ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจากคณะวิชาการต่างๆ และมหาวิทยาลัยอีก 3-4 แห่งให้ไปแสดงวิสัยทัศน์ และความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรวิชา การจัดการเรียนการสอน และเกี่ยวกับบทบาท หรือการวางจุดยืนของมหาวิทยาลัยในยุคโลกาภิวัตน์และการร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น ประชาคมอาเซียน
โดยล่าสุดก็ได้รับการเชิญจาก ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ให้ไปพูดที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ ที่ให้เกียรติและให้โอกาสไปเยี่ยมเยียนสถานศึกษาของท่าน โดยได้ไปเสวนาเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นของคณาจารย์รุ่นที่ 3 ซึ่งจัดได้ว่าเป็นอาจารย์รุ่นยังเติร์ก ที่อนาคตจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำมหาวิทยาลัยต่อไป ซึ่งจากพื้นฐานผมเองที่มาจากแวดวงวังสราญรมย์ กระทรวงการต่างประเทศ และนักการทูตอาชีพ จะคิดอ่านอะไร ก็มักพ่วงเรื่องการต่างประเทศและการโยงใยกับสังคมไทยไปด้วยเสมอ
โดยในเรื่องหลักสูตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผมก็ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ประเทศไทยในปัจจุบันนั้น ข้องแวะค้าขายกับโลกมากมาย และเป็นสมาชิกประชาคมโลกที่ดีมีบทบาทพอตัวมาโดยตลอดอย่างน่าภาคภูมิใจฉะนั้น คณาจารย์ก็ดี ผู้บริหารก็ดี และโดยเฉพาะนิสิตนักศึกษา ไม่ว่าเรียนวิชาแขนงใด ก็น่าจะต้องมีความรู้เรื่องโลก และเรื่องภูมิภาครอบตัว ทั้งความเป็นไป ผลกระทบในด้านโอกาส ความเสี่ยงและพันธกรณี ไปจนถึงประเพณีปฏิบัติและมาตรฐานสากล ซึ่งต้องเข้าใจพื้นฐานที่ว่า โลกมีการเชื่อมโยงและพึ่งพาอาศัยกัน การจะกระทำการหนึ่งใดหรือไม่ทำ ล้วนมีผลสะท้อน หรือผลกระทบข้ามเขตแดน เพราะในวันนี้ไม่มีประเทศใดอยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือทำตนแบบ “ข้าไปคนเดียวได้” อีกต่อไปแล้ว
สำหรับการวางจุดยืน วางบทบาทของมหาวิทยาลัยนั้น ควรจะต้องมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศเป็นสำคัญ ทั้งในเรื่องการเรียนการสอนวิชาการไปจนถึงการค้นคว้าและวิจัย เพื่อตอบสนองสังคม และเสริมสร้างสถานะของประเทศให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ควรแก่การเคารพนับถือและควรแก่การข้องแวะของประชาคมโลก โดยในการนี้มหาวิทยาลัยจึงต้องมีความเป็นผู้บริหารและคณาจารย์ที่รู้เรื่องใน 4 กรอบด้วยกันคือ
1.กรอบโลก
2.กรอบภูมิภาค ซึ่งในกรณีของไทยก็มีเวทีร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ 3 เหลี่ยมตอนใต้ ไทยตอนเหนือ มาเลเซียและเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย (IMT-GT - Indonesia, Malaysia, Thailand, Growth Triangle), ประชาคมอาเซียน, การร่วมมือกลุ่มประเทศรอบอ่าวเบงกอล (BIMSTEC) และกลุ่มการร่วมมือรอบมหาสมุทรอินเดีย
3.ตัวประเทศไทยเราเอง ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาชั้นนำ แต่ยังมีปัญหาติดอยู่ในกับดักการพัฒนา (Middle Income Trap)คือ ขาดองค์ความรู้และเทคโนโลยีของตนเอง และอัตราค่าแรง ค่าจ้างสูงกว่าประเทศกำลังพัฒนาอื่น มีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
4.ตัวท้องถิ่นที่อยู่รอบมหาวิทยาลัย ว่ามีอะไร มีกิจการใด มีศักยภาพใด และมีประเด็นปัญหาใด
จาก 4 กรอบนี้ มหาวิทยาลัยก็จะได้วางตัวได้เพื่อทันโลก และตอบสนองความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะท้องถิ่นรอบตัว และจักได้กำหนดความเป็นเลิศในบางแขนงวิชาการได้อย่างเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยทั่วไปและต่อท้องถิ่น
การรู้จักโลก รู้จักตัวไทยเราเอง บวกวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร และขีดความสามารถของคณาจารย์จะนำไปสู่การบ่มเพาะนิสิตนักศึกษา ให้มีความพร้อมที่จะออกไปดำรงชีวิตเพื่อตนเองและเพื่อสังคมได้ ซึ่งการบ่มเพาะก็มิใช่แค่เรื่องวิชาการ แต่ความเป็นมนุษย์ด้วย โดยเฉพาะการเป็นพลเมืองประชาธิปไตย ที่จะได้ใช้สิทธิและหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถด้วยความภาคภูมิยิ่งขึ้น
ซึ่งก็มีนัยว่า ปรัชญาภายในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นต้องเปิดกว้าง ให้มีการแสดงออกซึ่งความเป็นเลิศทางปัญญา ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต้องมีเวทีให้ได้คิดได้อภิปราย ได้ปรึกษาหารือ และได้ร่วมกันตัดสินใจ กำหนดแนวทางและทิศทาง
ในกรณีของมหาวิทยาลัยสงขลาฯ ผมได้ให้ข้อคิด ข้อตรวจสอบหลักว่า มหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีสภาพพร้อมทางด้านโครงสร้างการปฏิรูป เช่น มีท่าเรือน้ำลึกมีท่าอากาศยาน มีชุมทางรถไฟ สถานีรถบัสมีนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือและเขตอุตสาหกรรมประมง มีชายฝั่งทะเล 2 ฝั่ง ทั้งอันดามันและอ่าวไทย ขณะเดียวกัน ก็มีภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นระยะๆ มีการทำลายต้นน้ำและชายหาด ทะเล แต่ก็มีฐานทัพเรือ มีปัญหาชายแดนภาคใต้และอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ ซึ่งเป็นการบ้านให้กับมหาวิทยาลัยว่า จะร่วมมีบทบาทได้บ้างอย่างไร และจะมุ่งความเป็นเลิศในแบบวิชาการไหน และจะมีความสัมพันธ์(เชิงบริหารกับชุมชนอย่างใดให้เหมาะสม)
โดยงานเสริมหนึ่งที่สำคัญในสถานการศึกษาไทยคือ ทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งผมได้เสนอให้มีค่ายฤดูร้อน เพื่อการพูดการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ให้กับนิสิตนักศึกษาทุกคน เพื่อที่จะให้เกิดความมั่นใจในตนเอง และไม่รู้สึกต่ำต้อย หรือประหม่าเมื่อพบปะเพื่อนนักศึกษาต่างชาติ โดยเน้นเรื่องการติดต่อสนทนาพื้นฐานเป็นหลักให้ได้ก่อนสิ่งอื่นใด
ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็ไม่ได้แตกต่างออกไป ในการจะต้องคิดถึงกรอบโลก ภูมิภาคไทย และท้องถิ่น ในการวางตัว และในการจัดทำหลักสูตร และการค้นคว้าวิจัย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุคลากร และการพัฒนาบุคลากร เพื่อจะนำพาประคับประคองชีวิตอย่างสมบูรณ์ และไม่เป็นรองใคร เพราะมหาวิทยาลัยนั้นคือโลกจำลองที่จะให้นิสิตนักศึกษาได้ทดลองดำเนินชีวิตก่อนที่จะออกไปพบกับโลกข้างนอกมหาวิทยาลัยที่หลากหลายและซับซ้อน
หลักสูตรการเรียนการสอนใดๆจึงควรมุ่งเน้นให้นักศึกษาได้พบทดลองกับสถานการณ์ที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด เพื่อที่จะให้เขาได้มีประสบการณ์เบื้องต้นที่เพียงพอต่อการเอาชีวิตรอดในสังคมนอกรั้วมหาวิทยาลัยในอนาคต
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี