจากผิดพลาดในวาระที่สองดังกล่าวมาแล้วจึงเป็นผลให้การลงมติในวาระที่สามผิดพลาดตามไปด้วยเพราะไม่มีการพิจารณาในมาตราที่คณะกรรมาธิการไม่มีการแก้ไขจึงไม่มีการลงมติในมาตรานั้นๆ และท่านประธานก็ข้ามไปให้ลงมติในวาระที่สามเลย
ขอเรียนถามว่าท่านประธานจะใช้ตรรกะใดสรุปว่าสมาชิกผู้ใดเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียงในมาตราที่ไม่มีการแก้ไขเพราะจะต้องบันทึกไว้ในรายงานการประชุมของสภา หรือท่านประธานอาจจะย่อมเล็งเห็นผลแล้วว่าในเทศกาลนี้สมาชิกสนช.ทุกท่านล้วนมาจากการเสนอแต่งตั้งโดยหัวหน้าคสช.และเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยก็จะต้อง “เห็นชอบ”ร่างกฎหมายของรัฐบาลทั้งหมดทุกมาตรา ถ้าคิดอย่างนี้จะไม่เป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีของสมาชิกสนช.ที่มีเอกสิทธิและไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความงอบงำใดๆ ในการลงมติที่รัฐธรรมนูญได้ให้เกียรติไว้อย่างยิ่งหรือสมาชิกสนช.ส่วนหนึ่งก็เป็นอย่างที่คิดกันครับ
แต่ยังมีแนวทางทางแก้ไขตามข้อบังคับข้อ ๑๒๘ ที่อาจจะดำเนินการทบทวนแก้ไขความผิดพลาดนี้ได้ แต่ต้องรีบแก้ไขโดยเร่งด่วนก่อนที่ท่านนายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
เว้นแต่ท่านประธานรวมทั้งท่านนายกรัฐมนตรีมีมิจฉาทิฐิ ไม่ยอมแก้ไขและนำขึ้นถวายฯ ก็ได้โปรดตระหนักถึงปกหน้าหรือตัวบทกฎหมายที่แท้จริงตามธรรมเนียมประเพณีราชนิติตามรูปแบบนี้ ถ้าไม่แก้ข้อผิดพลาดดังกล่าวก็จะเป็นรอยด่างในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ.๒๕๖๑ เช่นเดียวกับปี ๒๕๖๐ ที่สภาแห่งนี้และคณะรัฐมนตรีร่วมกันตัดลดรายจ่ายตามข้อผูกพันที่กระทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ วรรคหนึ่งและมีความรับผิดถึงขั้นพ้นจากตำแหน่งถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตจะต้องชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยที่มีระยะเวลาความรับผิดนี้ถึง ๒๐ ปี
จึงขอโอกาสเตือนมาอีกครั้งหนึ่งโปรดเตรียมตัวระมัดระวังไว้เมื่อเทศกาลขณะนี้ของบ้านเมืองผ่านพ้นไปแล้ว ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี