การที่ 13 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เข้ารับฟังและยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยต้องร่วมกันชดใช้ความเสียหายแก่บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นเงินรวม 522 ล้านบาทเศษในคดีมวลชนกลุ่ม พธม.บุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 โดยไม่มีการหลบหนีโทษความผิดหรือใช้พลังมวลชนข่มขู่กดดันกระบวนการยุติธรรมถือเป็นการพิสูจน์และตอกย้ำถึงความสง่างามของการแสดงพลังของมวลชนอันบริสุทธิ์กล้าต่อสู้กล้าเสียสละเพื่อความถูกต้องและเพื่อผลประโยชน์ ของส่วนรวม
แกนนำที่ต่อสู้เพื่อส่วนรวมและต้องร่วมกันชดใช้ความเสียหายมูลค่ามหาศาลครั้งนี้ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายอมร อมรรัตนานนท์ นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง นายสำราญ รอดเพชร นายศิริชัย ไม้งาม นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ นายเทอดภูมิ ใจดี
การออกมาชุมนุมแสดงพลังของกลุ่มพธม.ครั้งนั้นเกิดจากการที่รัฐบาลระบอบทักษิณมีการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างเหิมเกริมย่ามใจโดยอาศัยความเป็นเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม
ที่ผ่านมาบรรดาแกนนำกลุ่ม พธม.ปฏิเสธกฎหมายนิรโทษกรรมโดยอ้างการสร้างความปรองดองบังหน้า แต่พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองและยอมรับคำพิพากษาของศาลตามกระบวนการยุติธรรมทุกประการ และทุกนัดที่ศาลนัดพิจารณาคดี บรรดาแกนนำกลุ่ม พธม.จะไปฟังคำพิพากษาทุกนัดไม่เคยคิดหลบหนี และแกนนำบางคนอย่าง สนธิ ถูกศาลพิพากษาจำคุก ซึ่ง นายสนธิ แม้จะป่วยแต่ก็ยอมรับคำพิพากษาของศาลโดยเดินเข้าเรือนจำอย่างสง่างามอันเป็นการพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ใจในการต่อสู้ในแนวทางสันติวิธี โดยไม่มีการเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์บ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมหรือจัดตั้งม็อบไปชุมนุมแสดงพลังเพื่อกดดันหน้าศาลเหมือนบางคนบางกลุ่ม
หรือก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีที่ 6 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันประกอบด้วย นายสนธิ พล.ต.จำลอง นายพิภพ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กรณีบุกยึดทำเนียบรัฐบาลยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 โดยศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 ไม่ได้มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตนและไม่ได้ประทุษร้ายบุคคล จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ไม่รอลงอาญา โดยคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา หลังคำพิพากษาของศาลแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 6 น้อมรับคำพิพากษาของศาลโดยดุษณี และได้ยื่นประกันตัวในเวลาต่อมา โดยไม่คิดหลบหนี
หลังศาลฎีกาพิพากษาให้ชดใช้ความเสียหายมูลค่า 522 ล้านบาท แก่ทอท. แกนนำกลุ่มพธม. อาทิ นายสมเกียรติ กล่าวว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดอยู่แล้ว ไม่กลัวการล้มละลาย อยากเรียนว่าคดีนี้พวกเราไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผมยินดีรับคำพิพากษาทุกประการ แล้วไม่หนีศาล ศาลจะทำอย่างไรหรือบังคับคดีก็ยินดี เพียงอยากจะบอกพี่น้องประชาชนว่า เราได้ต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว”
ขณะที่ นายสุริยะใส โพสต์ในเฟซบุ๊คว่า “ศรัทธายังคงอยู่ จุดยืนพวกเราน้อมรับคำพิพากษาของศาล แม้จะมีแง่มุมที่เห็นต่าง แต่เราต้องยอมรับ และต้องรับผลที่จะเกิดกับเราทุกอย่างต่อจากนี้ไป ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราได้กระทำลงไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและต่อต้านรัฐบาลทรราชที่ฉ้อฉลตอนนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือทำไปเพราะแรงจูงใจแห่งผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด”
เมื่อเทียบกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก เคยพยายามให้ทีมทนายความส่วนตัวถือถุงขนมภายในบรรจุเงิน 2 ล้าน หวังหยั่งเชิงติดสินบนศาลในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก แต่ศาลไม่เล่นด้วยซ้ำสั่งจำคุกทีมทนายความ ทำให้ นายทักษิณ ไหวตัวรู้ว่าศาลเอาจริงมีหวังติดคุกแน่จึงหนีออกนอกประเทศไปอย่างลอยนวลสะท้อนถึงความไม่กล้า ที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมเพราะรู้แก่ใจว่าตัวเองผิดจริง
นายทักษิณ พยายามบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมบิดเบือนอ้างว่าสองมาตรฐาน และถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้ ทั้งๆ ที่ความจริง นายทักษิณ สามารถเดินทางกลับได้ตลอดเวลา แต่ที่ไม่กลับเพราะหนีโทษความผิดตามคำพิพากษาศาลไปเสพสุขอยู่ในต่างแดน ส่วนที่อ้างสองมาตรฐาน นายทักษิณ กลับไม่พูดถึงหลายคดีที่ศาลตัดสินเป็นคุณกับตัวเอง และทั้งๆ ที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมแต่เวลาที่ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบก็จะมอบหมายให้ทนายในไทยฟ้องดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท
เช่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดที่ถูกชักใยโดย นายทักษิณ ผู้เป็นพี่ชายในฐานะจำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการทุจริตมโหฬารและสร้างความเสียหาย แก่ประเทศกว่า 5 แสนล้านบาท หนีออกนอกประเทศโดยไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล
เพราะฉะนั้นนักเคลื่อนไหวมวลชนที่ต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อความถูกต้องชอบธรรมและเพื่อชาติและประชาชนจึงเปรียบ เหมือนทองแท้ที่ต่างจากพวกทองเก๊ที่ชอบสร้างภาพแต่พร้อมทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี