ในเกมการเมืองนั้น ผู้ที่สามารถยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เขาคือผู้มีอำนาจประกาศิต สามารถสั่งให้สังคมเดินไปทางซ้ายหรือทางขวาก็ย่อมได้ และสามารถจะใช้ฝ่ามือปิดแผ่นฟ้าก็ย่อมได้ ดังนั้นหากจะเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจการเมืองแบบเบ็ดเสร็จยอมคืนอำนาจรัฐให้สาธารณชนจึงเป็นเรื่องยากเย็นอย่างที่สุด ถ้าหากเขาไม่ถึงทางตันจริงๆ แล้ว ไม่มีวันที่ผู้มีอำนาจรัฐจะยอมคายอำนาจคืนให้ประชาชน เพราะอำนาจมันหอมหวาน และมีรสชาติเยี่ยมยอด จนทำให้ผู้เสพซึ่งเป็นผู้ไร้สติเกิดอาการหลงใหลได้ปลื้ม และเสพติดในรสชาติแห่งอำนาจ
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจกับการที่ได้พบเห็นว่า เมื่อนักการเมืองไทย ซึ่งหลายรายก็มาจากบุคคลที่มีสถานภาพต่ำจนติดลบ แต่ครั้นเมื่อตะกายเข้าไปอยู่ในวงจรแห่งอำนาจรัฐได้แล้ว คนไร้สติเหล่านั้นก็กลายเป็นวัวลืมตีน เป็นคนลืมกำพืดได้ในบัดดล แล้วใช้อำนาจรัฐอย่างบ้าคลั่งมัวเมา จนสุดท้ายอำนาจรัฐก็กลืนกินผู้ใช้มันโดยปราศจากความยั้งคิด
ส่วนนายพลขุนศึกที่ได้เข้าไปสู่วงจรแห่งอำนาจรัฐก็เช่นกัน คนเป็นจำนวนไม่น้อยจำพวกนี้ต่างหลงระเริงในอำนาจรัฐที่ตนเองปล้นชิงมาจากผู้อื่น โดยอ้างข้อกล่าวหาว่านักการเมืองเป็นพวกเลวร้าย จอมฉ้อฉลปล้นประเทศ แต่สุดท้ายเมื่อนายพลขุนศึกเข้าไปมีอำนาจรัฐแล้ว ก็ปรากฏว่าจำนวนไม่น้อยมิได้เลวร้ายน้อยไปกว่านักการเมืองแต่ประการใดเลย
สังคมไทยได้ประจักษ์กับข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า วงจรอุบาทว์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยมายาวนานเกือบจะครบศตวรรษแล้ว วงจรอุบาทว์ที่ว่านั้นคือ มีการเลือกตั้งสส. แล้วก็จัดตั้งรัฐบาล เมื่อมีรัฐบาลแล้วก็เกิดปัญหาโกงบ้านกินเมือง และใช้อำนาจโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน เมื่อประชาชนทนรับพฤติกรรมสามานย์ของนักการเมืองไม่ได้ ก็ลุกฮือขึ้นเพื่อขับไล่นักการเมืองทรราช จนสุดท้ายนายพลขุนศึกก็ต้องลากรถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธสงครามออกมาทำรัฐประหาร เมื่อรัฐประหารแล้วก็ผลักดันตนเองขึ้นเสวยอำนาจรัฐ เมื่อมีอำนาจรัฐแล้วก็โกงบ้านกินเมืองเฉกเช่นเดียวกับนักการเมือง สุดท้ายประชาชนก็ทนไม่ได้ จนต้องเรียกร้องให้นายพลขุนศึกยอมคายอำนาจคืนประชาชน แล้วนำไปสู่การเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งแล้วก็เวียนวนกลับไปอยู่ในวงจรอุบาทว์ดังเดิม
วงจรอุบาทว์เช่นที่ว่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมไทยต่างประจักษ์เป็นอย่างดีมายาวนาน แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว สังคมไทยก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากวังวนของวงจรอุบาทว์นี้ได้
บัดนี้ได้มีเสียงเรียกร้องจากสังคมไทยกลุ่มใหญ่ดังขึ้นอีกแล้ว โดยต้องการให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561 ส่วนนายพลขุนศึกที่ยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือก็พยายามจะตอบสนองความต้องการของผู้เรียกร้องโดยอ้างว่า เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างลงตัว บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย และบังเกิดความปรองดองในสังคมแล้ว การเลือกตั้งก็จะบังเกิดขึ้นในปี 2561
คำถามสำคัญคือ อะไรและอย่างไหนจึงจะเรียกว่าเหตุการณ์ลงตัว บ้านเมืองสงบเรียบร้อยคืออะไร ทุกวันนี้ยังไม่สงบเรียบร้อยใช่หรือไม่ แล้วความปรองดองสมานฉันท์จะบังเกิดขึ้นได้จริงหรือหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไป แต่คำถามที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เมื่อเลือกตั้งทั่วไปแล้ว สังคมไทยจะพ้นจากวงจรอุบาทว์ได้หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี