พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวิภาษอุปนิสัยอย่างหนึ่งของคนไทยไว้อย่างถูกตรงแม่นยำว่ามักทำตามอย่างกัน ดังที่ทรงเรียกว่าเป็นลัทธิเอาอย่าง และลัทธิเอาอย่างนี้แหละที่ทำให้คนไทยและประเทศไทยอ่อนแอล้าหลัง
คนไทยเห็นเพื่อนบ้านเลี้ยงไก่ก็เอาอย่างเลี้ยงไก่ตามไปด้วย แล้วเลี้ยงกันทั้งหมู่บ้าน ในที่สุดไก่ก็ราคาตกและถูกกดราคา พากันขาดทุนป่นปี้
สมัยหนึ่งมีการทำเรือขุดแร่ที่ภูเก็ตก็เอาอย่างกัน ทำกันทั่วทั้งภาคใต้ จนเรือขุดมีมากกว่าแร่ ในที่สุดก็พากันฉิบหายวายวอดสิ้น หรือวันนี้ก็เอาอย่างกันในการขอเปิดร้านสะดวกซื้อ แย่งกันเปิดทุกหัวระแหง จนอีกไม่นานนักร้านสะดวกซื้อก็จะมีมากกว่าผู้ซื้อ ก็จะพากันฉิบหายสิ้น
ทว่าบางเรื่องที่ดีที่งามกลับไม่ค่อยมีคนเอาอย่างกัน ดังเช่นเด็กชนบทบางคนที่กตัญญูรู้คุณบุพการี ที่อยู่กันสองคนกับย่า เด็กน้อยอายุ 8 ขวบ
ก็ดูแลรักษาย่าไม่ห่างกาย หรือในบางกรณีที่เด็กน้อยรับจ้างล้างถ้วยล้างจานเพื่อหาค่าจ้างไปดูแลรักษาแม่ซึ่งนอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่คนเดียว อันเป็นพฤติกรรมดีที่ควรเอาเยี่ยงอย่างกลับไม่มีใครเอาเยี่ยงอย่าง
เราเห็นรัสเซียเขากำหนดระยะพัฒนาชาติเป็นเวอร์ชั่นแบบคอมพิวเตอร์คือรัสเซีย 1.0 รัสเซีย 2.0 มาจนถึงรัสเซีย 4.0 เราก็เอาอย่างเขา ลอกแบบเขา มาตั้งเป็นยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 บ้าง โดยที่ไม่เคยมีประเทศไทย 1.0 หรือประเทศไทย 2.0 หรือประเทศไทย 3.0 มาก่อนเลย
ดังนั้นในขณะที่คนจำนวนหนึ่งทำพิธีไล่ผีปอบออกจากหมู่บ้าน หรือขูดต้นไม้หาเลขหาหวย อีกทางหนึ่งก็ป่าวประกาศจัดทำอีเว้นท์กันเป็นการใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ทั้งๆ ที่คนนำเสนอเรื่องนี้ก็ไม่เคยเรียนหรือมีความรู้ในเรื่องนี้เลย โดยเฉพาะคือแม้คอมพิวเตอร์สักเครื่องหนึ่งเราก็ยังผลิตเองไม่ได้ โปรแกรมต่างๆ ที่เป็นเครื่องมืออันจำเป็นก็ไม่มี แม้กระทั่งงบประมาณและบุคลากรในการศึกษาและวิจัยก็น้อยกว่าน้อยนัก
แล้วจะไปพูดถึง 4.0 ให้คนเขาหัวเราะเยาะกันทำไม! ควรหันกลับมาเดินหน้ายุทธศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้ไว้ ก็จะเป็นมรรคเป็นผลมากกว่า
เราได้เห็นประเทศจีนเขาจัดตั้งระบบ start up เพื่อส่งเสริมคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาธุรกิจขึ้นจากนวัตกรรม เราก็ทำอย่างเขาบ้าง แต่ทำไปคนละเรื่อง เรียกว่าเลียนแบบแบบคนขาเป๋ เพราะขณะที่เรารณรงค์ส่งเสริม start up แต่เรากลับไม่มีกระบวนการในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ริเริ่มกิจการ
ต่างกับประเทศจีนซึ่งเขาเป็นเจ้าของตำรับ ในขณะที่ด้านหนึ่งเขาสนับสนุนการตั้งธุรกิจใหม่หรือที่เรียกว่า start up อีกด้านหนึ่งรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนทางการเงิน ทางเครือข่ายการค้า และทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อให้กิจการนั้นเติบใหญ่ขยายตัวและมีรายได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาทำ start up เพราะเขาถือหลักคิดว่าการช่วยเหลือให้เอกชนสร้างกิจการใหม่ๆ ขึ้นเป็นพลังทางเศรษฐกิจของชาติและเป็นรายได้
ของชาติด้วย เพราะทุกรายได้ของกิจการ รัฐจัดเก็บภาษีได้ถึง 15% จึงเป็นต้นเหตุให้ประเทศจีนมีความมั่งคั่งร่ำรวย
เราเห็นเขาทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ เราก็ประกาศทำตามเขาบ้าง แต่ไม่ได้ทำอย่างเขาที่ถือเอาเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ ที่มีอำนาจหน้าที่พิเศษ เพื่อส่งเสริมและระดมการลงทุนในการพัฒนา ในขณะที่ของเรามีแต่ชื่อ แล้วจัดทำอีเว้นท์ให้สิ้นเปลืองงบประมาณเป็นว่าเล่น
เราเห็นเขาทำระเบียงเศรษฐกิจ ดังเช่นระเบียงเศรษฐกิจยูนนานที่เชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว กับประเทศเพื่อนบ้านที่ติดต่อกัน คือพม่ากับไทย หรือระเบียงเศรษฐกิจกวางสีที่เชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวกับเวียดนาม ลาว และกัมพูชา
เราก็ริอ่านลอกแบบเอาอย่างเขาบ้าง! ตั้งเป็นระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor โดยกำหนดพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา รองรับ แต่กลับไม่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านใดๆ ได้เลยเพราะไม่มีพื้นที่ติดต่อกัน ซึ่งไม่ใช่รูปแบบอันเป็นระเบียงเศรษฐกิจ แล้วกลับมาโฆษณาป่าวร้องกันเป็นการใหญ่
จนถึงวันนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนปรากฏว่า หลังจากจัดทำอีเว้นท์ ทำโรดโชว์กันมโหฬารแล้ว มีนักลงทุนต่างประเทศมาทำความตกลงลงทุนกี่ราย เป็นวงเงินลงทุนเท่าใด และลงทุนอะไรบ้าง ที่สำคัญการลงทุนนั้นเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยหรือไม่เพียงใด ล้วนเป็นความลับมืดงำอยู่ในแดนสนธยาทั้งสิ้น
คงมีแต่เสียงตีฆ้องร้องป่าวว่าจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ จะใช้งบรวมกันร่วม 2 ล้านล้านบาท จนเกิดความวิตกกังวลห่วงใยกันทั่วไป
เราเห็นประเทศจีนริเริ่มโครงการเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นโครงการที่เชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเล ที่เชื่อมต่อประเทศทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลกทั้งหมดเข้าด้วยกัน ยกเว้นเฉพาะเกาะอังกฤษและอินโดนีเซีย ที่ได้เข้าร่วมโครงการเส้นทางสายไหม เกาะอื่นๆ นอกจากนั้นอยู่นอกเส้นทางสายไหม
ทั่วโลกก็ขานรับเข้าร่วม เพราะเป็นการพิจารณาเข้าร่วมบนพื้นฐานผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ และผลประโยชน์ร่วมกันของบรรดาประเทศทั้งหลายที่เข้าร่วม โดยทางบกนั้นถือเอาทางรถไฟเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงที่ขนผู้โดยสารอย่างเดียว หรือรถไฟทางคู่ที่ขนได้ทั้งผู้โดยสารและสินค้า โดยแต่ละประเทศต้องลงทุนในการเชื่อมเส้นทางภายในประเทศของตนเอง ยกเว้นเฉพาะเส้นทางที่เกี่ยวเนื่องกับประเทศข้างเคียง ก็เป็นหน้าที่ของประเทศที่ติดต่อกันนั้นต้องร่วมกันทำ
สำหรับเส้นทางสายไหมทางทะเลก็เชื่อมโยงบรรดาประเทศที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลกตลอดแนวทางชายทะเลทั้งหมดเข้าด้วยกัน วาดภาพง่ายๆ ก็คือจากทะเลเหลือง ด้านตะวันออกของจีน ลงใต้ผ่านทะเลจีนใต้ อ่าวไทย ช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตะวันออกกลาง กระทั่งแอฟริกาไปจนถึงเกาะอังกฤษ
รวมความว่าเส้นทางสายไหมได้ครอบคลุมเอาประชากรกว่า 80% ของโลก ครอบคลุมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวกว่า 80% ของโลก
เพื่อขับเคลื่อนโครงการเส้นทางสายไหม นานาชาติได้ร่วมกันจัดตั้งธนาคารโครงสร้างพื้นฐาน หรือ AIIB เพื่อสนับสนุนทางการเงิน และรัฐบาลจีนได้มอบหมายให้สามสถาบันการเงินใหญ่ของจีนให้การสนับสนุนทางการเงินชนิดไม่อั้น
ประเทศไทยของเราก็อยู่ในเส้นทางสายไหม แต่การจะทำหรือไม่อย่างไรเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศไทยที่จะต้องพิจารณาเอาเองว่าจะทำอย่างไร เพื่อได้รับประโยชน์สูงสุด หรือจะไม่ทำ จะทำให้ตัวเองเหมือนอยู่ในกะลาครอบ ดังที่คนบางจำพวกเหยียดหยามว่าเป็นกะลาแลนด์ ก็สุดแท้แต่ใจ
ทว่าในระดับรัฐบาลนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนรัฐบาลได้ประกาศสนับสนุนและเข้าร่วมโครงการเส้นทางสายไหมเป็นประเทศแรก ในที่ประชุมเอเปก ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง และนำประเทศไทยเข้าร่วมธนาคาร AIIB เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งด้วย รวมทั้งทำความตกลงแบบรัฐต่อรัฐกับจีนในการทำรถไฟทางคู่ไทย-จีน ที่จะเชื่อมทางรถไฟในเส้นทางสายไหมตรงประเทศลาวที่นครหลวงเวียงจันทน์ ก็จะเชื่อมประเทศไทยเข้ากับเส้นทางสายไหมและเส้นทางหลักของโลกได้
แต่ถึงวันนี้ความร่วมมือของประเทศไทยก็ไม่ไปถึงไหน เพราะมีขบวนการเตะตัดขาไม่ยอมให้เกิด มีขบวนการหลอกลวงแหกตาทำแบบไม่ทำ เดินแบบไม่เดิน และฉีกหน้าให้ประเทศไทยได้อายอยู่ตลอดเวลา
แล้วจู่ๆ โดยที่ไม่มีใครในประเทศนี้ได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา รัฐบาล หรือหน่วยงานด้านเศรษฐกิจทั้งหลาย แม้กระทั่งหน่วยงานด้านงบประมาณ ก็มีการแถลงให้เป็นข่าวไปทั้งโลกว่าประเทศไทยกำลังจะจัดทำระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ East-West Economic Corridor ขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก แล้วก็มีคนเรียกขานว่านี่คือ Thailand Silk Road
หลักการก็คือ “ถ้าญี่ปุ่นร่วมมือ” ก็จะให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางเชื่อมเส้นทางจากเวียดนามตอนใต้เข้าเขมร มาที่พื้นที่ EEC แล้วเชื่อมโยงไปที่แม่สอด เข้าพม่า ไปอินเดีย
ช่างเป็นความฝันอันบรรเจิดแท้ๆ และต้องถือว่านี่เป็นการเอาอย่างที่สามารถสนองความฝันได้อย่างอัศจรรย์ยิ่ง แต่ที่จะเป็นความจริงนั้นคงจะไม่มีทางได้เห็นในชาตินี้
เพราะถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรู้กันเลย แม้กระทั่งเวียดนาม และกัมพูชา หรือพม่า ก็ไม่มีใครขานรับสักประเทศเดียว โดยเฉพาะกัมพูชา เวียดนาม และพม่านั้นเขาร่วมเส้นทางสายไหมของแท้อยู่แล้ว เรื่องอะไรจะมาร่วมกับญี่ปุ่น ซึ่งแม้ญี่ปุ่นเองก็ยังงุนงงสงสัยกันอยู่เพราะเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี