ตามที่ท่านเลขาธิการวุฒิสภาได้มีหนังสือที่สว.(สนช.)๐๐๑๔/พิเศษ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐...ในบทความที่เป็นข้อทักท้วงของผมเรื่อง “การมีมลทินในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๑ ว่า มีข้อผิดพลาดในวาระที่สองและสาม เพราะท่านประธานสนช.ไม่ให้เลขาธิการวุฒิสภาอ่านและลงมติมาตราที่กรรมาธิการไม่มีการแก้ไข โดยให้อ่านและลงมติเฉพาะมาตราที่กรรมาธิการแก้ไขเท่านั้น และผ่านไปลงมติในวาระที่สามเพื่อให้เป็นกฎหมายได้ ซึ่งจะเป็นผลให้การลงมติในวาระที่สามผิดพลาดตามมาด้วยและจะเป็นมลทินในต้นฉบับกฎหมายที่แท้จริง ดังที่เกิดขึ้นแล้วในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๐ ที่สภาแห่งนี้ได้ตัดลดรายจ่ายตามข้อผูกพัน ที่เป็นการกระทำขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญและยังมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะนี้
ความจริงแล้ว ผมได้ทักท้วงและมีข้อเสนอแนะการกระทำที่ผิดพลาดข้อบังคับข้อ ๑๒๒ และ ๑๒๘ ต่อท่านศาสตราจารย์พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ที่เป็นผู้ควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามข้อบังคับโดยตรง มิได้ก้าวล่วงไปถึงท่านเลขาธิการวุฒิสภาแต่อย่างใดเลย เพราะทราบดีว่า เลขาธิการวุฒิสภาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของประธานสภา
แต่เมื่อท่านเลขาธิการวุฒิสภาได้ชี้แจงมาว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๑ ได้เป็นไปโดยชอบตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๐ ข้อ ๑๒๒ ประกอบข้อ ๗๕ ที่กำหนดว่า ทำได้ตามข้อนี้ จึงขอให้ท่านพิจารณาข้อ ๗๕ ที่อ้างมา และได้กำหนดไว้ ดังนี้
“ญัตติใดไม่มีผู้คัดค้าน ให้ประธานถามที่ประชุมสภาว่า มีผู้คัดค้านเป็นอย่างอื่นหรือไม่ เมื่อไม่มีผู้เห็นเป็นอย่างอื่น หรือเป็นการพิจารณาญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือเป็นร่างพระราชบัญญัติในวาระที่สอง โดยคณะกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข ให้ถือว่าที่ประชุมเห็นชอบด้วยกับญัตตินั้น”
จะเห็นได้ว่า ข้อบังคับใช้คำว่า “...ร่างพระราชบัญญัติในวาระที่สองโดยกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข...” ฉะนั้นจะเข้าเงื่อนไขตามข้อที่ ๗๕ นี้ จะต้องเป็นร่างพระราชบัญญัติทั้งฉบับที่คณะกรรมาธิการไม่มีการแก้ไขเลย จึงจะถือว่าที่ประชุมเห็นชอบกับญัตตินั้นได้ แต่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๑ มีทั้งมาตราที่คณะกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข ๖ มาตรา และที่กรรมาธิการแก้ไขถึง ๕๘ มาตรา จึงไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่า ที่ประชุมเห็นชอบด้วยกับญัตตินั้น กรณีนี้จึงต้องดำเนินการพิจารณาและลงมติตาม ๑๒๒ กล่าวคือ จะต้องพิจารณาและลงมติเรียงลำดับทุกมาตราจนจบร่าง
ในสมัยที่ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเต็มสมัยบ้างไม่เต็มสมัยบ้าง เคยเป็นกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาที่ใช้เป็นบรรทัดฐานต่อมาของข้อบังคับทุกฉบับจนถึงฉบับ ๒๕๖๐ กล่าวโดยเฉพาะในข้อ ๑๒๒ และข้อ ๗๕ ท่านประธานสภาทุกท่านจะให้เลขาธิการสภาอ่านและลงมติทุกมาตราที่คณะกรรมาธิการมีการแก้ไขและไม่มีการแก้ไข เรียงลำดับจนจบร่าง แล้วจึงลงมติในวาระที่สาม ที่ผมและสมาชิกสภาทุกท่านได้ลงมติเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียงทุกมาตราจนจบร่าง ข้อเท็จจริงนี้
หาดูเพื่อเป็นกรณีศึกษาได้ที่สภานี้
ส่วนข้อ ๗๕ ก็นำมาใช้เฉพาะร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการไม่มีการแก้ไขทั้งฉบับดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ซึ่งนานๆจะมีครั้งหนึ่ง
อนึ่งท่านประธานสภาได้ให้เลขาธิการวุฒิสภาชี้แจงข้างต้นแล้ว ท่านประธานสภาสนช.ได้โปรดชี้แจงถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้แปรญัตติลดตัดทอนรายจ่ายตามข้อผูกพันในมาตรา ๕๗ คือ ๑.ต้นเงินกู้ ๒.ดอกเบี้ยเงินกู้ และต่อมาสภาสนช.ชุดนี้ในวันที่ท่านเป็นประธานการประชุมร่างพ.ร.บ.งบปี ๒๕๖๐ ได้เห็นชอบที่คณะกรรมาธิการแก้ไขตัดทอนรายจ่ายตามข้อผูกพัน ที่รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ และของทุกฉบับห้ามแปรญัตติตัดทอนรายจ่ายในลักษณะนี้ไว้อย่างเด็ดขาด
และคณะรัฐมนตรีชุดนี้ยังได้อนุมัติให้นำรายจ่ายจำนวนที่ตัด ที่กระทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญนี้ไปจัดสรรเพิ่มงบกลางรายการ “เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็น” และของส่วนราชการอื่นๆ จึงเป็นมลทินในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐มาจนถึงปัจจุบัน และแม้งบประมาณปี ๒๕๖๐ จะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ นี้ แต่ความผิดที่ฝ่าฝืนตามมาตรา ๑๔๔ นี้ ยังไม่สิ้นสุดตามไปด้วย เพราะมีระยะเวลาต้องรับผิด ๒๐ ปี และเป็นความผิดติดตัวผู้กระทำผิดทุกคนไปด้วย โดยเฉพาะท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะไม่มีความสง่างามที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก เพราะได้กระทำผิดรัฐธรรมนูญ
ท่านประธานสภา สนช.โปรดชี้แจงเพื่อคณะรัฐมนตรีและสาธารณชนทราบด้วยว่า การกระทำดังกล่าวนั้น ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ครับ
สังคมไทยเป็นสังคมศักดินาตราบจนปัจจุบันทั้งๆ ที่ประวัติศาสตร์ไทยระบุว่า ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญา
สิทธิราชย์ หรือระบอบราชาธิปไตย เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาเป็นเวลาเกินกว่า 85 ปีแล้วก็ตาม
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี