พี่น้องในจังหวัดภาคใต้มีความมั่นใจในพลังงานไฟฟ้าขึ้นมาอีก ระดับหนึ่ง หลังจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้พิจารณารายงาน และให้ความเห็นเป็นไปตามหลักวิชาการของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา หลังจากที่ยืดเยื้อกันมาหลายปี
ได้ข่าวว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ผ่านการประเมินผลกระทบจากโครงการพัฒนาที่จะมีต่อสุขภาพหรือความสมบูรณ์ของ
สิ่งแวดล้อมทั้งทางบวกและทางลบ รวมทั้งความเสี่ยงที่จะมีผลต่อสภาพความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อธรรมชาติ (EHIA) และต้องส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
ถ้าไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคอีก โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนด จะได้เดินหน้าโปรแกรมไทยแลนด์ 4.0 เต็มรูปแบบ
กระนั้นก็ตามยังมีบางฝ่ายแย้งเกี่ยวกับเรื่องการวัดมลพิษค่าปากปล่องควัน
ครับก็ต้องรับฟัง แต่ผมมองว่า ควันจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา มีค่าไม่ถึง 1 ในร้อยล้าน เมื่อเปรียบเทียบกับควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซีย ที่ไหลผ่านอากาศมาปกคลุมพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่างที่มีทุกปี จนท้องฟ้าคล้ำไปด้วยควันไฟ พอๆ กับหมอกควันจากการเผาป่าในภาคเหนือ
โชคดีที่ว่าภาคใต้ลมแรงสามารถพัดควันไฟ ให้เจือจาง ได้ในเวลาไม่นาน
ภาคใต้มีกำลังผลิตกระแส 3,089 เมกะวัตต์ แต่มีความต้องการไฟฟ้า 2,700 เมกะวัตต์ แต่ไม่มั่นคงเนื่องจากความมั่นคงของระบบไฟฟ้าจะเกิดจากการมีกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าหลัก ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน หรือชีวมวลประเภท firm อย่างเพียงพอ ส่วนกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ผลิตไม่ต่อเนื่อง เช่น พลังน้ำ ลม แดด หรือชีวมวลประเภท Non-Firm อาจจะเสริมระบบได้เป็นบางช่วงเวลา เพื่อช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ กำลังผลิตที่มาจากโรงไฟฟ้าหลัก ที่สามารถสั่งการได้ตามความต้องการของระบบ และจ่ายไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง(firm) มีเพียง 2,406 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา และโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช
ที่เหลืออีกราว 600 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าประเภท Non-Firm ที่จ่ายไฟฟ้าได้เป็นบางเวลา หรือไม่สามารถสั่งการได้ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบางลาง จ.ยะลา สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเสริมได้เพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น เนื่องจากต้องระบายน้ำตามแผนบริหารจัดการน้ำที่ทางกรมชลประทานกำหนดและขึ้นกับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวมทั้ง โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) กำลังผลิตรวม 29 เมกะวัตต์ ที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ
สำหรับโรงไฟฟ้ากระบี่ ในความเป็นจริง ก็เป็นโรงไฟฟ้าประเภท firm เช่นกัน แต่โรงไฟฟ้ากระบี่ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง และในช่วงที่ราคาปาล์มตกต่ำก็สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบมาร่วมผลิตได้ ซึ่งเชื้อเพลิงน้ำมันเตามีต้นทุนสูงกว่าการใช้ก๊าซธรรมชาติเกือบเท่าตัว โรงไฟฟ้ากระบี่จึงมีหน้าที่หลักในการเดินเครื่องเสริมระบบกรณีที่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า หรือแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ ที่หยุดผลิตตามแผนหรือมีการแจ้งล่วงหน้า ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ไม่สามารถช่วยระบบในเวลาฉุกเฉินได้ เนื่องจากการจุดเตา หรือการเริ่มต้นเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงขึ้นไป จึงจะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้
ส่วนโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีที่หมดอายุไปแล้ว แต่เนื่องจากระบบไฟฟ้าในภาคใต้ไม่มั่นคง กฟผ.จึงยังจำเป็นต้องสำรองไว้ช่วยระบบในกรณีฉุกเฉิน
จากข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันต้องส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้เกือบทุกวันวันละ 600 เมกะวัตต์ ด้วยสายส่งความยาวกว่า 600 กิโลเมตร จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียหายทั้งระบบหากเกิดภัยธรรมชาติ และจากระยะทางสายส่งที่ยาวไกล จากการ
ก่อวินาศกรรมจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และภัยธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการถูกตัดขาดไฟฟ้าจากภาคกลางได้
ภาคใต้จึงจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลักเป็นของตนเองเพิ่มขึ้นเพื่อลดการพึ่งพากระแสไฟฟ้าจากภาคกลางและประเทศเพื่อนบ้าน
ไทยแลนด์ 4.0 ในสิ่งที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ปรารถนาและเร่งดำเนินการ คือ 1.สร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยกำหนดโมเดลเศรษฐกิจใหม่ 2.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม 3.ใช้พลังประชารัฐเดินไปข้างหน้า 4.เป้าหมายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์
สิ่งหนึ่งที่จะสนับสนุนไทยแลนด์ 4.0 คือระบบไฟฟ้าที่มั่นคง ไม่แพง เพราะถ้าระบบไฟฟ้าไม่มั่นคง มีราคาแพง ก็ถือเป็นกับดักของประเทศ การพัฒนาอาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก และผู้ลงทุนก็อาจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาจทำให้ประเทศไทยไปไม่ถึง 4.0
ก็ต้องช่วยๆ กันนะครับภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของการ “รู้จักเติมรู้จักพอ และรู้จักปัน” ที่รัฐบาลและประชาชนได้คาดหวังไว้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี