“กรมตำรวจ” ในอดีตหรือ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ในปัจจุบัน ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเหมือนกัน แต่การประพฤติปฏิบัติแตกต่างกันมาก ตำรวจยุคก่อนใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาให้เป็นประโยชน์ เกิดคดีแต่ละครั้ง ต้องใช้ความรู้ในการสืบสวนสอบสวนตามคดีอย่างตรงไปตรงมา ตามสายงานที่รับผิดชอบ ไม่ก้าวก่ายคดีที่ไม่ได้รับมอบหมาย และไม่ให้บุคคลภายนอกมาคอยชี้นำหรือจัดฉากสร้างเรื่อง ทำให้ภาพของผู้บังคับบัญชาในอดีตแต่ละท่าน เป็นที่กล่าวขานมาถึงปัจจุบัน....ขณะนี้การปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางนายไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง งานที่ได้รับมอบหมาย ไม่สนใจ ไม่รู้จักหน้าที่ตนเอง แต่มักจะไปแย่งงานนายตำรวจท่านอื่น ขณะเดียวกันจะมีบุคคลภายนอกคอยตรวจสอบเกี่ยวกับคดีต่างๆ ที่ตำรวจตามสถานีตำรวจทำคั่งค้างอยู่มาปรุงแต่ง และส่งให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางคนทำการรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาแล้วให้สื่อที่นายตำรวจเหล่านี้เลี้ยงดูอยู่ แห่กันมาทำข่าวให้ใหญ่โต ด้วยการสั่งให้เจ้าของคดีรีบทำสำนวนให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนที่เสพสื่อเข้าใจว่านายตำรวจคนนี้เก่งมาก สามารถเข้าไปคลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็ว.... ในเนื้อแท้แล้ว นายตำรวจที่ชอบสร้างภาพมักจะเลี้ยงสื่อไว้เป็นจำนวนมาก ไปทำข่าวให้แต่ละครั้งจะมีเงินให้ทุกคนมากน้อยลดหลั่นกันไปและเมื่อไหร่ที่นายตำรวจเหล่านี้ลงไปที่สถานีตำรวจที่ไหน หัวหน้าสถานีคือผู้กำกับจะต้องจัดอาหารคาวหวานตั้งโต๊ะไว้รอรับ เมื่อนายตำรวจท่านนี้เห็นอาหารที่จัดไว้ให้มีเพียงนายตำรวจเท่านั้น ก็จะดุผู้กำกับว่าให้รีบจัดให้สื่ออีกสองโต๊ะ ผู้กำกับต้องวิ่งหัวปั่น ซึ่งค่าอาหารแต่ละครั้งหลักหนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป ผู้กำกับต้องควักเงินของตัวเองจ่าย....ขณะนี้สื่อที่นายตำรวจกลุ่มนี้เลี้ยงไว้ได้รับคำสั่งจากนายตำรวจกลุ่มนี้ให้ออกข่าวว่า ท่านนายกฯและท่านรองนายก มีความเห็นตรงกันว่าจะย้าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.และจะแต่งตั้ง “จ่า” ฝูงของนายตำรวจกลุ่มนี้ให้มาเป็น ผบ.ตร.แทน.....ท่านนายกฯและท่านรองนายกฯเคยทราบบ้างไม่ว่า ตำรวจเขาเอือมระอากับพฤติกรรมนายตำรวจกลุ่มนี้มาก ตำรวจส่วนใหญ่อยู่ในระเบียบวินัย มีความสามัคคีเสมอมา เมื่อนายตำรวจกลุ่มนี้เข้ามามีบทบาทในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างความแตกแยกเกิดขึ้นอย่างมาก ทำให้ตำรวจแบ่งฝ่าย แตกความสามัคคี ที่สำคัญนายตำรวจที่ถูกแย่งงานที่ตนรับผิดชอบอยู่ไปทำเสียเอง ก็พูดไม่ออก ท่านนายกฯ ท่านรองนายกฯควรพิจารณาใช้ ม.44 นำนายตำรวจเจ้าปัญหากลุ่มนี้ที่มักจะใช้กฎหมายเป็นอาวุธในการสร้างปัญหา ให้ไปไว้ข้างตัวท่านเพื่อจะได้ลดแรงเสียดทานใน สตช.และความสามัคคีจะเกิดขึ้นในหมู่ตำรวจต่อไป ผู้ที่จะได้รับประโยชน์แท้จริงจากตำรวจคือประชาชน....สวัสดีครับ
เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี