เรื่องในวงการสหกรณ์ และอัครสาวกของธัมมชโย-ธรรมกาย ยังฉาวไม่จบ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแพ่ง ยืนตามศาลธัญบุรี กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์ เรียกเงินคืนจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี โดยชี้ขาดให้สหกรณ์มงคลเศรษฐีฯ และนายศุภชัย ต้องชดใช้เงินคืนแก่สหกรณ์จุฬาฯ จำนวนราว 215 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
เรื่องนี้ เบื้องลึกเบื้องหลัง เป็นอย่างไร?
1. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ตั้งอยู่ในอาณาจักรธรรมกาย
มีความเกี่ยวพันกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยมี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นผู้บริหารและผู้ก่อตั้งสหกรณ์ทั้งสองแห่ง ปัจจุบัน นายศุภชัยติดคุก คดียักยอกทรัพย์ โกงสหกรณ์คลองจั่น และยังมีคดีฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน ร่วมกับเครือข่ายธรรมกายอีกหลายคดี
2. นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี เป็นไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย อยู่หลายปี (ช่วงปี 2552-2556) ใกล้ชิดสนิทสนมอย่างยิ่งกับธัมมชโย
รายงานประจำปี 2556 ระบุว่า สหกรณ์มงคลเศรษฐีมีทรัพย์สินรวม 2,448 ล้านบาท
มีจำนวนสมาชิก 13,683 ราย มีทุนเรือนหุ้น 902 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท
แต่จริงๆ เริ่มมีข่าวคาว มีอาการปัญหา ตั้งแต่ปี 2556 แล้ว
รายงานประจำปี 2556 ระบุว่า สินทรัพย์ 2,448 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นเงินฝากในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 357 ล้านบาท เงินลงทุนในบริษัท สหประกันชีวิต จำกัด 200 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมระยะสั้นและยาวสะสมรวมกัน 1,664 ล้านบาท
รายละเอียดประเภทสินเชื่อ ในรอบปีบัญชี 2555 สหกรณ์มงคลเศรษฐีรายงานว่า ปล่อยสินเชื่อทั้งหมด 1,774 ล้านบาท จำแนกเป็นการสินเชื่อ 2 ประเภท คือ 1) เพื่อ “การลงทุนประกอบอาชีพ” 1,419 ล้านบาท และ 2) เพื่อ “การกุศล” 232 ล้านบาท
ในรอบปีบัญชี 2556 ปล่อยสินเชื่อทั้งหมดแค่ 173 ล้านบาท ส่วนใหญ่แบ่งเป็นเพื่อ “การลงทุนประกอบอาชีพ” 80 ล้านบาท และเพื่อ “การกุศล” 33 ล้านบาท
คนในแวดวงธรรมกายทราบว่า สำหรับสินเชื่อเพื่อการกุศลนั้น สหกรณ์มงคลเศรษฐีฯ ทำโครงการร่วมกับวัดพระธรรมกาย เพื่อให้สมาชิกสามารถทำบุญกับวัดพระธรรมกาย ในอดีต เคยให้สมาชิกกู้ทำบุญรูปหล่อทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำ สมาชิกกู้ เอาคูปองแทนเงินสดไปทำบุญกับวัดพระธรรมกาย
3. ในช่วงที่สหกรณ์คลองจั่นฯ ที่นายศุภชัยบริหาร และเรื่องโกงเริ่มปูด ส่งกลิ่นออกมาแล้วนั่นเอง
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์มงคลเศรษฐี ทำหนังสือถึงคณะกรรมการ สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ขอรับฝากเงินจำนวน 300 ล้านบาท
โดยมีนามบัตรของนายจิรเดช วรเพียรกุล ผู้ช่วย รมต.คลัง (ขณะนั้น) แนบมาด้วย
แต่ทางสหกรณ์จุฬาฯ เห็นว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพราะไม่มีหลักประกัน เนื่องจากมีมติกรรมการครั้งที่ 1050/2555 วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 กำหนดไว้ชัดเจนว่า หากสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ จะเอาเงินไปฝากไว้กับสหกรณ์ประเภทอื่นที่ไม่ใช่สหกรณ์ออมทรัพย์ จะต้องมีหลักทรัพย์จำนองเป็นประกันเงินฝาก
4. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ทำหนังสือมาที่สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬา อีกครั้ง
ขอรับเงินฝาก 300 ล้านบาท ระยะเวลา 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี
5. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 คณะกรรมการชุดใหม่ของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ เข้าดำเนินงาน มีการประชุม
ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ เป็นประธานดำเนินการชุดที่ 53
ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา เป็นที่ปรึกษาฯ
6. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ได้มีมติยกเลิกมติเดิม ที่เคยกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (มติวันที่ 17 กรกฎาคม 2555)
จากต้องมีหลักประกัน เปิดประตูอ้าซ่า เป็นไม่ต้องมีหลักประกัน
และมีการอนุมัตินำเงินไปฝากสหกรณ์มงคลเศรษฐี จำนวน 200 ล้านบาท
ระยะเวลา 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 6 ต่อปี
กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน โดยโอนเข้าบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ที่ธนาคารกรุงไทย
7. วันที่ 3 ตุลาคม 2556 สหกรณ์มงคลเศรษฐีขอเปลี่ยนแปลงการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน เข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย มาเป็นส่งเข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ที่เปิดบัญชีไว้กับสหกรณ์มงคลเศรษฐี
สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ไม่ได้รับดอกเบี้ยตามเงื่อนไขสัญญา
8. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 เงินฝากครบกำหนด ขอฝากต่อ 200 ล้านบาท
ทั้งๆ ที่ ดอกเบี้ยเดิมก็ยังมีปัญหาค้างคา
วันที่ 11 มีนาคม 2557 สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ อนุมัติฝากต่อ 200 ล้านบาท
ทั้งๆ ที่ ของเดิมยังค้างคา มีปัญหา
หลังจากนั้น สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ทนกระแสกดดันไม่ไหว ดำเนินการฟ้องสหกรณ์มงคลเศรษฐีและคณะกรรมการให้ใช้หนี้ เป็นจำนวนเงินราว 215 ล้านบาท
กระทั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำตัดสินพิพากษาแล้วข้างต้น
9. ปัจจุบัน สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ก็ยังไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียว
น่าสงสัยว่า อดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ที่เคยนำเงินไปฝากไว้กับสหกรณ์มงคลเศรษฐี ด้วยการยกเลิกมติเดิม เปิดทางให้ฝากได้โดยไม่ต้องมีหลักค้ำประกัน ทั้งๆ ที่ ขณะนั้น เริ่มส่งกลิ่นปัญหาของนายศุภชัยแล้ว
พฤติกรรมเช่นนี้ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง ดีงาม รักษาผลประโยชน์ของชาวสหกรณ์จุฬาฯ หรือเข้าข่ายต้องสงสัย ละเว้น ละเลย บกพร่อง ทุจริต หรืออย่างไร?
ชาวสหกรณ์จุฬาฯ จะปล่อยให้ผู้บริหารในอดีตลอยนวลไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?
ผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ คนปัจจุบัน ยังสบายดีอยู่หรือ?
ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีบุคลากรเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ นับพันนับหมื่นราย จะไม่ปกป้องอุดมการณ์ของประชาคมจุฬาฯ หรือรักษาผลประโยชน์ของบุคลากรทั้งมวล ดอกหรือ? โดยที่อดีตผู้บริหารของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ นั้น ก็ล้วนเป็นคนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกือบทั้งหมด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี